ตอนที่ 2697 หากลุ่มนักเลง
วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็ไปปรึกษาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อ เธอเสนอความคิดของตัวเองไป ฉีฉีเก๋อตบมือเห็นด้วย “เห็นด้วย ฉันเข้าร่วมด้วยแน่นอน!”
แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับลังเล สักพักถึงถามขึ้นมาว่า “ใครเป็นออกเงิน?”
ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้คงใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ แถมมูลนิธิก็เป็นองค์กรการกุศลอีก องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรคงไม่มีรายได้แม้แต่แดงเดียว ดังนั้น…เรื่องทุนจึงเป็นเรื่องใหญ่
“ฉันออกเอง…ฉันออกเองทั้งหมด!” เหมยเหมยเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ เธอมีอย่างอื่นไม่เยอะแต่มีเงินเยอะ!
และถึงเวลาคืนให้สังคมแล้ว!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบน “เธอนึกว่าใช้แค่หมื่นสองหมื่นเหรอไง? มูลนิธิเปรียบดั่งหลุมลึก ต่อให้เธอมีเงินมากมายขนาดไหนก็ถมไม่หมดหรอกนะ!”
“ไม่เป็นไรเลย ฉันจ่ายไหว!” เหมยเหมยมีเงินจริง ๆ เธอไม่ได้คิดมากเรื่องนี้เลย เงินที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด ต่อให้เป็นหลุมลึกขนาดไหนก็ถมให้เต็มได้
ฉีฉีเก๋อเอ่ย “ฉันก็ออกเงินได้เหมือนกัน!”
“พอเลย เงินนิดเดียวของเธอเก็บเอาไว้ใช้ตอนแก่เถอะ มีฉันกับเหมยเหมยอยู่ไม่ต้องให้เธอออกหรอก เธอมีเงินมากกว่าเราสองคนหรือไง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างหัวเสีย พอปริปากพูดหน่อยก็ไม่น่าฟังเหมือนเคย
ฉีฉีเก๋อชินชากับวิธีการพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนานแล้วจึงยิ้มตอบตกลง “ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ออกเองหมดเลย เดี๋ยวฉันทำงานให้แล้วกัน!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจ ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา เธอจ้องฉีฉีเก๋อแน่นิ่งไม่กะพริบตาแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว!
เมื่อทั้งสามคนตกลงกันลงตัวแล้วเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงติดต่อไปหาพี่หนิว เดิมทีนึกว่าต้องพูดหว่านล้อมเหนื่อยหน่อยแต่พี่หนิวกลับตอบตกลงอย่างมีความสุข แถมไม่เอาเงินเดือนด้วย เธอแค่บอกว่าอยากช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้หญิงที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้นอย่างแท้จริง
ดังนั้น…จุดเริ่มต้นของมูลนิธิกระโปรงสีชาดต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจึงจัดตั้งขึ้นด้วยประการนี้ แน่นอนว่ายังต้องผ่านกระบวนการประทับตราอีกหลายขั้นตอน โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นมีคนรู้จักข้างใน แค่โทรหาก็ช่วยเหมยเหมยจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น เพียงไม่ถึงครึ่งวันก็ประทับตราทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
จากนั้นมูลนิธิกระโปรงสีชาดร่วมช่วยเหลือและต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจึงจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ!
เหตุผลที่ตั้งชื่อว่ากระโปรงสีชาดเพราะเหมยเหมยหวังว่าผู้หญิงทุกคนจะสวมใส่กระโปรงแดงแล้วเต้นรำอย่างเริงร่าท่ามกลางสายลมเหมือนดอกกุหลาบสีแดง!
ไม่ใช่พอแต่งงานแล้วก็เหี่ยวแห้ง!
“พอดีเลยฉันมีบ้านหลังหนึ่งว่างอยู่เอามาทำเป็นออฟฟิศได้ ส่วนพนักงานฉันคิดว่าหาอาสาสมัครน่าจะดีกว่า ถ้าจะให้ดีเลยควรจะมีความรู้ทางด้านหมอ ทนายความ หรือด้านจิตวิทยาด้วย แน่นอนว่าต้องจ้าง ‘กลุ่มนักเลง’ มาด้วย” เหมยเหมยเสนอความเห็น
“นักเลงอะไร? พวกเราเป็นมูลนิธิที่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำสิ่งที่ผิดกฎหมายไม่ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนย้ำเตือน
เหมยเหมยยิ้มอย่างเย็นชา “ผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ชอบทุบตีผู้หญิงหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาลิ้มรสความรู้สึกที่ถูกผู้หญิงทุบตีบ้างไง ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เอาถึงตายสักหน่อย แอบทำก็พอ อย่างมากตำรวจก็แค่ถามนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
พวกตำรวจยุ่งกันจะตาย จะเอาเวลาที่ไหนมายุ่งเรื่องไร้สาระแบบนี้!
ฉีฉีเก๋อกลับเห็นดีงามด้วยแล้วออกตัวว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันสมัครเป็นนักเลงเอง จะซัดพวกสารเลวนั่นจนแม้แต่พ่อแม่พวกมันก็ดูไม่ออกว่าเป็นใครเลย!”
“เธอคนเดียวไม่พอต้องไปหาเพิ่มอีก ทางที่ดีควรเป็นผู้หญิงที่เคยเจอเรื่องความรุนแรงในครอบครัวจะได้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่หน่อย”
เหมยเหมยยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งมา เธอเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้เมื่อคืน การที่จะต่อกรกับผู้ชายเลว ๆพวกนี้ลำพังแค่อบรมสั่งสอนด้วยคำพูดไม่มีประโยชน์หรอก คำพูดดีดีเป็นหมื่น ๆคำก็สู้ไม้หน้าสามหวดสักตั้งไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องลงมือจัดการซัดให้หมอบไปเลย แบบนี้ถึงจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง
พี่หนิวเห็นด้วยกับความคิดของเหมยเหมยอย่างมาก “เดี๋ยวนักเลงพี่ไปหาเอง แค่สิบกว่าคนไม่ใช่ปัญหาเลย พวกเขาล้วนเคยทุกข์ทรมานเพราะผู้ชายมาแล้วทั้งนั้น!”
เหมยเหมยตบแปะมือกับเธอแล้วเอ่ยพร้อมกลิ่นอายนักสู้ “ภารกิจแรกของมูลนิธิกระโปรงสีชาดของพวกเราก็คืออาจารย์มหาวิทยาลัยสารเลวนั่น พี่ อย่าให้เพื่อนพี่อ่อนข้อเด็ดขาดเลยนะ แล้วก็อย่าต่อยหน้าล่ะ!”
……………………………………….
ตอนที่ 2698 เข็มเงินของหรงโมโม
“ทำไมถึงไม่ให้ต่อยที่หน้าล่ะ? ต่อยหน้ารู้สึกสะใจกว่าอีกนะ?” ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเธอจะเตะหน้าอาจารย์มหาวิทยาลัยที่วางมาดขรึมนั่นจนบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรหายไปเลย!
“เธอบื้อหรือไง…การทำร้ายร่างกายผิดกฎหมาย เราต้องแอบทำจะทิ้งหลักฐานไว้ไม่ได้ เจ้าหมอนี่ฉลาดจะตาย เวลาทำร้ายภรรยายังเป็นแผลใต้ร่มผ้าจนคนภายนอกมองไม่ออกเลยสักนิด แบบนี้เรียกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีดตัวขึ้นมาแล้วตบศีรษะของฉีฉีเก๋อไปทีหนึ่ง โตมามีแต่สมองเปล่าจริง ๆ!
ฉีฉีเก๋อลูบศีรษะตัวเองแล้วทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ กำหมัดแล้วร้องขึ้นว่า “ได้…เตะเข้าที่ท้องไง ให้ฉันจัดการเอง!”
ช่วงนี้เธอเพิ่งลงทะเบียนเรียนมวยไป หากผสมผสานกับมวยปล้ำที่เธอเรียนมาก่อนหน้านั้น แม้แต่โค้ชผู้ฝึกสอนก็สู้เธอไม่ได้แน่
“เธอไม่ต้องไปเลย เธอมือหนักเกินไปเดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่โตเอาได้ พวกเราต้องใช้เล่ห์กลหน่อย จะจัดการคนทั้งทีก็ทำให้ดูดีมีอารยธรรม อย่ากระทำแบบป่าเถื่อนเลย” เหมยเหมยยิ้มเจ้าเล่ห์
เธอคิดไว้นานแล้วว่าเธอจะจัดการผู้ชายสารเลวพวกนั้นอย่างไร!
ให้พวกมันรู้จักเข็มเงินของหรงโมโมหน่อยแล้วกัน!
ทำร้ายคนโดยไม่ทิ้งรอยแผลไว้แต่ทำให้คุณเจ็บปวดถึงทรวงใน ถึงจะไปหาตำรวจก็ไม่มีประโยชน์ ช่างเป็นเครื่องมือที่จัดการผู้ชายเลว ๆได้ดีไม่หยอกเลย!
“ใช้สิ่งนี้…แต่ละเล่มยาวสามนิ้ว แทงคนแล้วไม่ตาย ถือไว้คนละเล่มนะ เอาไว้จัดการเจ้าหมาป่าที่ทารุณคุณครูให้ตายไปเลย!”
เหมยเหมยล้วงหยิบเข็มเงินวาววับออกมาจากกระเป๋า ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นจ้างทำมาให้เธอไว้สำหรับป้องกันตัวโดยเฉพาะ แต่ว่าเธอใช้ไม่ค่อยถนัดมือเลยใช้นับครั้งได้ แต่ตอนนี้คงต้องลำบากมันหน่อยแล้ว!
“โดนแทงแล้วเจ็บไม่เบาเลยนะเนี่ย ไม่เลวเลย…ไม่ปางตายถึงชีวิตด้วย เหมยเหมยนี่รอบคอบจริง ๆ…จริงสิ…พวกนี้เป็นเข็มเงินเหรอ?” บทสนทนาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องวัสดุที่เอามาทำเข็มแล้ว
เหมยเหมยชะงักแล้วก็พยักหน้า “ไม่ใช่เงินแท้หรอก มีโลหะอื่น ๆผสมด้วย ถ้าเงินแท้จะอ่อนเกินไป”
“ถ้าอ่อนไปก็ใช้เหล็กสิ ใช้โลหะผสมอะไรกัน พวกสารเลวนั่นไร้ราคาจะตาย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจ โลหะผสมที่เหยียนหมิงซุ่นใช้ต้องไม่ใช่วัสดุราคาถูกแน่ เข็มเงินอันหนึ่งคงจะแพงกว่าทองแหง
เหมยเหมยกลั้นขำไม่อยู่ คำนวณเก่งจริง ๆ เหมือนเป็นลูกคิดมาตั้งแต่เกิด
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งจึงถามพี่หนิวขึ้นว่า “ภรรยาของเจ้าหมอนั่นคงหมดรักแล้วใช่ไหมคะ? ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวเราไปสั่งสอนผู้ชายแทนเขา เธอจะเปลี่ยนใจมาหักหลังเราได้!”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องลูก เฝิงอวี้คงพลั้งมือฆ่าผู้ชายของเธอไปแล้ว มีหลายครั้งที่หยิบมีดขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ลงมือสักที!” พี่หนิวทุบอกรับประกัน
เหมยเหมยครุ่นคิดแล้วพูด “เอาอย่างนี้ไหม งั้นให้เฝิงอวี้มาจัดการสั่งสอนไอ้สารเลวพร้อมกับพวกเราด้วยเลย เพราะอย่างไรพวกเราก็สวมหน้ากาก ไอ้สารเลวนั่นไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร!”
อีกอย่างแบบนี้ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเฝิงอวี้ด้วย ตามที่พี่หนิวบอกเฝิงอวี้มีอาการซึมเศร้าหลังจากเผชิญความรุนแรงมาเป็นระยะเวลานาน ร่างกายย่ำแย่ โรคมะเร็งเต้านมทวีอาการหนักขึ้นมากซึ่งปีที่แล้วเพิ่งผ่าตัดไป คุณหมอก็พยายามให้เธอรักษาสภาพจิตใจไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นจะอันตรายมาก
ส่วนใหญ่มะเร็งเต้านมเกิดจากภาวะซึมเศร้าของผู้หญิง สถานการณ์ของเฝิงอวี้จึงอันตรายมาก เธอต้องเอาความเครียดในใจระบายออกมาถึงจะดีขึ้น
พี่หนิวมาหาเฝิงอวี้ เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็ตามมาด้วย ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่บ้านเลี้ยงนันนันเพราะเจ้าตัวน้อยติดเธอมาก ทำเอาคุณหนูเหริ่นทั้งภูมิใจและเสียใจและตระหนักถึงความยากลำบากในการเป็นแม่ล่วงหน้า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสุขของความเป็นแม่ซึ่งทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน!
เฝิงอวี้เป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ตอนที่พวกเหมยเหมยไปถึงเฝิงอวี้เพิ่งจะเลิกสอน ในมือหอบการบ้านปึกหนึ่ง สีหน้าดูย่ำแย่มาก ผอมแห้งจนน่าตกใจ แต่ดูแข็งแรงกว่าเยวี่ยเซียงหน่อย
“กระโปรงสีชาด? จะช่วยฉันสั่งสอนสามีงั้นเหรอ?” เฝิงอวี้มองเหมยเหมยด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงหน้าตาสวยคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่พี่หนิวพาเธอมาด้วยคงไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน
………………………………