บทที่ 2699 หัวอกเดียวกัน + ตอนที่ 2700 ปฏิบัติการกลุ่ม

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2699 หัวอกเดียวกัน

พี่หนิวแนะนำเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อให้รู้จัก ทั้งยังจงใจพูดถึงตัวตนของเหมยเหมยด้วย “เธอเป็นคนมีการศึกษาคงต้องเคยได้ยินเรื่องเจ้าหญิงขี้เหร่แน่ ๆ เธอคนนี้แหละที่เป็นนักเขียนเรื่องเจ้าหญิงขี้เหร่ เป็นคนมีจิตใจดีมาก หลังจากได้ฟังเรื่องของเธอ เขาก็อยากจะช่วยเหลือเธอ!”

เฝิงอวี้ยิ้มอย่างดีใจพูดตะกุกตะกัก “คุณคือคุณจ้าวเหมยเหรอคะ? โอ้ย…ฉันชอบหนังสือของคุณมากเลยค่ะ ฉันซื้อหนังสือของคุณทุกเล่มเลย…”

เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านักเขียนที่เธอชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ แถมยังอายุน้อยมากด้วย ทั้งยังมาหาเธอถึงที่เองอีก…รู้สึกดีใจมากจริง ๆ เฝิงอวี้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้ยิ้มแบบนี้มาหลายวันมากแล้วจริง ๆ!

เหมยเหมยก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฝิงอวี้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอยิ่งต้องช่วยเหลือเข้าไปใหญ่ เธอยิ้มพลางเอ่ย “คุณอายุมากกว่าฉันเรียกชื่อฉันก็พอค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอก ฉันรับไม่ไหวหรอกค่ะ”

เฝิงอวี้ยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีเลือดฝาดทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาหน่อย เพราะเดิมทีเธออายุก็ไม่ได้มากเพิ่งจะ 35 ปีเอง แต่เนื่องด้วยชีวิตคู่ที่เลวร้ายเลยทำให้เธอดูไม่สดใสเหมือนคนในวัยเดียวกัน

พี่หนิวพูดถึงเยวี่ยเซียงอีกครั้ง เฝิงอวี้รู้จักเยวี่ยเซียง พอได้ยินเรื่องราวของเธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “หลังเลิกงานฉันจะไปเยี่ยมเธอเพราะอย่างไรเสียก็หัวอกเดียวกัน บางทีการตายก็ถือเป็นการปลดปล่อยสำหรับคนอย่างพวกเราเหมือนกัน เพียงแต่สงสารเจ้าหนูนันนัน”

“เหลวไหล…มีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตายเพราะถ้าตายก็หมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง คิดถึงเสี่ยวจวินของเธอสิเพิ่งจะอายุ 9 ขวบเอง เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตเลยนะ ถ้าไม่มีเธออยู่ไอ้สารเลวนั่นจะเลี้ยงเสี่ยวจวินได้ดีเหรอ? พอถึงตอนนั้นหาแม่เลี้ยงมา…เสี่ยวจวินจะยังอยู่ได้เหรอ?” พี่หนิวพยายามพูดโน้มน้าวอย่างอดทน

เฝิงอวี้ตัวสั่นอย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ทุกวัน เพราะตัดใจทิ้งลูกไม่ลงเธอถึงได้พยายามที่จะอดทนแล้วอดทนเล่า ทนจนทนไม่ได้แต่ก็ยังต้องทน

ขอแค่อดทนจนลูกโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะได้ปลดปล่อยแล้ว!

แต่เธอก็ไม่รู้จริง ๆว่าเธอจะทนถึงตอนนั้นได้ไหมเพราะร่างกายก็ทรุดลงเรื่อย ๆ สภาพจิตใจก็ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้สอนหนังสือผิดพลาดบ่อยจนผู้อำนวยการเรียกเธอไปคุยแล้ว

“พี่ ฉันทิ้งลูกไม่ได้ฉันถึงได้ทน ไม่กล้าพูดกับใครเลย ขนาดพ่อแม่ฉันยังนึกว่าเขาเป็นคนดีอยู่เลย พอเจอหน้ากันก็เอาแต่ชมว่าเขาดีกว่าลูกชายแท้ ๆตัวเองด้วยซ้ำ!”

เฝิงอวี้เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮ นี่เป็นจุดที่เธอรู้สึกแย่มากที่สุด

ครั้นถูกทำร้ายแต่เธอกลับระบายกับใครไม่ได้เลย ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ แม้แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังต้องแสร้งทำเป็นยิ้ม ถ้าไม่ใช่เพราะตอนหลังเธอได้รู้จักพี่หนิวล่ะก็เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะอดกลั้นได้ถึงตอนนี้ไหม!

พี่หนิวลูบแผ่นหลังของเฝิงอวี้ปลอบใจแล้วค่อย ๆเล่าแผนของเหมยเหมยให้ฟัง เฝิงอวี้จึงค่อย ๆหยุดร้องไห้แล้วเบิกตากว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าแบบนี้จะทำให้พวกคุณลำบากไปด้วยหรือเปล่า?” เฝิงอวี้รู้สึกตื่นเต้นพร้อมใจที่เต้นตึกตัก พระเจ้ารู้ดีว่าเธออยากโต้กลับสามีเธอมากขนาดไหน…ในฝันยังคิดเลย แต่เธอสู้สามีไม่ไหว

แต่ตอนนี้มีคนช่วยจัดการแทนเธอ แล้วเธอจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรกัน?

แต่เธอก็ยังกังวลว่าจะพลอยทำให้คนอื่นลำบากไปด้วยโดยเฉพาะเหมยเหมยที่เป็นคนของประชาชน เกรงว่าถ้าใครรู้เข้าจะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเอาได้ เธอจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ไม่ได้

“วางใจเถอะ…พวกเราต่างใส่หน้ากากกันทุกคนแล้วค่อยแอบลงมือกัน ต่อให้เจ้าหมอนั่นแจ้งตำรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้แจ้งตำรวจจริงก็ไม่ต้องกังวล ฉันเอาอยู่แน่นอน!

เหมยเหมยยักคิ้วให้ สามีของเธอเก่งจะตายเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา ถ้าไม่ใช้สามีแล้วปล่อยให้หมดอายุก็หมดประโยชน์สิ!

เฝิงอวี้สงบสติลงและไม่ได้ไตร่ตรองนาน เธอพยักหน้าอย่างแรง “ตอนบ่ายเขาจะไปชมการแสดงละครเวที เขาจะอยู่ในชมรมละครเวทีตั้งแต่บ่ายสองครึ่งถึงห้าโมงเย็น พวกเราแค่ไปดักเจอเขาตรงนั้นก็ได้!”

เมื่อคืนเจ้าหมอนั่นทุบตีเธออีกแล้ว แม้แต่หายใจเธอยังเจ็บเลย สองคาบเรียนวันนี้เธอพยายามฝืนใจสอนกว่าจะหมดคาบ ฉะนั้นเธอจะต้องเอาคืนให้ได้!

……………………………………….

ตอนที่ 2700 ปฏิบัติการกลุ่ม

เดิมทีพี่หนิวคิดจะไปหาผู้หญิงที่ประสบเรื่องราวเดียวกันมาเพิ่มอีกสักสองสามคน แต่เหมยเหมยคิดว่าครั้งแรกอย่าเพิ่งทำอะไรใหญ่โตเลยดีกว่า ดังนั้นจึงมีแค่เธอ พี่หนิว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ฉีฉีเก๋อ และเฝิงอวี้รวมกันห้าคนก็พอแล้ว!

ห้าต่อหนึ่ง ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ชายพละกำลังมากก็เพียงพอแล้ว!

แต่ว่า—

คุณย่าหยางที่อยู่บ้านว่าง ๆพอได้ยินว่าวันนี้เหมยเหมยจะลงมือ อีกทั้งเป้าหมายยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เลวทรามต่ำช้าคนหนึ่งจึงทำให้เธอเลือดขึ้นหน้าเลยเป็นฝ่ายขอไปร่วมด้วย

“ฉันจะไปด้วย!”

“ไม่ได้ค่ะ คุณย่าอยู่บ้านเฉย ๆเถอะค่ะ!”

เหมยเหมยปฏิเสธเสียงแข็ง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คุณย่าอายุ 70 กว่าปีแล้ว ถ้าเกิดแข้งขาล้มขึ้นมาเธอจะไปบอกเหยียนหมิงซุ่นอย่างไร?

คุณย่าหยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้าฉันไปด้วยมีข้อดีเยอะเลยนะ ฉันจะไม่ลงมือแต่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ถ้าถึงตอนนั้นไอ้สารเลวนั่นจะแจ้งตำรวจขึ้นมาจริง ๆ พวกเธอก็บอกว่าฉันเป็นคนลงมือทำผลักภาระมาให้ฉันแทน ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว ตำรวจยังจะมาจับฉันอีกเหรอ?”

การอ้างว่าเป็นคนแก่ที่ทุกคนต้องเคารพไม่ใช่แค่ลมปาก!

อายุขนาดนี้แล้วไม่กลัวหรอกโจร แต่กลัวโดนหลอกมากกว่า!

เหมยเหมยหวั่นไหวตาม ความคิดของคุณย่าไม่เลวเลยทีเดียวเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเลย!

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคค่ะ…พวกเราตกลงกันตามนี้นะ คุณย่ายืนดูห่าง ๆห้ามลงมือ ไม่อย่างนั้นรอบหน้าหนูจะไม่พาคุณย่าไปแล้วนะ!” เหมยเหมยกำชับ

“รับประกันว่าจะไม่ลงมือ…คำพูดของฉันเชื่อถือได้!” หญิงชรารู้สึกตื่นเต้นมาก เธอจงใจเปลี่ยนใส่รองเท้าหนังหัวโตสีสันสดใสคู่หนึ่งก่อนออกจากบ้านซึ่งเป็นรองเท้าที่เหมยเหมยซื้อให้ก่อนหน้านั้น

คุณป้าฟางที่อยู่ข้าง ๆห้ามใจไม่ไหวจึงขอไปด้วย “ป้าไปเป็นบอดี้การ์ดให้ มีป้าอยู่ คุณย่าจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!”

จัดการผู้ชายสารเลว…แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว เธอจะได้ยืดเส้นยืดสายด้วยพอดี!

คนเยอะก็ไม่น่าต้องกังวลอะไร เหมยเหมยจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย “ไปเถอะ ไปเถอะ…!”

“แม่คะ…หนูก็จะไปด้วย!”

ลุงเหลาเพิ่งพาพวกเล่อเล่อกลับมาบ้าน ยังจับใจความเรื่องไม่ได้เล่อเล่อก็ขอมาร่วมวงด้วยแล้ว เธอกอดขาของเหมยเหมยไว้แล้วร้องเสียงโหยหวนเพราะถ้าได้ออกไปกับแม่จะต้องมีเรื่องสนุกแน่ แล้วยังมีของกินอร่อย ๆด้วย

“ไปให้หมดนี่เลย…วันนี้ครอบครัวเรามาร่วมฉลองวันสตรีสากลโลกล่วงหน้ากัน อาเหลา…อาหารมื้อเย็นเตรียมไว้ให้ดีล่ะ ถ้าเตรียมไม่ทันก็ให้ตาเฒ่าช่วยเป็นลูกมือ!”

คุณย่าหยางยิ้มตาหยีพร้อมพูดบอกลุงเหลาที่ยืนตะลึงแน่นิ่ง ผู้หญิงทุกคนออกบ้านด้วยพลังอันเปี่ยมล้นทิ้งให้คุณปู่เหยียนและลุงเหลามองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก

“คุณปู่ พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด?”

“ฮึ…ออกไปหาเรื่องต่อยตีคนอื่น…เห็นแก่ตัว…ออกไปเที่ยวก็ไม่พาพวกเราไปด้วย…”

คุณปู่เหยียนเดินไปเล่นกับเจ้านกน้อยที่สวนหลังบ้านด้วยไม้เท้าอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้สารเลวนั่นก็เลวพอ ๆกันกับลูกชายเขานี่แหละ เขาก็อยากจะใช้ไม้เท้าหวดใส่สักตั้ง แต่หญิงชรากับหลานสาวตาหามีแววไม่ ไม่เอ่ยชวนเขาไปด้วยสักนิด…ช่างน่าโมโหจริง ๆ!

ตอนแรกเหมยเหมยยังรู้สึกเอือมระอาอยู่บ้างเพราะมีทั้งคนชราและเด็กเหมือนออกไปเที่ยว แต่ครั้นเห็นคนทั้งสี่ที่เดินตามอยู่หลังเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วเธอก็ใจชื้นขึ้นมาก

ที่แท้พ่อปู่แม่ย่า รวมถึงพ่อและแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน…ต่างก็มากันหมด!

แถมสวมหน้ากากมาเองด้วย ทุกคนล้วนสวมหน้ากากสีขาวราวกับผีชีวะอย่างไรอย่างนั้น

“ใครดูแลนันนันล่ะ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“พี่สะใภ้ของฉันอยู่ที่บ้าน พวกเราออกเดินทางกันเถอะ วันนี้ต้องถลกหนังไอ้สารเลวนั่นออกมาให้ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบจะอดใจไม่ไหวพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย คุณแม่เหริ่นที่อยู่ด้านหลังก็เช่นเดียวกัน  มีอาวุธครบมือ ตัวสนับกันกระแทกก็ใส่ไว้เรียบร้อย!

เหมยเหมยกระตุกยิ้มมุมปาก…อยู่ดี ๆก็รู้สึกสงสารสามีของเฝิงอวี้ขึ้นมาเชียว!

การต่อสู้ในครั้งนี้…เกรงว่าจะต้องฝันร้ายไปอย่างน้อยครึ่งปีเลยล่ะ!

“ไปกันเถอะ…ไปดักที่ชมรมละครกัน!” เหมยเหมยส่งสัญญาณ พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น กลิ่นอายไม่เป็นรองเด็กวัยรุ่นอันธพาลสมัยก่อนเลย

หลังจากการแสดงละครเวทีสิ้นสุดลงสามีของเฝิงอวี้ก็เดินออกมา สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือรองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ใส่แว่นขอบทองมาดเก่งกาจคนนี้ ข้าง ๆดันมีหญิงสาวไร้เดียงสาอยู่ด้วย

ทั้งสองแสดงท่าทีสนิทสนม สามีของเฝิงอวี้วางมือบนไหล่ของหญิงสาวและก้มศีรษะลงเพื่อพูดคุยกับเธอ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาแน่นอน

…………………