ตอนที่ 3524

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3524 : เป้าหมาย นรกอสุรา!

 

ผลอมตะหยวนปะทุนั้น มันเป็นของรางวัลที่ล้ําค่าที่สุดในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้เลยก็ว่าได้

 

เพราะมันสามารถช่วยให้ตัวตนขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนัก ทะลวงถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศได้ในเวลาอันสั้น!

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าด่านพลังจักรพรรดิอมตะนั้น เป็นด่านพลังสุดท้ายก่อนจะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แม้จะเป็นขั้นย่อยก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทะลวงผ่านกันได้ง่ายๆ และยิ่งขั้นย่อยหลังๆความยากในการทะลวงขั้นก็มากขึ้นเป็นทบทวี

 

สําหรับบางคน การทะลวงขั้นพลังจากขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักไปยังขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ ยังต้องใช้เวลามากกว่าในการทะลวงจากจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดไปยังจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักเสียอีก

 

ผู้ที่มีพรสวรรค์ดีๆหน่อย เวลาที่ใช้ก็จะเทียบได้กับเวลาที่ใช้ในการทะลวงจากจักรพรรดิอมตะ 3 ศักดิ์หรือ 4 รูปไปยังจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนัก

 

และต่อให้มีพรสวรรค์เลิศล้ําเพียงใด เป็นอัจฉริยะแค่ไหน แต่เวลาที่เร็วที่สุดในการทะลวงจากจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักไปยังจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ ก็อยู่ราวๆจักรพรรดิอมตะ 6 ผสานหเรือจักรพรรดิอมตะ 7 ดาราไปยังจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนัก!

 

ทว่าผลอมตะหยวนปะทุนั้น ทําให้เหล่าจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักทั้งหลายประหยัดเวลาในการทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศได้มาก และการใช้เวลาทะลวงผ่านน้อยลง เส้นทางในอนาคตก็จะราบรื่นเหนือคนอื่น

 

ด้วยเหตุนี้ ตอนแรกที่ผู้คนได้ยินว่าวิหารเฟิงฮ่าวนําผลอมตะหยวนปะทุมาเป็นของรางวัลสําหรับผู้ชนะเลิศในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ทุกคนก็พากันตกใจยกใหญ่

 

เพราะในสายตาของทุกคน

 

ของดีๆแบบนี้ไม่ใช่ว่าสมควรเก็บไว้ใช้เองหรือไง?

 

“ที่แท้ผลอมตะหยวนปะทุก็เป็นแบบนี้นี่เอง นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ข้าได้เห็นมันแค่กลิ่นหอมที่โชยออกมานั่น ก็ทําให้ข้ารู้สึกเสมือนล่องลอยท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิแล้วช่างเป็นผลไม้อมตะที่วิเศษนัก”

 

ขณะมองจ้องผลอมตะหยวนปะทุที่คงไห่นําออกมาจากแหวนพื้นที่ตาเป็นมัน หลายคนก็อดกล่าวอย่างทอดถอนใจไม่ได้

 

“ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ก่อนที่ฐานะของถังซานเปาจะเปิดเผยออกมาข้าก็อดคิดไปไม่ได้ว่าไฉนวิหารเฟิงฮ่าวถึงได้ใจนัก แม้แต่ผลอมตะหยวนปะทุก็กล้าเอาออกมาแจกเป็นของรางวัลพอรับทราบฐานะถังซานเปารวมถึงเห็นระดับพลังเทพสงคราม 6 ดารามัน ข้าก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้วิหารเฟิงฮ่าวมั่นใจในตัวถังซานเปาและคิดว่าถังซานเปาอย่างไรก็ต้องชนะเลิศและได้รับผลอมตะหยวนปะทุมาครอง…”

 

พลันมีบางคนกล่าวเรื่องนี้ออกมา

 

“เหอะๆ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้วิหารเฟิงฮ่าวเสมือน “ตัดชุดแต่งงาน ให้ผู้อื่นแท้ๆ”

 

อัจฉริยะทั้งหลายไม่ใช่คนโง่ พวกมันเห็นได้ชัดว่าแผนส่งมอบผลอมตะหยวนปะทุให้คนของตัวพร้อมๆกับชื่อเสียงของวิหารเฟิงฮ่าว สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า กลับเป็นตัวนหลิงเทียนศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนได้รับประโยชน์ไปแทนเสียอย่างนั้น

 

“ข้าว่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวกระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึงด้วยซ้ํา ว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จะมีตัวตนที่ร้ายกาจอย่างถ้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี่ยอมิ่นปรากฏตัวออกมา”

 

“กับหลิงเจวี่ยอขึ้นยังไม่เท่าไหร่ สุดท้ายก็ทําได้แค่เสมอกับถังซานเปา หากข้าได้ยินไม่ผิดถังซานเปาได้ตกลงกับหลิงเจวี่ยอขึ้นไว้แล้วด้วย ว่าจะเลือกจับฉลากกันตัดสินเรื่องใครจะได้ผลอมตะหยวนปะทุไปครอง เท่ากับว่าโอกาสที่ถังซานเปาจะได้รับก็มีแค่ 5 ใน 10 ส่วน แต่ตอนนี้เหรอ? มันไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว!”

 

“นั่นน่ะสิ ทําอย่างไรได้เล่า พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเกินไป ด่านพลังยังไม่ทันถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแท้ๆแต่ก็มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดารา ระดับแนวหน้าเลยทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศพลังของต้วนหลิงเทียนก็จะ เหนือกว่าเทพสงคราม 8 ทั่วไปทันทีแน่!

 

เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายพูดคุยกันเสียงดังจอแจ กระทั่งเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายก็ชุบซิบคุยกันอย่างออกรส เพราะทั้งหมดรู้สึกสนุกสนานแปลกๆ ที่วิหารเฟิงฮ่าวครั้งนี้คิดขโมยไก่ไม่สําเร็จ ยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกํามือเรียกว่าหาเรื่องทุ่มหินทับเท้าตัวเองแท้ๆ!

 

“ต้วนหลิงเทียน ผลอมตะหยวนปะทุเป็นเพียงหนึ่งในของรางวัลที่ทางวิหารเฟิงฮ่าวเราจะมอบให้อันดับ 1 เช่นเจ้าเท่านั้นยังมีรางวัลในการเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏอีก ทว่าเรื่องนั้นเจ้าต้องมาเยือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของเราด้วยตัวเอง”

 

ฉีคงไห่มองต้วนหลิงเทียนพลางส่งมอบผลอมตะหยวนปะทุให้ จากนั้นก็กล่าวเรื่องของรางวัลอื่นๆ

 

ถึงแม้การส่งมอบผลอมตะหยวนปะทุครั้งนี้จะทําให้มันรู้สึกทําใจลําบากเหลือเกิน แต่มันรู้ดีว่าไม่อาจไม่ส่งมอบออกไป!

 

หากไม่ส่งมอบออกไป เกรงว่าวิหารเฟิงฮ่าวคงต้องกลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั้งระนาบเทวโลกแล้ว และหลังจากนี้ไปความน่าเชื่อถือของวิหารเฟิงฮ่าวก็จบสิ้นกันพอดี วันหน้าคงไม่มีอัจฉริยะคนไหนอยากเข้าร่วมกับวิหารเฟิงฮ่าวอีก

 

เมื่อเทียบกับเกียรติยศและศักดิ์ศรีของวิหารเฟิงฮ่าว ผลอมตะหยวนปะทุย่อมไม่อาจนับเป็นอะไรได้

 

“ขอบคุณรองจ้าววิหารฉี”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณนี่คงไห้ด้วยรอยยิ้ม พลางรับผลอมตะหยวนปะทุมาอย่างไม่เกรงใจ

 

“เจ้าไม่จําเป็นต้องขอบคุณ สิ่งนี้เป็นเจ้าได้มาด้วยความสามารถของเจ้าเอง”

 

ฉีคงไห่พยักหน้าตอบคําต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม เรียกว่าใบหน้าของมันยามนี้แลดูอ่อนโยนไม่ต่างสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่คล้ายคนที่ไม่เต็มใจจะส่งมอบผลอมตะหยวนปะทุออกมาแม้แต่น้อยเหมือนเป็นแค่ผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเห็นแบบนี้ต้วนหลิงเทียนยิ่งเพิ่มความระวังอีกฝ่ายมากขึ้น

 

เพราะมีหลายๆครั้ง ที่คนแลดูใจดีมีเมตตาเช่นนั้น ล้วนซ่อนใบหน้าอํามหิตและร้ายกาจเอาไว้

 

ทวนเปิดเผยง่ายป้องกัน เกาทัณฑ์เร้นลับยากปัดป้อง….

 

“นอกจากนั้น หากเจ้าคิดเข้าใช้ห้องลับแห่งกฎของวิหารเฟิงฮ่าวเรา เจ้าจะเข้าใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้เพียงไปเยือนวิหารเฟิงย่าวสาขาเมียเทียน และขอเข้าพบจ้าววิหารที่นั่น เดี๋ยวมันก็จะพาเจ้ามายังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเพื่อเข้าใช้ห้องลับแห่งกฎด้วยตัวเอง”

 

ขณะกล่าวถึงจุดนี้ นี่คงไห่ก็หันไปมองเกาะลอยเล็กๆเกาะหนึ่งไกลตา

 

และเกาะลอยเล็กๆที่ว่า ก็ปรากฏร่างหนึ่งเหินมาอย่างรู้งาน เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างปานก ลาง หน้าตาค่อนข้างธรรมดา มาในชุดคลุมสีดํา สีหน้าแลดูอึมครึมเป็นธรรมชาติ

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคือจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาขี้เมียเทียน เอ๊ยยา”

 

ชายวัยกลางคนปริปากกล่าวคําแนะนําตัวเองพลางคลี่ยิ้มฝืนๆออกมา แต่รอยยิ้มของมันช่างแลดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก ชวนให้ใบหน้าที่เดิมอึมครึมกลายเป็นสยองไปกันใหญ่ “ไม่ว่า เจ้าต้องการไปใช้ห้องลับแห่งกฎที่วิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเมื่อใดก็มาเยือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเมียเทียนของเราได้ทุกเมื่อ”

 

“พอเจ้ามาถึงก็เพียงแค่แจ้งชื่อเท่านั้น”

 

เอี้ยยากล่าว

 

“ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนพยัยกหน้าขานรับ “เช่นนั้นวันหน้าข้าคงต้องไปรบกวนจ้าววิหารเอี้ยแล้ว”

 

“ไม่รบกวนๆ”

 

เอ๊ยยาส่ายหัวไปมา ก่อนจะหันหลังและเหินร่างกลับ

 

“ไปกันเถอะ”

 

ขณะเดียวกัน พอฟงชิงหยางเห็นว่า ตัวนหลิงเทียน ศิษย์ของตัวได้รับผลอมตะหยวนปะทุเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าก็เริ่มคลี่ยิ้มยินดีอย่างหาได้ยาก จากนั้นก็กล่าวชวนต้วนหลิงเทียน ก่อนจะหอบริ้วร่างต้วนหลิงเทียนจากไปโดยตรง

 

ร่างทั้ง 2 อันตรธานหายไปในพริบตา กระทั่งในสายตายอดฝีมือ คนก็กลายเป็นจุดดําเล็กๆหายลับไปในม่านเมฆฉับไว

 

กระทั่ง 2 คนจากไปสักพักแล้ว สถานที่จัดการประลองศึกอัจฉริยะก็ยังคงอยู่ในความเงียบงัน

 

ครูต่อมา ค่อยหวนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

ทุกคนเอาแต่พูดถึงการประลองก่อนหน้าไม่หยุด “ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเกินไป แต่ต้นจนจบแทบไม่ได้ทําอะไรมากมายเลยด้วยซ้ํา เรียกว่าอาศัยแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น ก็จัดการถังซานเปากับหลิงเจวี่ยอขึ้นอยู่หมัดแล้วพวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย”

 

ไม่ว่าจะถังซานเปาหรือหลิงเจวี่ยอขึ้นที่กลับมานั่งที่ ทั้งคู่ก็ได้ยินวาจาทํานองเดียวกันดังเข้าหูไม่ขาดสาย และสัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่มองมา

 

หลิงเจวี่ยอนยังไม่เป็นไร เพราะแลดูไม่แยแสอะไรสักนิด

 

แต่ด้านถังซานเปานั้นแลดูหน้าบ้าน ทําอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

 

สุดท้ายมันก็ทนไม่ไหว ได้แต่เหินร่างกลับไปนั่งกับพวกซูหลี่ หลิงเจวี่ยอนและคนอื่นๆ และเลือกจะนั่งลงข้างๆหลิงเจวี่ยอขึ้น

 

ตอนนี้ที่นั่งตรงกลางระหว่างหลิงเจวี่ยอขึ้นกับซูหลี่ที่เดิมเป็นของต้วนหลิงเทียน ก็ได้ว่างเว้นเอาไว้ และถังซานเปาก็ไม่คิดจะนั่งตรงนั้น

 

“พี่น้องหลิงเจี่ยอขึ้น ถามจริงนี่ท่านรู้จักสัตว์ประหลาดเยี่ยงพี่น้องต้วนมานานเท่าไหร่แล้วแต่ก่อนพี่น้องต้วนร้ายกาจเยี่ยงนี้เสมอหรือไม่?”

 

ถังซานเปาอดถามออกมาไม้ได้

 

กล่าวไปมันก็ไม่ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ เรื่องเดียวที่มันรู้ก็ดีอ้วนหลิงเทียนนั้นได้รับสืบทอดมรดกจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางตั้งแต่อยู่ในระนาบโลกียะและพึ่งจะกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงอย่างเป็นทางการของฟังชิงหยางก็เมื่อร้อยปีก่อนเท่านั้น

 

“หลายร้อยปีที่แล้ว ข้ากับมันก็มีพลังพอๆกัน”

 

เสียงไร้แยแสของหลิงเจวี่ยอปืนดังขึ้น ราวกับมันไม่มีอารมร์ใดๆ แต่หากใครตั้งใจฟังให้ดีล่ะก็จะพบว่าในน้ําเสียงนั้นยังมีร่องรอยของความสูญเสียอย่างยากจะพบอยู่บ้าง

 

“หลายร้อยปีก่อน พี่น้องท่านร้ายกาจพอๆกันไฉนผ่านไปไม่กี่ร้อยปีพี่น้องหลิงเจวี่ยอขึ้นถึงถูกทิ้งห่างนักเล่า?”

 

ถังซานเปาอดอึ้งไปไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าท่านเป็นถึงนายน้อยตระกูลใหญ่จากระนาบเทพเลยนี่นา ไฉนถึงพ่ายแพ้คนในระนาบเทวโลกได้ล่ะ? แถมพี่น้องต้วนไม่ใช่ชนพื้นเมืองของระนาบเทวโล กด้วยนะ แต่เป็นคนของระนาบโลกียะที่ขึ้นสวรรค์มา”

 

“เรื่องของข้า”

 

หลิงเจวี่ยอขึ้นไม่ได้หันหน้า เพียงเหลือบมองถังซานเปาด้วยหางตาพลางเอ่ยเสียงเย็นทําให้สีหน้าถังซานเปาแดงขึ้นทันที ยังแลดูอึดอัดอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่เช้าซื้อะไรสืบต่อ

 

“เอาล่ะถึงแม้บัดนี้ 3 อันดับแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์จักถูกตัดสินแล้ว แต่อันดับที่เหลือยังมีโอกาสให้พวกเจ้าช่วงชิงกันอยู่”

 

เสียงของฉีคงไห้ดังขึ้นอีกครั้ง ดึงความสนใจของทุกคนกลับคืน “ตอนนี้ข้าขอประกาศว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์จักดําเนินสืบต่อ”

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจากไปพร้อมฟังชิงหยางนั้นทั้งคู่ก็ไปกันแค่ 2 คน

2์ FE

จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว ไม่ได้ติดตามไปด้วย

 

“ท่านอาจารย์ นรกอสุราอยู่ที่ไหนเหรอ?”

 

ระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

เพราะเขาพบว่าอาจารย์ไม่ได้พาเขาไปยังสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน แต่พาเขาเห็นร่างออกนอกเขตพระราชวังและมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

 

“มันตั้งอยู่ในระนาบอิสระ”

 

ฟงชิงหยางกล่าว

 

“ระนาบอิสระ?”

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง

 

“ทุกระนาบเทวโลก ขอเพียงมุ่งหน้าไปตามทิศตะวันออกของระนาบนั้นๆจนสุดทาง พอไปถึงแนวกั้นของระนาบแล้ว ก็จะพบจุดเคลื่อนย้ายเพื่อส่งตัวไปยังนรกอสุรา”

 

ฟงชิงหยางกล่าว “หากคิดกลับ ก็ไม่ยากอะไรเพราะค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ตั้งอยู่ใกล้ๆจุดค่ายกลส่งตัวอย่างไรก็ตามหากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจากระนาบอิสระที่นรกอสุราตั้งอยู่จะทําได้แค่ส่งตัวไปยังใกล้ๆแนวกั้นของระนาบเทวโลกเท่านั้น ไม่ได้ไปโผล่ยังค่ายกลเคลื่อนย้าย”

 

“อีกทั้งขากลับ จะปรากฏยังระนาบเทวโลกใด ก็ไม่อาจระบุได้”

 

“ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เข้าสู่นรกอสุรา มีน้อยคนนักที่ตอนกลับออกมา จะปรากฏในระนาบเทวโลกเดิม…เพราะโอกาสโผล่ในระนาบเดิมก็มีแค่ 1 ใน 81 เท่านั้น”

 

ฟังคําอธิบายของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่ง “ท่านอาจารย์ เช่นนั้น ในอดีตก่อนที่ท่านจะหลบหนีเข้าไปยังนรกอสุรา ก็ไม่ใช่ว่าสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในระนาบอิสระที่นรกอสุราตั้งอยู่ได้หรอกเหรอ?”

 

“เจ้านั่นที่ไล่ล่าท่านก็ไม่น่าจะมาโผล่ระนาบเดียวกับท่านไม่ใช่หรือไร?”

 

ตัวนหลิงเทียนถาม

 

“ก็ใช่”

 

ฟงชิงหยางพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา “เพียงแค่ตอนนั้นมันไล่ตามข้ามากระชั้นเกินไปหลังข้าเคลื่อนย้ายมาถึงระนาบอิสระที่ตั้งนรกอสุราแล้ว ข้าไม่มีเวลามากพอจะไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อย้อนกลับ ทําได้แค่เร่งรุดเข้าไปในนรกอสุราโดยไม่เหลียวหลังเท่านั้น”

 

“พอมองย้อนกลับไป วันนั้นต้องกล่าวว่าดีแล้วที่มันไล่ข้าไปกระชั้นชิดขนาดนั้น…หาไม่แล้วหากข้ามีโอกาสทําอย่างที่เจ้าว่า ข้าคงพลาดโอกาสอันดีแน่”

 

หลังฟงชิงหยางกล่าวถึงจุดนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

เพราะโอกาสที่มันพบเจอ เป็นดั่งวาสนาในคราวเคราะห์จริงๆ