ในตอนที่กำลังจะเกิดวิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวง เย่เฉินวางกู้ชิวอี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนลง ตามทันเด็กผู้หญิงที่สูญเสียการควบคุมคนนั้นมาด้วยความรวดเร็ว ในหนึ่งวินาทีก่อนท่ีกำลังจะเกิดการพุ่งชนกับต่งรั่งหลินนั้น ก็ช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาดื้อๆในทันที!
ต่งรั่งหลินลืมตาขึ้น พบว่าเป็นเย่เฉินที่หยุดยั้งเด็กผู้หญิงที่สูญเสียการควบคุมคนนั้นเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ ในใจรู้สึกมีความสุขทั้งยังโมโหจริงๆ
ที่มีความสุขก็คือ เย่เฉินจะเหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาวปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของเธอในช่วงเวลาวิกฤต ขวางกั้นอันตรายทั้งหมดให้กับตนเองเสมอ
ที่โมโหก็คือ ตนเองสารภาพกับเขามานานขนาดนี้ ทุ่มทั้งกายและใจไปที่เขาหวังว่าจะสามารถเป็นคนรักแอบๆของเขาได้ แต่เขาปฏิเสธตนเองด้วยเหตุผลที่ถูกต้องและวาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ปฏิเสธมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า คนๆนี้จะแอบหาคนรักแบบแอบๆที่เย่นจิงเสียเอง!
เย่เฉินในเวลานี้ยังไม่ได้สังเกตเห็นต่งรั่งหลิน
ความสนใจของเขาล้วนอยู่ที่เด็กคนนั้น เพราะในใจของเขารู้ดีมากว่า หากเกิดการชนกระแทก โอกาสในการได้รับบาดเจ็บของเด็กจะสูงกว่า การชนกระแทกในแบบเดียวกัน ผู้ใหญ่บางทีอาจจะพักเล็กน้อยก็จะดีขึ้น แต่เด็กมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าต้องพักรักษาที่โรงพยาบาล
โชคดีที่เด็กเพียงแค่ได้รับความตกใจเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บที่เป็นรูปธรรมอะไร
เด็กผู้หญิงในเวลานี้ลืมตาขึ้น เห็นว่าเป็นเย่เฉินที่ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ ให้ตนเองไม่ได้ไปชนคนอื่น ก็ถอนหายใจยาวออกมา เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณค่ะคุณอา ขอบคุณมาก…”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย วางเธอลงบนพื้นน้ำแข็ง กำชับเธอว่า “สาวน้อย ต่อไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งจะต้องจำไว้ว่าความเร็วช้าลงหน่อย”
สาวน้อยรีบพยักหน้าในทันที “ขอบคุณค่ะคุณอา หนูรู้แล้วค่ะ…”
พูดจบ เธอก็โบกมือให้กับเย่เฉินอย่างระมัดระวัง “ลาก่อนค่ะคุณอา”
เย่เฉินมองดูเธอสไลด์ไปอย่างช้าๆ ถึงได้โล่งอก ในขณะที่กำลังจะกลับไปหากู้ชิวอี๋ อยู่ๆมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย กำลังจ้องตนเองด้วยความโมโหสุดขีด
เขาชำเลืองมอง เอ่ยถามด้วยความตกใจในทันทีว่า “รั่งหลิน?!คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”
ต่งรั่งหลินจงใจย่นจมูกอุทานฮึออกมา เอ่ยว่า “ทะเลสาบโห้วไห่ก็ไม่ใช่บ้านคุณที่เปิดสักหน่อย ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ไม่ได้?”
เย่เฉินกลับไม่รู้ว่าต่งรั่งหลินในเวลานี้กำลังโมโหเขาในใจอยู่ เห็นเธอพูดจาดูเหมือนแข็งไปหน่อย ก็เลยยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ผมก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมเพียงแต่รู้สึกบังเอิญไปหน่อย เย่นจิงใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงมาปะกันที่นี่ได้”
ต่งรั่งหลินเบ้ปาก “คำโบราณถึงพูดเอาไว้อย่างดี ความลับไม่มีในโลก!เมื่อก่อนฤดูหนาวทุกปีฉันก็จะมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ทะเลสาบโห้วไห่ ปีนี้อยู่ที่จินหลิงตลอด ไม่มีโอกาส คิดว่าพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว ก็เลยอยากจะมาเล่นสักหน่อยก่อนที่จะไป คิดไม่ถึงว่าจะมาพบคุณเข้า”
ในขณะที่พูด ต่งรั่งหลินมองดูกู้ชิวอี๋ที่กำลังเดินเข้ามาแวบหนึ่ง เอ่ยกับเย่เฉินว่า “หากฉันไม่มา ก็ยังไม่รู้ว่า ที่แท้คุณยังมีชู้รักอีกคนอยู่ที่เย่นจิง!”
เย่เฉินพอฟังประโยคนี้ ก็รู้แล้วว่าเธอเข้าใจความสัมพันธ์ของตนเองกับกู้ชิวอี๋ผิด ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “รั่งหลิน เรื่องนี้จะต้องเป็นคุณที่มีอะไรเข้าใจผิด ผมไม่ได้มีชู้รักอะไร คุณอย่าพูดมั่วเด็ดขาดนะครับ”
ต่งรั่งหลินเบ้ปาก “ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่ คุณก็ไม่ต้องยิ่งอยากปกปิดยิ่งเห็นได้ชัดอยู่ที่นี่แล้ว คุณไม่ใช่ก็แค่กลัวว่าฉันจะกลับไปบอกเซียวชูหรันหรอกหรอ?”
เย่เฉินเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “รั่งหลิน เรื่องนี้คุณเข้าใจผมผิดแล้วจริงๆ”
ในขณะที่กำลังพูด กู้ชิวอี๋ได้มาถึงที่ด้านข้างพอดี เธอเห็นเย่เฉินกำลังพูดคุยกับสาวสวยคนหนึ่งอยู่ ก็เลยถือโอกาสคล้องแขนของเย่เฉินเอาไว้ เอ่ยถามอย่างสนิทสนมว่า “พี่เย่เฉิน คุณผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของพี่หรอคะ?”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย “คือเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมหาวิทยาลัยของพี่”
กู้ชิวอี๋พอได้ฟังว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมหาวิทยาลัยของเย่เฉิน ก็หันซ้ายหันขวา เห็นบริเวณนี้นอกจากต่งรั่งหลินกับน้องสาวของเธอแล้ว ไม่ได้มีคนอื่นอีก ก็เลยออกมาจากมารยาท ถอดผ้าปิดปากของตนเองออก ยื่นมือออกไปหาต่งรั่งหลิน ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “สวัสดีค่ะพี่สาว ฉันคือกู้ชิวอี๋!”