ตอนที่ 1954 : การลงมือที่เด็ดขาด

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1954 : การลงมือที่เด็ดขาด

นางฟ้าเฮายู่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง สำนักจิตวิญญาณปฐพีอยู่ฝั่งเดียวกับเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขากลับลอบโจมตีเจี้ยนเฉินโดยไม่สนใจภาพรวม เพราะแบบนั้นนางจึงรู้สึกว่ามันไม่ควรจบแค่นี้ นางต้องการลงโทษสำนักจิตวิญญาณปฐพี

แต่เจี้ยนเฉินกลับส่ายหน้าปฏิเสธความคิดของนางฟ้าเฮายู่

แม้ว่าเขารู้ว่ามันง่ายที่จะได้รับคำอธิบายเมื่อไปยังสำนักจิตวิญญาณปฐพีหากเฮายู่มีส่วนร่วมด้วย แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาติดค้างนางมามากพอแล้ว เขาช่วยเหลือนางมาอย่างมากในอดีต แต่สิ่งที่เฮายู่ทำมาตลอดหลายปีมานี้ก็ถือว่าชดใช้มันได้แล้ว

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นมาจัดการกับปัญหาของเขาทุกครั้งที่เขาเจอกับปัญหา มันจะทำให้เขาต้องคอยพึ่งคนอื่นอยู่ตลอด

มันคงไม่ได้ส่งผลดีต่อเขา

“เจ้ากับความดื้อรั้นของเจ้านี่ลดลงไม่ได้เลยรึไง หือ ? ข้าต้อการช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับปฏิเสธ คิดดูว่าจักรวรรดิเสิ่นเตาต้องทุ่มเทเพียงใดเพื่อให้ข้าทำบางอย่างให้พวกเขา”

“เจ้าคิดว่าสำนักจิตวิญญาณปฐพีจะเคารพเจ้าที่เป็นขั้นเหนือเทพรึไง ? ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่มีผู้อยู่ขอบเขตตั้งต้นปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนและทำให้พวกนั้นไม่คิดจะสร้างปัญหาให้กับเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดรึ ? ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าและความจริงที่เจ้าได้ตกหลุมพลางของสำนักจิตวิญญาณปฐพี พวกนั้นไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเติบโตได้แน่”

“เจ้าคิดจะให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วยเจ้ารึ ? ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ข้าได้ตรวจสอบมาบ้าง บรรพชนของสำนักจิตวิญญาณปฐพีได้เข้าถึงขอบเขตตั้งต้นมาหลายแสนปีแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งจะเข้าถึงขอบเขตตั้งต้นจะหยุดได้ “

นางฟ้าเฮายู่มองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมารวดเดียวหมด นางเหมือนกับค่อนข้างหงุดหงิด

“ ขอบคุณที่เป็นห่วง นางฟ้าเฮายู่ ข้าซาบซึ้งในเรื่องนี้” เจี้ยนเฉินป้องมือให้กับ เฮายู่

“จะ เจ้าทำให้ข้าบ้าไปแล้ว ช่างเถอะ เมื่อเจ้าต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ชีวิตเจ้าก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า” เฮายู่พูดด้วยท่าทีรำคาญ อกของนางสั่นไหวเล็กน้อย ชัดเจนแล้วว่านางหงุดหงิด

“งั้นเจ้าก็พักที่นี่สักหน่อย ข้าเพิ่งจะกลับมายังตระกูล ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการ ข้าคงต้องขอตัว” เจี้ยนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งไว้ให้เฮายู่อยู่ในห้องเพียงลำพัง

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้เรียกรวมตัวผู้อาวุโสทุกคนในตระกูล เขาแยกของที่เขาซื้อมาและเก็บมันไว้ในคลัง เขาทิ้งยา, วิธีบ่มเพาะ,ทักษะการต่อสู้และวัตถุเซียนไว้ที่นั่น

เมื่อคนในตระกูลมีการบ่มเพาะในระดับหนึ่งและสร้างผลงานให้กับตระกูล พวกเขาจึงจะเข้าไปในคลังเพื่อเลือกสิ่งของต่าง ๆ ได้

ข้อกำหนดขั้นต่ำสุดสำหรับวัตถุเซียนระดับสูงสุดนั้นคือขั้นเหนือเทพ ดังนั้นจึงยังไม่มีใครใช้มันได้ ผลก็คือ เจี้ยนเฉิน ไม่ได้ยกมันให้กับใครเลย

น่าเสียดายที่ไม่มีวัตถุเซียนระดับสูงสุดอันไหนที่เหมาะกับเขาเลย เขาค้นไปทั่วทุกร้านในเมืองหลวงแต่ก็ไม่อาจจะหาวัตถุเซียนขั้นสูงสุดที่เหมาะกับเขาได้

ผลก็คือเขายังคงใช้กระบี่สายรุ้งต่อไป

หลังจากที่จัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว เจี้ยนเฉินก็เอาธงอาคม 2 อันออกมาจากแหวนมิติ เขาเริ่มที่จะตั้งมันรอบตระกูลเทียนหยวน

อันหนึ่งใช้ไว้โจมตี ส่วนอีกอันเอาไว้ใช้ป้องกัน เจี้ยนเฉินได้ใช้เหรียญผลึกไปจำนวนมากเพื่อซื้อธงอาคมขั้นราชาเทพทั้งสองมา

ด้วยการป้องกันของธงอาคม 2 อันนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลตราบใดที่ไม่มีราชาเทพมาที่นี่ มันสามารถหยุดพวกระดับต่ำกว่าราชาเทพได้ทั้งหมดโดยไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย

วันต่อมาค่ายกลก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งตระกูลพร้อมกับแผ่พลังที่แข็งแกร่งออกมา

เจี้ยนเฉินยืนอยู่ในตระกูลและมองธงอาคมทั้งสองที่ทำงาน สุดท้ายเขาก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมา เขาหยุดกังวลเรื่องตระกูลได้แล้ว !

“ ข้าไม่ต้องกังวลเมื่อมีธงอาคม 2 อันนี้” เฉินเจี้ยนโผล่มาข้างกาย จี้ยนเฉิน เขาเองก็มองไปยังธงอาคมทั้งสอง หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจี้ยนเฉิน ข้ามีเวลาเหลือที่นี่ไม่มากนัก ข้าจะต้องกลับไปในไม่ช้า”

“เจ้าจะกลับไปรึ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่เฉินเจี้ยนด้วยความแปลกใจ

เฉินเจี้ยนพยักหน้า “ตอนที่ข้าขึ้นเป็นขั้นเหนือเทพได้ ข้าก็รู้สึกได้ถึงเสียงเรียกจากอวกาศ หลังจากนั้นเพราะความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา เสียงเรียกนี้ก็เริ่มทรงพลังขึ้น มันก็แค่ว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นข้าจึงอยู่ต่อ”

“เมื่อมีอาคมปกป้องตระกูลเทียนหยวนเอาไว้ มันก็ไม่จำเป็นที่ข้าต้องอยู่ต่อ ได้เวลาที่ข้าจะไปแล้ว”

เจี้ยนเฉินเงียบไป ตั้งแต่ที่เขามายังโลกเซียน เขาก็อยู่กับเฉินเจี้ยนมาโดยตลอด พวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่อยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์จนตอนนี้เป็นขั้นเหนือเทพที่ปกครองทั้งแคว้น เมื่ออยู่ ๆ เฉินเจี้ยนจะกลับออกไป เจี้ยนเฉินก็รู้สึกไม่เต็มใจขึ้นมา

สิ่งที่พวกเขาผ่านกันมาตลอดหลายปีมานี้ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างทั้งสองคน พวกเขาเหมือนกับพี่น้องกัน เมื่อพวกเขาแยกกัน แน่นอนว่ามันคงนานกว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเขาไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือไม่ในโลกเซียนที่เต็มไปด้วยอันตราย

“เจ้าคิดจะไปตอนไหนกัน ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความหนักใจ

“ข้าคิดจะไปหลังจากจบสงครามนี้” เฉินเจี้ยนมองไปยังท้องฟ้าและพูดขึ้นมา

ในเสี้ยวพริบตาเวลาสงบสุขกว่าครึ่งเดือนก็หมดลง

เช้าวันต่อมา นางฟ้าเฮายู่ได้เรียกเจี้ยนเฉินเข้ามาหา นางได้ตัดบททันทีที่เห็นเจี้ยนเฉิน “ข้าคิดจะไปยังสาขาลัทธิปิศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆา เจ้าจะไปด้วยรึไม่ ? ”

เจี้ยนเฉินแปลกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น “สำนักงานของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆา โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นรังของสัตว์อสูร มันอันตรายอย่างมาก เจ้าจะไปที่นั่นทำไมกัน ? ”

“มันก็แค่สาขา แม้ว่าจะเป็นรังของสัตว์อสูรแต่ก็มีแต่พวกขอบเขตตั้งต้น” เฮายู่พูดต่อ “ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าแบ่งเป็น 3 กลุ่มเพื่อโจมตี 3 ภาคพร้อมกัน การเคลื่อนไหวของพวกนั้นไม่ได้เรียบง่ายแค่คิดจะยึดอาณาเขต ข้าคิดว่ามันต้องมีความลับแอบแฝงอยู่เบื้องหลังสงครามนี้ ผลก็คือข้าต้องไปตรวจสอบว่าพวกนั้นต้องการทำอะไร”

“เจ้าคงทำให้ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าขุ่นเคืองใจกับการทำแบบนั้น” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นด้วยความกังวล แม้แต่เทียนซวงก็หวังไม่ให้นางฟ้าเฮายู่เข้าไปยุ่งกับลัทธิปิศาจชั้นฟ้า เป็นธรรมดาที่เขาจะหวังไม่ให้นางฟ้าเฮายู่ไปทำให้ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าผิดใจเช่นกัน

ลัทธิปิศาจชั้นฟ้านั้นเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งอย่างมาก มันเพียงพอที่จะทำให้ทุกองค์กรระดับสูงในที่ราบเมฆาต้องกลัวได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็อาจจะเป็นปัญหาต่อโถงเทพจันทราได้

นางฟ้าเฮายู่กรอกตาใส่ “เจ้าขี้กลัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าแข็งแกร่งก็จริง แต่ข้าไม่ได้กลัวพวกนั้น ยิ่งกว่านั้นข้าก็แค่ไปดูเพื่อจะได้เข้าใจว่าพวกนั้นทำอะไรกัน ข้าไม่ได้ไปทำลายสาขาพวกนั้นสักหน่อยและตอนนี้รองหัวหน้าทั้งสามของพวกนั้นก็ออกไปพอดี มันได้เวลาที่เหมาะที่จะแฝงตัวเข้าไปในสาขาของพวกนั้น”

เจี้ยนเฉินลังเลไปสักพักก่อนจะตัดสินใจ “ได้ ข้าจะไปดูกับเจ้าด้วย ข้าเองก็อยากรู้ว่ามีความลับอะไรอยู่ที่พวกนั้นถึงได้ทำสงครามกับทุกคน”

การแฝงตัวเข้าไปในสาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆาเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงและเด็ดเดี่ยว

นี่เพราะไม่มีใครจาก 6 อาณาจักรในเขตใต้ที่มีความสามารถเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามจักรวรรดิตะวันโลหิตนั้นกลัวลัทธิปิศาจชั้นฟ้า แม้ว่าพวกเขาจะมีพวกนักสู้ระดับสูงแต่พวกเขาก็คงไม่ทำอะไรแบบนั้น

มีแค่นางฟ้าเฮายู่ที่มีความแข็งแกร่งและความกล้าที่จะกล้าไปยังสาขาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้า

“สาขาของพวกนั้นต้องมีค่ายกลครอบคลุมเอาไว้ ข้าผ่านมันไปได้ แต่มันคงยากที่จะทำแบบนั้นทั้งหมดด้วยตัวเองโดยไม่สร้างผลกระทบใด ๆ ผลก็คือข้าต้องการให้เจ้าหาคนอื่นอีก 3 คนไปกับเจ้าด้วย ข้าจะสอนเจ้าทั้งสี่ถึงค่ายกลมายาแสงจันทร์เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ช่วยข้าได้” นางฟ้าเฮายู่พูดขึ้น