ตอนที่ 1862 สังหารกึ่งจักรพรรดิติดต่อกัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

พร้อมกันนั้น

จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่กำลังต่อสู้ดุเดือดอยู่กับพวกข่งอวี้ ภายในใจก็บีบรัด รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายถึงขีดสุด

ในจิตรับรู้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกระบี่สายนั้นของข่งอิน!

ใบหน้างามของนางพลันเปลี่ยนไป

แต่ยามนี้จะไปช่วยเหลือก็ไม่ทันแล้ว นางคนเดียว ใช้เขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาวต่อสู้โรมรันกับมกุฎราชันอริยะหลายสิบคน เดิมก็เป็นขีดจำกัดแล้ว รู้สึกกินแรงหาใดเปรียบ

หนำซ้ำเหตุการณ์ยังเกิดกะทันหัน ต่อให้ร้อนรนและกังวลใจแค่ไหนก็เปลืองแรงเปล่า

พวกข่งอวี้เดิมทีสีหน้าไม่น่าดูยิ่ง

ถูกสตรีนางหนึ่งฉุดรั้งพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ ทำเอาพวกเขาต่างตกใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกขายขี้หน้า

แต่เวลานี้ยามเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของกระบี่สายนี้ที่ข่งอินสำแดงออกมา นัยน์ตาของพวกเขาล้วนทอประกายพราวระยับ จิตใจไหวสะท้าน

กระบี่ที่น่ากลัวยิ่งนัก!

นี่จึงจะเป็นพลังอย่างแท้จริงของกึ่งจักรพรรดิ อยู่เหนือเหล่าอริยะ ครองอานุภาพน่าสะพรึงที่มีแต่ในระดับจักรพรรดิ!

ชวีเหราก็ลอบถอนหายใจโล่งอก

นางจำได้ นี่คือไพ่ตายของข่งอิน ชื่อว่า ‘เงากระบี่มหาสหัส’ หลอมรวมปราณกระบี่ทั่วร่างข่งอิน เคี่ยวกรำมาแปดพันปี สำแดงความสง่างามในกระบี่มรรคชัดเจน

แม้จะเป็นนาง ก็ยังทำได้เพียงหลบเลี่ยงประกายคมของกระบี่นี้!

‘เจ้าหนุ่มนี่ หากได้ตายภายใต้กระบี่นี้ก็คุ้มแล้ว…’

ขณะที่ในสมองชวีเหราเพิ่งจะปรากฏความคิดนี้

กระบี่สายนี้ของข่งอินก็ฟันลงไป

ตูม!

เงากระบี่นับพันก้องกระหึ่มครึกโครม ประหนึ่งนายกระบี่แห่งยุคนับพันคน ใช้อานุภาพหมื่นลักษณ์เซินหลัวกำราบลงมา

ฟ้าดินถูกแสงกระบี่ไพศาลส่องสะท้อน บาดตาไร้สิ้นสุด

ภูผาธาราในรัศมีสามพันลี้ ในเวลานี้ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านแหลกละเอียดอย่างไร้สุ้มเสียง ฝุ่นละอองปิดครอบเวิ้งฟ้า

แต่หลินสวินในเวลานี้กลับไม่สุขไม่ทุกข์ มีเพียงความคิดที่ไหวขยับ

ชิ้ง!

ดาบหักที่ดำทื่อไร้ประกาย ยามนี้ประหนึ่งตื่นขึ้นมา สาดแสงแพรวพราวถึงขีดสุดออกมาโดยพลัน พุ่งวาบขยับไหว

หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า!

เพียงแต่อานุภาพในเวลานี้กลับทะยานขึ้นหนึ่งเท่าตัว!

หนึ่งเท่า ดูแล้วไม่เท่าไร แต่กลับเทียบเท่าการผสานพลังต่อสู้พลิกฟ้าของหลินสวินสองคน

และนี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกที่เกิดขึ้นหลังจากดาบหักดูดซับแหล่งกำเนิดมรรควิญญาณเขียว เป็นครั้งแรกที่ถูกหลินสวินปลดปล่อยพลังของมันออกมาถึงขีดสุด

ก็เห็นว่าดาบหักพุ่งโฉบ พริบวาบราวกับแสงเคลื่อน ปราดเปรียวดุจมายา

และทุกแห่งหนที่โฉบผ่าน ปราณกระบี่นับพันที่ปิดครอบเบียดเสียดนั้น ถูกซัดทลายแหลกกระจุยอย่างไร้สุ้มเสียงจนหมดสิ้น มลายหายลับไป

ปราณกระบี่เหล่านั้นแสบตายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ สว่างไสวหาใดเปรียบ

ทว่าภายใต้การบั่นเฉือนของดาบหักนี้ กลับหม่นหมองสุดขีด!

พูดแล้วเหมือนช้า แต่ความจริงทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในชั่วขณะ เร็วจนผู้คนมองไม่ถนัดตา

เคร้ง!

ท่ามกลางเสียงกระแทกที่สะเทือนฟ้าดิน กระบี่มรรคเล่มนั้นของข่งอินส่งเสียงครวญ ลอยคว้างออกไปอย่างจัง

ตัวข่งอวี้เองก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ถูกพลังย้อนกลับ หน้าเปลี่ยนสีทันควัน

เงากระบี่มหาสหัส นี่เป็นถึงทีเด็ดไม้ตายที่เขามั่นใจที่สุด เป็นวิชาชั้นยอดที่เขาเคี่ยวกรำมาแปดพันปีในระดับกึ่งจักรพรรดิ

แต่ยามนี้ ถึงกับถูกมกุฎราชันอริยะที่ไม่ได้ถูกเขาเห็นอยู่ในสายตาคนหนึ่งซัดทำลาย!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

ประสบกับเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ทำเอาข่งอินไม่ทันตั้งตัว สภาวะจิตปรากฏอาการสั่นคลอนเสี้ยวหนึ่ง

และยามนี้ดาบหักโฉบพุ่งมาเยือนแล้ว

ไวจนไม่อาจจินตนาการ!

แสงที่ประหนึ่งสามารถเจิดจรัสในหมื่นกาล ฉีกทึ้งความมืดมิดชั่วนิจนิรันดร์มาเยือน กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดุดันจนทำให้ผู้คนใจสั่นระรัว

สวบ!

ประกายคมพริบวาบ ข่งอินในฐานะกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง มีพลังป้องกันทั้งร่างแข็งแกร่งปานใด ทว่าเวลานี้กลับดุจดั่งกระดาษเปื่อย ถูกซัดทลายอย่างง่ายดาย

ฉัวะ!

ชั่วพริบตาเขาถูกแหวกอกทะลวงท้อง!

กลิ่นอายดุดันขึงขังหาใดเปรียบประหนึ่งเขื่อนแตกน้ำป่าไหลหลาก โถมเข้าสู่ร่างของเขาด้วยอานุภาพรุนแรง ร่างของกึ่งจักรพรรดิที่ราวกับโลหะไม่แตกสลายของเขายังเกิดเค้าลางแตกพังหักสลาย

หยาดเลือดและเศษเนื้อลอยกระเซ็น!

ในที่นั้นมีเสียงอุทานดังขึ้นระลอกหนึ่ง ไม่มีใครคาดคิด ไม้ตายของกึ่งจักรพรรดิอย่างข่งอิน ถึงกับกำลังถูกซัดทำลายตรงๆ

ยิ่งคิดไม่ถึงว่าข่งอินจะถึงกับประสบเคราะห์สังหาร!

ตูม!

ชวีเหราตอบสนองเป็นคนแรก โบกสะบัดแส้เหล็กสีเงิน ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหลินสวินทันควัน แส้เหล็กที่เผด็จการไร้ทัดเทียมฟาดกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง

อานุภาพหนักอึ้งแข็งแกร่ง แส้หนักดุจภูผา!

หลินสวินไม่เบี่ยงหลบ พุ่งตรงตลอดทาง ในพริบตาก็มาอยู่เบื้องหน้าข่งอินที่เจ็บหนักปางตาย ซัดหมัดสังหาร

ดาบหักฟาดฟันร่างของข่งอินด้วยอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ และหมัดนี้ของหลินสวินก็เหมือนเก้ากระถางควบรวม มีพลานุภาพสยบสรรพสิ่ง สะเทือนจักรวาล

ข่งอินหลบไม่ทันแล้ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวเกินไป ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่กรำศึกมาหลายปีของเขายังหลบไม่ทัน ได้แต่ฝืนเข้าปะทะ

ตูม!

ท่ามกลางเสียงกระแทกสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ก็เห็นร่างที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมของข่งอินระเบิดกระจุยอย่างสิ้นเชิง พลังหมัดที่น่าสะพรึงและดาบหักที่พลังต่อสู้เพิ่มเป็นสองเท่าจับคู่กัน สังหารกึ่งจักรพรรดิคนนี้ตายคาที่!

ภาพนองเลือดระดับนั้นสะเทือนจิตใจผู้คน!

และพร้อมกันนั้น หลังของหลินสวินถูกแส้เหล็กสีเงินยวงฟาดใส่ อวัยวะภายในสะเทือนไหวรุนแรง กระดูกสันหลังยังเกิดการแตกร้าว

ปึง!

เงาร่างของเขาซวนเซกระเด็นออกไป อ้าปากกระอักเลือด สีหน้าซีดขาว

ในช่วงเวลาสำคัญดาบหักพุ่งโฉบ จึงต้านการไล่ล่าสังหารประหนึ่งพายุคลั่งที่มาจากชวีเหราเอาไว้ได้

ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา จากนั้นก็ปิดม่านลง

และกึ่งจักรพรรดิอย่างข่งอินถูกฆ่าตายคาที่ เหตุการณ์นองเลือดนั้นพาให้ทุกคนในที่นี้ล้วนหน้าเปลี่ยนสี

“นี่…”

พวกผู้อาวุโสเพลิงปากอ้าตาค้าง รู้สึกเพียงสันหลังเสียววาบ หนาวเยือกกรีดกระดูก ทั่วร่างล้วนอดสั่นเทิ้มขึ้นมาไม่ได้

เผชิญหน้ากับการโจมตีร่วมกันของกึ่งจักรพรรดิสองคน ยังสามารถสังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งได้อย่างเหี้ยมเกรียม ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ อวี่เสวียนนั่นเพิ่งจะอยู่แค่ระดับมกุฎราชันอริยะ!

‘หินลับมีด… พังไปแล้วหนึ่งชิ้น…’

หัวใจที่แต่เดิมหวั่นวิตกของจินเทียนเสวียนเยวี่ย เวลานี้ก็ถูกความสะท้านสะเทือนถึงขีดสุดอย่างหนึ่งท่วมท้น

ข้ามระดับใหญ่ฆ่ากึ่งจักรพรรดิ!

ทอดสายตาไปทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ทำได้

พวกสิงหลิวสุ่ย ข่งอวี้ก็จิตใจปั่นป่วน แต่ละคนราวกับเห็นผีตัวเป็นๆ

พรวด!

หัวคนโชกเลือดจำนวนหนึ่งร่วงลงพื้น ถูกปราณกระบี่แพรวพราวขาวพิสุทธิ์ฟันเฉือน

คนที่ลงมือย่อมเป็นจินเทียนเสวียนเยวี่ย นางอาศัยจังหวะนี้พุ่งโจมตีเต็มกำลัง ขึงขังกร้าวแกร่งราวกับเทพเซียน ในเขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาวอันกว้างใหญ่ สิ่งที่ส่งเสียงล้วนมีแต่ปราณกระบี่ที่สว่างไสว

“ฆ่า!”

ข่งอวี้คำรามเดือด พวกสิงหลิวสุ่ยก็ตระหนักถึงได้ถึงความหนักหน่วงของสถานการณ์ ลงแรงโจมตีเต็มกำลัง

และห่างออกไปหลินสวินกับชวีเหรากำลังโรมรันต่อสู้กันอยู่

ทั้งคู่คนหนึ่งเงาร่างแพรวพราว ประหนึ่งนภาครามหมื่นกาล สำแดงเก้ากระถาง มีอานุภาพสยบโลกไร้สิ้นสุด ดาบหักเล่มหนึ่งพุ่งวาบ แผ่ประกายคมกริบที่ดุดันหาใดเปรียบ

อีกคนโบกสะบัดแส้เหล็ก ชี้ฟ้าฟาดดิน เงาแส้สีเงินยวงเผยลักษณ์ประหลาดเป็นชั้นๆ พลังกฎเกณฑ์ทั้งปวงยิ่งหลั่งไหลทะลักออกมาดุจกระแสน้ำหลาก

เพียงแต่เวลานี้ในใจชวีเหราทั้งแตกตื่นเดือดดาลปะปนกัน หว่างคิ้วเปี่ยมแววขึงขัง

พลังต่อสู้ของข่งอินไม่ด้อยกว่านางสักนิด ทว่ายามสำแดงไพ่ตายที่เชื่อมั่นที่สุดออกมา กลับถูกอีกฝ่ายกำจัดทิ้งในอึดใจเดียว

ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ภายในใจชวีเหราขนพองสยองเกล้า แตกตื่นด้วยเช่นกัน

หลังจากบรรลุเป็นกึ่งจักรพรรดิ เป็นครั้งแรกที่นางอยู่ต่อหน้าระดับมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งแล้วรู้สึกถึงอันตรายและหนาวเหน็บกรีดกระดูกเช่นนี้

และยามนี้หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กดเก็บอาการบาดเจ็บของตนเอาไว้ บุกโจมตีเต็มกำลัง

หากเปลี่ยนเป็นร่างเดิมลงมือ เป็นไปไม่ได้ที่จะบาดเจ็บเด็ดขาด แต่เพื่อปิดบังตัวตน หลินสวินก็ได้แต่จำใจทำ

สภาวะจิตของเขาใสพิสุทธิ์ แน่วแน่ปลอดโปร่ง สำแดงมรรคและวิชาแห่งตน ทั่วร่างเจิดจรัสราวกับอาทิตย์สีเขียวดวงใหญ่ ยิ่งดูดุจมายาขึ้นเรื่อยๆ

ตูม!

ชั่วขณะเดียวฟ้าดินพลิกตลบ สุริยันจันทราไร้แสง

“ตาย!”

ชวีเหราพุ่งมาข้างหน้าเต็มกำลัง ย่างฝีเท้ากลางห้วงอากาศเก้าหน แต่ละก้าวที่เหยียบลงไป กลางห้วงอากาศก็มีรุ้งวิเศษสีทองหนึ่งสายโรยลงมา

ยามเมื่อก้าวที่เก้าเหยียบย่างออกมา รุ้งวิเศษเก้าสายที่โรยลงควบรวมกันเป็นดอกบัวใหญ่สีทองอร่าม บัวบานสามสิบหกกลีบ หนึ่งกลีบหนึ่งโลก!

โลกบงกชสามสิบหกชั้น!

นี่คือยอดวิชาของชวีเหรา ใช้กฎเกณฑ์แห่งตนเป็นเขตแดน วิวัฒน์เป็นโลกแห่งหนึ่ง แบ่งออกเป็นสามสิบหกชั้น แต่ละชั้นล้วนบรรจุไอสังหารแตกต่างกัน

และชวีเหราที่อยู่ภายในนั้น ยามนี้ก็เหมือนนายเหนือหัวคนหนึ่ง ดอกบัวใหญ่ตั้งตระหง่าน ร่างกลายเป็นสามสิบหกโลก อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด!

กึ่งจักรพรรดิ คือผู้นำเหนือสรรพชีวิต กฎเกณฑ์มหามรรคที่ครอบครองก็เหนือกว่าระดับอริยะ เหมือนอย่างโลกบงกชสามสิบหกชั้นนี่ก็แปลงมาจากเขตแดนมรรค!

เมื่อตระหนักได้ว่าชวีเหราเริ่มสู้สุดชีวิต หลินสวินก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาดำฉายแววมาดมั่น

วู้ม!

รอบกายเขาปรากฏต้นแบบเขตแดนมรรคแห่งหนึ่ง ลึกล้ำราวหุบเหว เดือดพล่านดั่งเตาหลอม สีของมันคือสีเขียว ปลดปล่อยความอัศจรรย์แห่งเป็นตายร่วงโรยรุ่งโรจน์

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินใช้กายมรรคไม้เขียวสำแดงต้นแบบเขตแดนมรรค เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา แม้ลักษณะจะไม่เหมือนเดิม แต่อานุภาพกลับเรียกได้ว่าวิเศษอัศจรรย์สุดหยั่ง

ชั่วอึดใจฟ้าดินแถบนี้เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์อย่างหนึ่งขึ้น

โลกบงกชสามสิบหกชั้นสะท้อนนัยเร้นลับทั้งปวง มีประกายมงคลไหลเวียน มีเสียงมรรคกึกก้องอ้อยอิ่ง มีเสียงคำรามแห่งเทพมาร มีสุริยันจันทราโคจรหมุนเปลี่ยน…

แต่เมื่อต้นแบบเขตแดนมรรคของหลินสวินปรากฏ ก็เหมือนมรสุมโหมกระหน่ำที่เผด็จการไร้ทัดเทียมสายหนึ่ง ใช้อานุภาพดั่งพายุบดขยี้เมฆ ทำลายโลกบงกชแห่งแล้วแห่งเล่านั่น

ประกายมงคลระเบิดแหลก เสียงมรรคหยุดชะงัก เทพมารหวาดสะพรึงหนีเตลิด สุริยันจันทราพังทลายด้วยเหตุนี้…

เขตแดนมรรคของหลินสวินนั่น ก็เหมือนทุ่งแห่งการทำลายล้าง ช่วงชิงพลังชีวิต หมุนเปลี่ยนความร่วงโรยรุ่งโรจน์!

ตูม!

ภาพนี้ไม่อาจบรรยายได้สักนิด ก็เห็นกลางฟ้าดินสั่นสะเทือน เวิ้งว้างขาวโพลนทั้งแถบ เสมือนความว่างเปล่าโดยรอบล้วนถูกซัดทำลาย

การต่อสู้ในครั้งนี้ ถึงขั้นทำให้เมืองหลินอันที่อยู่ไกลโพ้นยังเกิดการสั่นสะเทือนไปด้วย ผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวอยู่ในเมืองนับไม่ถ้วนสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง รู้สึกคล้ายมังกรพลิกตัวใต้ดิน เกิดแผ่นดินไหวฉับพลัน ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้

และมีพวกที่ความแข็งแกร่งเหนือธรรมดา สัมผัสได้ถึงการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ไกลๆ ต่างก็อดหวาดผวาไม่ได้

การต่อสู้ครั้งใหญ่สะท้านโลกระหว่างระดับกึ่งจักรพรรดิหรือ

น่าเสียดายระยะทางห่างไกลเกินไป มองไม่ชัดสักนิด จึงไม่อาจรับรู้ว่านี่หาใช่การต่อสู้ของกึ่งจักรพรรดิ หากแต่เป็นศึกต่อสู้ข้ามระดับที่เรียกได้ว่าสะท้านโลกครั้งหนึ่ง!

ยามเมื่อฝุ่นควันหายลับไป

ภูผาธาราละแวกใกล้เคียงถึงกับอยู่ในสภาพยับเยินทั้งแถบ ทุกแห่งหนเป็นแอ่งเว้าพาดขวาง พลังชีวิตเหี่ยวแห้ง มีแต่ภาพแห่งการทำลายล้าง

พรวด!

กลางห้วงอากาศหลินสวินกระอักเลือด สีหน้าซีดขาว อาภรณ์ทั้งชุดอยู่ในสภาพขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ค่อนข้างสะบักสะบอม

แต่ไม่รอให้พวกข่งอวี้ลอบถอนหายใจโล่งอก ภาพที่ทำให้พวกเขาสะท้านไปทั้งร่างก็ปรากฏ…

ก็เห็นว่าตรงข้ามกับหลินสวิน กึ่งจักรพรรดิชวีเหราที่ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใด กลับคล้ายสูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมดไปในชั่วพริบตา

ทั่วทั้งตัวกลายเป็นเถ้าถ่านทั่วฟ้า!

ลมพัดระลอกหนึ่ง ก็พัดพาเอาเถ้าถ่านเหล่านั้นปลิวหายไป…

ทั้งที่นั้นเงียบกริบ เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ร่างและจิตล้วนดับสูญด้วยวิธีน่ากลัวเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่อาจจินตนาการ

ภาพเหตุการณ์ร่วงหล่นที่แปลกพิสดารเช่นนั้นน่าสยดสยองเกินไปแล้ว!

เป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วง เพียงชั่วดีดนิ้ว!