บทที่ 2709 หน้าตาเกียรติยศใหญ่กว่าฟ้า + ตอนที่ 2710 ตอนนี้คนที่ต้องการหย่ากับเขาคือฉัน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2709 หน้าตาเกียรติยศใหญ่กว่าฟ้า

“หนูแทบจะโดนเขาตีตายอยู่แล้ว…แม่รู้ไหมว่าเขาทำอะไรกับหนูบ้าง? แม่…แม่กับพ่อเอาแต่เชื่อคำพูดของคนนอกอย่างเขาอยู่เรื่อย ไม่ยอมเชื่อหนูเลยสักครั้ง หนูผิดหวังในตัวพ่อแม่จริง ๆ…”

เฝิงอวี้รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆที่เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆแต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกันพ่อแม่มักจะเข้าข้างสามีเสมอ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยถามใครถูกหรือผิด ถึงอย่างไรเธอก็ผิดเสมอ

เพราะว่าเธอยังดีไม่พอ ใจกว้างไม่พอ เอาใจใส่ไม่พอ…

เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็มุ่นคิ้วแน่น ไม่แปลกใจเลยที่เฝิงอวี้ไม่อยากบอกทางบ้าน พ่อแม่ที่เอาแต่ยกยอลูกเขยดีหมดแต่ลูกสาวไม่มีดีสักอย่างคงไม่มีทางสนับสนุนอยู่เคียงข้างลูกสาวแน่นอน ไม่แน่บางทีอาจช่วยลูกเขยข่มเหงลูกสาวด้วยซ้ำ!

“แม่คะ…หนูตัดสินใจหย่าแน่นอน ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมหนูอีก!”

เฝิงอวี้วางสายพร้อมน้ำตานองหน้า

“อย่าเศร้าไปเลย เธอต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยตัวเองไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ดังนั้นเธอต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้!”

เหมยเหมยดึงทิชชู่ขึ้นมาสองสามแผ่นแล้วยื่นส่งให้ เฝิงอวี้เช็ดน้ำตาพยักหน้าแรง ๆ “ฉันจะเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้ ครั้งนี้ต่อให้ต้องเหลือแต่ตัวไม่ได้อะไรเลยฉันก็จะหย่ากับเขา!”

“ทำไมต้องเหลือตัวเปล่าล่ะ? สามีของเธอเป็นฝ่ายผิด มีหลักฐานการใช้ความรุนแรงและนอกใจ เขาต่างหากที่ควรไปตัวเปล่า เธอเขียนทรัพย์สินร่วมกันมาเลย ถึงเวลานั้นก็ให้ทนายสู้แทนเธอ ทนายที่ฉันจ้างมาครั้งนี้เป็นทนายชื่อดังมือทองเก่งเรื่องคดีหย่ามากเลยนะ เขาต้องช่วยให้เธอได้รับผลประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน”

เหมยเหมยไม่เห็นด้วยกับความคิดของเฝิงอวี้ ในเมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบมากขนาดนี้จะไม่เอาเงินสักแดงเดียวได้อย่างไรกัน?

จะปล่อยให้สัตว์นรกนั่นได้เปรียบไม่ได้!

พูดถึงสามีของเฝิงอวี้เลวยิ่งกว่าฉางชิงซานเสียอีก เลวพอ ๆกับสามีของเยวี่ยเซียงเลย!

ครั้งนี้เธอจ้างทนายกัวมาอีกเช่นเคย ทนายกัวเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของมูลนิธิ เธอว่าความคดีหย่าร้างมาตั้งมากมายคงชำนาญคดีประเภทนี้ไม่น้อยแน่นอน ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว

หลังจากได้รับผลตรวจจากทางโรงพยาบาล เหมยเหมยก็ถ่ายรูปบาดแผลของเฝิงอวี้และเอาหลักฐานทั้งหมดที่มีมอบให้กับทนายกัว ศาลยอมรับคำอุทธรณ์ของเฝิงอวี้แล้วและกำหนดวันขึ้นศาลเป็นวันที่สิบเดือนหน้า ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบกว่าวัน

หลังจากได้ออกห่างจากผู้ชายสารเลวเฝิงอวี้ก็สภาพจิตใจดีขึ้นมาก สีหน้าก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังอวบอิ่มขึ้นด้วย เธอขอให้โรงเรียนออกบัตรเงินเดือนให้ใหม่เลยได้เงินเดือนมาอยู่ในมือเลยพอประทังชีวิตเธอกับลูกได้บ้าง

ในช่วงเวลาระหว่างนั้นสามีของเฝิงอวี้ไปหาเธอที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง แต่เฝิงอวี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะเจอ เพื่อรักษาหน้าของความเป็นศาสตราจารย์ผู้ชายคนนี้จึงไม่กล้าลงมือทำอะไรในที่สาธารณะ เขาจึงทำได้แค่มองดูเฝิงอวี้จากไป

แต่ครั้งนี้เฝิงอวี้กลับหลบหน้าไม่ได้อีกแล้วเพราะผู้ชายสารเลวคนนี้พาพ่อแม่เธอและพ่อแม่ของสามีมาขวางอยู่หน้าประตูโรงเรียน ในสภาวะคับขันเช่นนี้เฝิงอวี้เลยยืมโทรศัพท์มือถือของเพื่อนร่วมงานโทรหาเหมยเหมย

“เธออย่าเพิ่งออกไปนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เหมยเหมยพาฉีฉีเก๋อไปโรงเรียนของเฝิงอวี้ด้วยกัน จากนั้นก็เห็นผู้ชายคนนั้นและพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจริง ๆ สองคนในนั้นแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน บุคลิกดูดีไม่เลวซึ่งน่าจะเป็นพ่อแม่ของฝ่ายชาย เฝิงอวี้เคยบอกว่าพ่อแม่ของสามีต่างก็เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเช่นกัน

ครั้นเฝิงอวี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องประชาสัมพันธ์เห็นเหมยเหมยถึงกล้าเดินออกมาก่อนจะโดนพ่อแม่ของเธอขวางเอาไว้ จากนั้นก็จับเธอแล้วพูดไม่หยุด เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็เข้ามาเช่นกัน พวกเธอก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่เฝิงอวี้

“แกรีบไปยื่นเรื่องถอนฟ้องให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ดี ๆกันอยู่จะหย่าทำไมกัน แกจะให้ฉันกับพ่อของแก น้องสาวกับน้องชายของแกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ไปถอนฟ้องเดี๋ยวนี้!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้ลากเฝิงอวี้ไปพร้อมพูดไม่หยุด ดูท่าทางเหมือนอยากให้เธอถอนฟ้องศาล ฉีฉีเก๋อโมโหจนก้าวไปข้างหน้าและดึงเฝิงอวี้กลับมาแล้วถลึงตาจ้องคุณแม่ของเฝิงอวี้ด้วยความโกรธ

ไม่เคยเห็นแม่แบบนี้มาก่อนเลย ลูกสาวสำคัญหรือหน้าตาสำคัญกว่ากันนะ?

พ่อแม่แบบนี้เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วของพ่อกับแม่ของเธอเลย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2710 ตอนนี้คนที่ต้องการหย่ากับเขาคือฉัน

“หนูจะไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด พ่อแม่ห่วงแต่หน้าตา เคยคิดบ้างไหมว่าหนูมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร…ต่อให้หนูตายไปพ่อแม่ก็ยังคิดว่าหน้าตาสำคัญกว่าอยู่ดีใช่ไหมล่ะ!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้แรงเยอะ ฉีฉีเก๋อไม่กล้าใช้แรงมากเพราะกลัวว่าเฝิงอวี้จะพลอยเจ็บไปด้วย แต่คุณแม่ของเฝิงอวี้กลับไม่มีความกังวลนั้นเลย เธอออกแรงหนักมาก กระทั่งเรียกสามีมาช่วยด้วยซ้ำ ตอนนี้เฝิงอวี้เลยขยับตัวไม่ได้เหมือนตุ๊กตาไม้

ครั้นเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและเย็นชาไร้ซึ่งความสงสารของผู้เป็นแม่…หัวใจของเฝิงอวี้ก็เหมือนถูกแทงอย่างแรง ในที่สุดก็ระเบิดออกมา

คุณแม่ของเฝิงอวี้ตกใจยกใหญ่แล้วมองลูกสาวที่กำลังโวยวายอย่างไม่เชื่อสายตา ”อาอวี้ ทำไมแกถึงไร้ซึ่งคุณสมบัติผู้ดีแบบนี้? เหมือนแม่ค้าปากตลาดแถวบ้านนอกยังไงอย่างนั้น พ่อแม่สั่งสอนแกมาอย่างไร? มารยาทของแกหายไปไหนแล้ว?”

พ่อแม่ของชายสารเลวที่ยืนดูอยู่ด้านข้างเงียบ ๆมาโดยตลอด นัยน์ตาฉายแววเย้ยหยันและดูถูก คุณแม่สามีของเฝิงอวี้หัวเราะเย้ยหยันเอ่ย “ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เชื่อแล้วว่าลูกชายของฉันโดนเฝิงอวี้ตบตีจริง ๆ ตอนลูกชายของฉันจะแต่งงานกับเฝิงอวี้ ฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอก ครอบครัวอย่างพวกคุณจะสั่งสอนลูกสาวออกมาได้ดีแค่ไหนกันเชียว? ตอนนี้โดนฉันพูดแทงใจดำเข้าแล้วล่ะสิ แม้แต่สามียังกล้าทุบตีแล้วจะต่างจากแม่ค้าปากตลาดบ้านนอกตรงไหน? แถมยังกล้าตะโกนโวยวายกลางถนนจนขายขี้หน้าตระกูลหยางของพวกเรากันหมด คุณคะ…ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เสี่ยวจวิน ฉันคงไม่เห็นด้วยกับการที่เฝิงอวี้จะมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหยางของเราต่อไปอย่างแน่นอน ฮึ!”

แม่สามีของเฝิงอวี้สวมเสื้อคลุมขนแพะดูดีราคาแพง แต่งหน้าสะสวย ถือกระเป๋า LV มาดผู้ดีมาก แต่สิ่งที่พูดออกมา กลับเหม็นยิ่งกว่าส้วม!

“คุณสงบอารมณ์ลงก่อน…ฉันต้องสั่งสอนอาอวี้อย่างดีแน่นอน น่าละอายใจจริง ๆ ไม่เห็นแก่หน้าพระก็เห็นแก่หน้าหลานบ้าง เสี่ยวจวินต้องมีแม่แท้ ๆคอยดูแลถึงจะดีกว่าใช่ไหมล่ะ!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้พูดกับผู้ชายสารเลวนั่นว่า “…ความรักความผูกพันของสามีภรรยาอันลึกซึ้ง เธอกับอาอวี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันมาสิบสองปีแล้ว บทจะหย่าก็หย่ากันเลยเหรอ ฉันจะให้อาอวี้ไปถอนฟ้องที่ศาลเดี๋ยวนี้แหละ!”

ครั้นเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อเห็นพ่อแม่ของเฝิงอวี้เอ่ยพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานกับครอบครัวของฝ่ายชายก็อดตะลึงค้างไม่ได้จนทำเอาพวกเธอต้องมองใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ลูกสาวแท้ ๆถูกเขาทารุณ ไม่เพียงแต่จะไม่ออกหน้าปกป้องลูกสาวแล้ว แต่ยังจะสั่งสอนลูกสาวอีก?

นี่เป็นพ่อแม่ประสาอะไรกัน?

“เธอเป็นลูกแท้ ๆที่พ่อแม่ให้กำเนิดมาจริง ๆใช่ไหม?” ฉีฉีเก๋ออดถามเฝิงอวี้ไม่ได้

เฝิงอวี้ยิ้มเศร้าสร้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดมาจากพวกเขาจริง ๆหรือเปล่า?”

พวกเขาสามคนครอบครัวชายสารเลวนั่นมองพ่อแม่ของเฝิงอวี้ที่อ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีอย่างลำพองใจมาก สีหน้ายิ่งหยิ่งผยองมากกว่าเดิม

พูดถึงแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่ศักดิ์ต่ำกว่าก็มีประโยชน์เหมือนกัน ความรู้สึกอยู่เหนือกว่าแบบนี้ทางครอบครัวลูกสะใภ้ที่ศักดิ์ต่ำกว่าคงมิอาจสัมผัสได้ ถึงอย่างไรตระกูลหยางของพวกเขาก็ไม่ใช่ตระกูลใหญ่มีอิทธิพลอะไรมาก อย่างมากก็เป็นแค่ชนชั้นกลางเท่านั้น!

“พ่อแม่ขอร้องพวกเขาทำไม? ตอนนี้หนูต้องการจะหย่ากับผู้ชายคนนี้ เป็นหนูเองที่ไม่ต้องการเขาแล้ว พ่อแม่ได้ยินไหม? ฉันเฝิงอวี้ไม่ต้องการหยางอันคังแล้ว!”

เฝิงอวี้รู้สึกได้ถึงการดูถูกที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่เธอได้รับมาตลอดสิบสองปี และจะไม่ทนแบบนี้ไปอีกตลอดชีวิต

ตอนนี้เธอสรุปได้แล้วว่าตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาเธอเฝิงอวี้ก็คือคนรับใช้ของตระกูลหยางที่ทำงานให้ฟรี ๆ รวมถึงเครื่องจักรผลิตบุตรและกระโถนระบายอารมณ์ของตระกูลหยาง!

อดทนมาสิบสองปี ในที่สุดเฝิงอวี้ก็ตื่นจากฝันร้ายสักที!

เธอจะต้องเข้มแข็งยืดหยัดได้ด้วยตัวเอง จะให้คนตระกูลหยางดูถูกไม่ได้!

สีหน้าของคนตระกูลหยางเปลี่ยนยกใหญ่ คุณแม่สามีของเฝิงอวี้ตวาดใส่ว่า “เฝิงอวี้อย่ามาดื้อดึง เธอคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปีอยู่หรือไง? แก่จนอายุเกือบสี่สิบแล้ว หากไปจากลูกชายฉันจะแต่งงานกับครอบครัวดี ๆที่ไหนได้อีก…ฉันแนะนำให้เธอตั้งสติ อย่าฟังคำพูดให้ร้ายจากเพื่อนบ้านนอกบางคนที่มีเจตนาแอบแฝงจะดีกว่า…”

แม่สามีของเฝิงอวี้พูดพลางเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง เธอรู้ว่าต้องเป็นฝีมือของผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนจิ้งจอกแพศยานี่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นอยู่ดี ๆลูกสะใภ้ที่หัวอ่อนเหมือนแกะจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้อย่างไร?

…………………………