ตอนที่ 2711 ไม่ใช่คนดีทั้งบ้าน
คำด่าทอเจาะจงตัวขนาดนี้ ไหนจะสายตาที่ชัดเจนขนาดนี้อีก ถ้าเหมยเหมยยังดูไม่ออกก็โง่เต็มทีแล้ว เธอปรายตามองสองสามีภรรยาที่ดีแต่ภายนอก มิน่าถึงได้มีลูกชายสารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่เอง
ทั้งที่เป็นคนมีการศึกษาแต่ถ้อยคำที่พ่นสบถออกมาและการกระทำกลับต่ำช้ายิ่งกว่าคนบ้านนอกเสียอีก!
“ผู้หญิงบ้านนอกแล้วยังไง? ป้าดูถูกคนชนบทเหรอ คนชนบทแล้วทำไม? ถ้าไม่ได้คนชนบทป้าจะเอาข้าวที่ไหนมากิน เอาเสื้อผ้าที่ไหนมาใส่? กินอาหารที่คนชนบทอุตส่าห์ปลูกอย่างยากลำบากแล้วยังด่าคนชนบทอีก นี่เป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเชียวนะ
มหาวิทยาลัยไหนตาบอดจังถึงปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานทั้งบ้านแบบนี้ไปสอนคนอื่นได้? นักศึกษาที่ร่ำเรียนมาเหน็ดเหนื่อยกว่าสิบปีถ้าเกิดโชคร้ายไปเป็นนักศึกษาของพวกป้าเข้าคงโชคร้ายแปดชั่วโคตรเลยล่ะ!”
เหมยเหมยก้าวไปข้างหน้าแล้วด่าแม่สามีของเฝิงอวี้อย่างเจ็บแสบจนอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง
“เธอ…เธอ…คนพวกเดียวกันก็มักอยู่กับคนพวกเดียวกันจริง ๆ เฝิงอวี้ไม่มีมารยาท เพื่อนที่คบก็เป็นคนหยาบคายไร้มารยาทเหมือนกัน อันคัง หย่าเลย…ต้องหย่าเท่านั้น ลูกสะใภ้แบบนี้บ้านเรารับมือไม่ไหวหรอก!”
แม่สามีเฝิงอวี้โกรธจนตัวสั่นระริก เธอไม่ชอบลูกสะใภ้คนโตอยู่แล้ว อยากให้เฝิงอวี้รีบไสหัวออกจากบ้านไปเสียพ้น ๆ!
ครั้งนี้หากไม่ใช่ว่าอันคังไม่ยอมหย่า เธอคงไม่วิ่งแจ้นมาทนคนหยาบคาบพวกนี้หยามเกียรติตัวเองหรอก…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหย่า ต้องหย่าเท่านั้น!
ลูกชายเธอมีพื้นเพครอบครัวที่มีความสามารถแล้วยังอยู่ในวัยยังหนุ่มยังแน่น จะหาผู้หญิงใหม่ไม่ได้เหรอ? หย่าไปแล้วก็ยังหาสาวโสดหน้าตาสะสวยได้อยู่ดี!
แต่เศษเต้าหู้อย่างเฝิงอวี้…หึ…คิดจะแต่งงานใหม่คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!
“ยายแก่ โปรดทำความเข้าใจให้ดีนะ ตอนนี้เฝิงอวี้เป็นฝ่ายขอเฉดหัวลูกชายที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานคนนี้ของป้าทิ้ง เสียแรงที่ลูกชายป้าเป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่คบชู้แต่ยังทารุณเฝิงอวี้มาตั้งนาน ควบคุมอิสระในชีวิตของเธอ
ยายแก่…อย่างน้อยป้าก็เรียนหนังสือมาตั้งหลายปีก็คงรู้กฎหมายบ้างสินะ ลูกชายของป้าทำผิดกฎหมาย พวกป้ารอลูกชายเหลือแค่ตัวเปล่าเถอะ!”
เหมยเหมยตะเบ็งเสียงด่าจนดึงดูดความสนใจของเหล่านักเรียนและคุณครูมากมายมุงล้อมเป็นวงหลายชั้นพลางชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์พวกเขา
“นี่คุณครูเฝิงไม่ใช่เหรอ? คนใส่แว่นคนนั้นคือสามีเธอสินะ ได้ข่าวว่าเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย สองสามีภรรยารักกันมากนี่นา!”
“รักบ้าอะไร เมื่อกี้คุณครูเฝิงบอกแล้วว่าจะขอหย่า อีกอย่างสาวสวยคนนั้นก็บอกแล้วว่าสามีคุณครูเฝิงทารุณคุณครูเฝิงมาตั้งนาน แล้วยังควบคุมอิสระในชีวิตของคุณครูอีกด้วย!”
“พระเจ้า…ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้? มิน่าคุณครูเฝิงถึงได้สีหน้าแย่ ๆอยู่บ่อย ๆ ดูเศร้าซึมแปลก ๆ…ดูไม่ออกเลยจริง ๆ…ว่าสามีของเธอจะโรคจิตขนาดนี้!”
“ไม่งั้นจะว่ากันว่ารู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจได้อย่างไร ผู้หญิงแต่งงานก็เหมือนเสี่ยงดวง ถ้าดวงดีก็จะมีความสุขตลอดชีวิต ดวงไม่ดีก็ยอมรับชะตากรรมเถอะ!”
……
“พูดจาเหลวไหล ทั้งที่เฝิงอวี้ไปหาชู้เองแล้วถูกลูกชายฉันจับได้ เธอถึงได้อายปนโกรธจ้างคนมาทำร้ายลูกชายฉัน ตอนนี้ลูกชายฉันมีแต่แผลเต็มตัวไปหมด…พวกเธอใส่ร้าย!”
แม่สามีเฝิงอวี้ทำหน้าลุกลี้ลุกลนตะโกนโวยวายอย่างไม่คิดจะสนใจภาพลักษณ์อีก
เรื่องที่ลูกชายเธอทารุณลูกสะใภ้เธอพอรู้มาบ้างเพราะลูกชายเคยทารุณหมาแมวที่เคยเลี้ยงไว้ตอนเด็กมาก่อน เมื่อนั้นเธอกับสามีเจอเข้าก็แอบนำหมาแมวที่ตายไปมาทำอาหารกินและไม่เคยแพร่งพรายออกไปข้างนอกเลย
เดิมทีคิดว่าลูกชายโตขึ้นคงเปลี่ยนแปลงได้แต่ใครจะคิดว่าขนาดถึงขั้นทารุณภรรยาไปด้วย ดีที่เฝิงอวี้เป็นคนอ่อนแอแถมครอบครัวตัวเองไม่มีความสามารถอะไร เธอกับสามีถึงได้โล่งใจไป
ใครจะคิดว่าในที่สุดเรื่องนี้ก็หลุดออกมาจนได้!
…………………………
ตอนที่ 2712 ศาสตาจารย์ก็อาจเรียกได้ว่าสิงสาราสัตว์ [1]
“พวกป้าต่างหากใส่ความ เฝิงอวี้โดนลูกชายป้าทารุณจนเกือบตาย ไม่มีเงินติดตัวสักหยวนแล้วเธอจะไปหาผู้ชายจากไหนได้? พวกป้าคงไม่มีแม้แต่หลักฐานสินะ? แต่เรื่องที่ลูกชายพวกป้ามีชู้เรามีทั้งหลักฐานและพยานเชียวล่ะ!”
เหมยเหมยโกรธกับความไม่ละอายใจของครอบครัวนี้แทบตาย ไม่ใช่ศาสตราจารย์ทุกคนจะเป็นผู้ดีจริง ๆ ยังมีหลายคนที่ควรถูกเรียกว่าเป็นสิงสาราสัตว์!
อย่างเช่นคนตระกูลหยางตรงหน้า
รวมถึงสองลูกตระกูลอู่ในอดีต
ความรู้กับหลักคุณธรรมไม่ใช่สิ่งที่สัมพันธ์กันเลยจริง ๆ!
“คนนั้นเป็นนักศึกษา แค่ไปดูละครกับนักศึกษาก็เท่ากับคนชู้แล้วเหรอ? หรือว่าหลังจากผู้ชายแต่งงานก็ห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามอีกงั้นสิ? นี่ความคิดล้าสมัยอะไรของเธอ?” แม่สามีเฝิงอวี้พูดเย้ยหยัน
“อย่ามาเปลี่ยนประเด็น ผู้ชายที่แต่งงานแล้วมีปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามได้อยู่แล้วแต่ก็ต้องมีขอบเขตหรือเปล่า ลูกชายของป้าไม่เคยพาภรรยาไปดูละครเวทีแต่กลับพานักศึกษาสาวสวย ๆไปดูละครเวทีกันสองต่อสองบ่อย ๆ จะอธิบายยังไงก็คงไม่เข้าท่าหรอกมั้ง!” เหมยเหมยยอกย้อน
“นั่นเพราะเฝิงอวี้มีการศึกษาที่ขีดจำกัดเลยไม่เข้าใจแก่นแท้ของละครเวที คุยกับลูกชายฉันไม่รู้เรื่อง!” แม่สามีเฝิงอวี้พูดหน้าตาเฉยพร้อมทำหน้าหยามเหยียด
ละครเวทีเป็นวัฒนธรรมที่สูงส่งสง่ามาก ปุถุชนทั่วไปจะเข้าใจหรือ?
เหมยเหมยชี้ไปทางเฝิงอวี้แล้วหัวเราะด้วยท่าทีเกินจริง “เฝิงอวี้เป็นถึงคุณครูในโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดัง อย่างน้อยก็เป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ ป้าบอกว่าเธอดูละครเวทีไม่รู้เรื่องเหรอ? ละครเวทีพวกนั้นใช้ภาษามนุษย์ต่างดาวในการแสดงหรือไง? หรือว่าศาสตราจารย์อย่างป้าคิดว่าครูในโรงเรียนนี้ทุกคนมีการศึกษาต่ำงั้นสิ?”
ทีนี้คนอื่น ๆที่กำลังมุงดูเรื่องสนุก ๆกลับไม่พอใจขึ้นมาพลางชี้นิ้วตำหนิกันระนาวว่า “ตลกจริง ๆ มีคุณครูโรงเรียนเราคนไหนบ้างที่ไม่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมา? มาบอกว่าเด็กเรียนจบตรงสายมาไม่มีการศึกษา เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย!”
“เขาเป็นถึงศาสตราจารย์แหนะ ดูถูกครูมัธยมอย่างเรามันเรื่องปกติ!”
“ศาสตราจารย์เจ๋งมากเหรอ ถ้าศาสตราจารย์แล้วเป็นแบบนี้กันหมด ฉันว่ามหาวิทยาลัยที่จ้างพวกเขาก็คงเป็นมหาวิทยาลัยป่าเถื่อนเหมือนกันแหละ!”
……
เหมยเหมยตามสืบประวัติของพ่อแม่สามีเฝิงอวี้มาก่อนล่วงหน้าแล้วพบว่าทั้งครอบครัวเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลีอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง แน่นอนว่าไม่ใช่มหาวิทยาลัยป่าเถื่อนอะไร อย่างน้อยก็เรียกคะแนนสอบเข้าตั้ง 285 แหนะ!
เพียงแต่ครอบครัวนี้มันสวะจริง ๆ!
พ่อแม่สามีเฝิงอวี้ทนความอับอายไม่ไหวโกรธจนหน้าดำหน้าแดงหมุนตัวหมายจะกลับบ้าน สามีเฝิงอวี้อย่างหยางอันคังดันไม่อยากกลับ มองพ่อแม่ด้วยสายตาเว้าวอนหวังว่าพวกเขาจะช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
ความจริงเขาไม่อยากหย่าไม่ใช่เพราะรักเฝิงอวี้
เหตุผลมีสองข้อ อย่างแรกการจะหาผู้หญิงที่ควบคุมได้ง่ายอย่างเฝิงอวี้มันยากเกินไป แต่เขาก็ต้องหาผู้หญิงสักคนอยู่ดีซึ่งเฝิงอวี้เหมาะสมที่สุด
อย่างที่สองเขาทนความอับอายไม่ไหว เฝิงอวี้เองก็ไม่รู้ว่าไปหาเพื่อนที่เก่งขนาดนี้มาจากไหน ถ้าเกิดเปิดเผยหลักฐานที่เขาทารุณและมีชู้ให้ศาลเขาก็เสียหน้าหมดสิ แล้วอนาคตจะอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไปอย่างไร!
“พ่อแม่ครับ…ตอนนี้อาอวี้แค่หลงผิดไป พ่อแม่ช่วยผมหว่านล้อมที เสี่ยวจวินเพิ่งจะอายุเก้าขวบ ให้เธอช่วยคิดเผื่อลูกบ้าง อย่าให้ลูกต้องโดนคนอื่นหัวเราะเยาะเลย!”
หยางอันคังหันไปขอร้องพ่อแม่เฝิงอวี้ด้วยท่าทีจริงจัง อีกทั้งคำพูดที่พูดออกมาก็จี้โดนใจของพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาก็กลัวขายหน้าเหมือนกัน!
“แกทารุณอาอวี้เหรอ?” คุณพ่อของเฝิงอวี้อดสงสัยไม่ได้
ในเมื่อเป็นลูกสาวแท้ ๆ ถ้าลูกเขยทารุณลูกสาวจริง ๆ เช่นนั้นเขาต้องคิดให้ดีแล้ว
“เปล่าเลยครับ…แค่อารมณ์ไม่ดีแล้วลงไม้ลงมือบ้างในบางที อาอวี้ก็ตบตีผมเหมือนกัน วันหลังผมจะยอมเธอ ผมสัญญา!” หยางอันคังพูดอธิบายสั้น ๆ
คุณพ่อของเฝิงอวี้ดูท่าไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เมื่อครู่เพื่อนของลูกสาวพูดเป็นตุเป็นตะไม่เหมือนแค่ลงไม้ลงมือธรรมดา เขายังอยากถามอีกแต่คุณแม่ของเฝิงอวี้กลับขัดเขาเสียก่อน
……………………………
[1] คำว่าศาสตราจารย์ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำว่า สิงสาราสัตว์ในภาษาจีน