บทที่ 2713 เศษขี้วัว + ตอนที่ 2714 เป็นคนอย่าเห็นแก่ตัว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2713 เศษขี้วัว

“ลูกเขยพูดไม่ผิดแน่ สองสามีภรรยาทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ ฉันว่าแม่ลูกเขยพูดถูก อาอวี้เสียคนเพราะเพื่อน เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย!”

คุณแม่เฝิงอวี้เกลียดเหมยเหมยยิ่งกว่าแม่สามีของเฝิงอวี้เสียอีก ตำแหน่งงานใหม่ของลูกชายใกล้จะได้มาอยู่ในมือแล้ว ทั้งยังเป็นถึงตำแหน่งราชการซึ่งถือว่าเป็นงานที่มั่นคงมากด้วย ดีกว่างานในโรงงานแต่ก่อนมากโข ซึ่งก็ได้มาจากบ้านลูกเขยนั่นเอง

ตอนนี้ลูกสาวทะเลาะกับบ้านลูกเขยขนาดนี้ งานลูกชายก็จบเห่ละสิ!

คุณแม่เฝิงอวี้เป็นห่วงจับใจจึงยิ่งโทษเฝิงอวี้ ควรคิดถึงน้องชายตอนทำงานหามรุ่งหามค่ำที่โรงงานให้มาก ๆ แถมทั้งเหนื่อยทั้งเงินไม่พอใช้ แบบนี้ไม่ควรทะเลาะกับบ้านสามีเลย

มีชีวิตคู่ไหนบ้างที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มา หากยอมอดทนไปจนแก่ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง แล้วมาทะเลาะอะไรกันในเวลาสำคัญแบบนี้นะ?

คุณพ่อเฝิงอวี้ถูกภรรยาขัดจึงอ้าปากพะงาบ ๆหลายที สุดท้ายก็ไม่ได้ถามอีกแล้วเงียบไป

งานลูกชายยังขึ้นอยู่กับบ้านลูกเขย ตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะทะเลาะกัน รอลูกชายได้รับการจัดสรรงานดีแล้วเขาค่อยถามลูกสาวให้ดีอีกทีดีกว่า ถ้าโดนรังแกจริง ๆถึงตอนนั้นค่อยหย่าก็ไม่สาย

“คุณอย่าเพิ่งโกรธไป ฉันจะสั่งสอนอาอวี้ให้อย่างดี หรือว่าพวกคุณกลับไปก่อน? ฉันจะพาอาอวี้กลับไปตักเตือนที่บ้าน ที่นี่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาคงไม่ดีนัก”

คุณแม่เฝิงอวี้พูดเอาอกเอาใจ เธอยืนกรานคัดค้านไม่ให้หย่า ขายหน้าไม่พอลูกชายยังต้องเสียงานไปด้วย ไหนจะลูกสาวคนเล็กที่ตำแหน่งงานก็ไม่ดี เธอยังหวังพึ่งบ้านลูกเขยช่วยหางานใหม่ให้ลูกสาวคนเล็กอีกแหนะ!

“คุณต้องตักเตือนให้เฝิงอวี้สำเหนียกตัวเองบ้าง จะพูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือลูกชายฉันหย่าไปก็ยังมีผู้หญิงอีกมากมายอยากแต่งงานด้วย แต่ลูกสาวคุณคงยาก อายุมากใกล้เหมือนเศษเต้าหู้ขนาดนี้แล้ว หน้าตาก็เฉย ๆ เกรงว่าคงมีแต่ตาแก่อายุเจ็ดแปดสิบที่ยอมแต่งด้วยล่ะสิ!”

แม่สามีเฝิงอวี้เชิดคางไม่แม้แต่จะมองคุณแม่เฝิงอวี้สักแวบเดียว แต่ถ้อยคำที่พ่นออกมากลับเหม็นยิ่งกว่าอุจจาระ

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอเอ่ยคำว่าเศษเต้าหู้แต่อดีตคงพูดไม่น้อย เฝิงอวี้สีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งปฏิกิริยา พอจะเห็นได้ว่าปกติคงได้ยินมาไม่น้อย

เหมยเหมยกลับทนไม่ได้ ทำไมผู้หญิงต้องมากลั่นแกล้งผู้หญิงด้วยกัน แต่ในชีวิตจริงคนที่กลั่นแกล้งผู้หญิงก็มักเป็นผู้หญิงด้วยกันจริง ๆ!

“เฝิงอวี้เพิ่งจะอายุสามสิบห้าปีพอดี ทำไมพอไปอยู่กับป้ากลับกลายเป็นสาวอายุแก่เศษเต้าหู้ได้ล่ะ? หึ…สามสิบห้าปีเป็นเศษเต้าหู้แล้วคนวัยหกเจ็ดสิบอย่างป้าคืออะไร? เศษขี้วัวเหรอ?” เหมยเหมยเหยียดยิ้มตอกกลับ

บรรดาครูบาอาจารย์กับนักเรียนที่ยืนล้อมหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน มีนักเรียนหลายคนตะโกนโวย “ยายแก่เศษขี้วัว…ครูเฝิงคือดอกไม้ที่งอกขึ้นกลางขี้วัวต่างหาก!”

เฝิงอวี้มองไปตามต้นเสียงพบว่าเป็นนักเรียนของตัวเอง พวกนักเรียนพากันมาเกือบครึ่งห้องแล้วเบียดกันอยู่หน้าสุด

“ครูเฝิง พวกเราสนับสนุนครูนะ!” นักเรียนตะโกนเสียงดังแล้วมองครอบครัวฝ่ายชายด้วยสายตาขึงขังอย่างพร้อมเพรียง

แม้แต่ครูเฝิงแสนสวยและอ่อนโยนแบบนี้ยังทารุณลงได้ ขอสาปแช่งครอบครัวนี้ให้ดื่มน้ำสำลักทุกวัน ตดเหม็นจนตายไปเลย!

“ขอบคุณ…ขอบคุณพวกเธอมาก…”

เฝิงอวี้น้ำตาคลอเบ้า หัวใจที่เจ็บหนักรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่างน้อยก็มีเหล่านักเรียนที่น่ารักของเธอ!

ฉะนั้น…เธอจะต้องเข้มแข็ง!

ไม่อย่างนั้นเธอจะสอนเรื่องทัศนคติที่ถูกต้องแก่เหล่านักเรียนได้อย่างไร?

“หน็อย…ฉันจะไปหาผู้อำนวยการของพวกเธอ ครูแบบไหนก็สอนนักเรียนได้แบบนั้นแหละ ฉันจะให้ผู้อำนวยการไล่พวกเธอออก!” แม่สามีเฝิงอวี้เดือดดาลชี้ไปที่เฝิงอวี้แล้วด่ากราด

“นักเรียนของฉันเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโลก แน่จริงก็มาลงที่ฉัน!” เป็นครั้งแรกที่เฝิงอวี้กล้าเถียงแม่สามีแล้วทำท่าเหมือนแม่ไก่ที่กำลังปกป้องลูกไก่ก็ไม่ปาน

………………………….

ตอนที่ 2714 เป็นคนอย่าเห็นแก่ตัว

“เราไม่กลัวยายแก่เศษขี้วัวอย่างป้าหรอก ไปหาผู้อำนวยการสิ…ไปให้ผู้อำนวยการไล่เราออกทั้งห้องเลย ถ้าไม่ไปป้าจะเป็นหมาเอานะ!”

นักเรียนหน้าตาวัยละอ่อนซึ่งคำพูดมีความเป็นเด็กสูงมาก แต่กลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ

เหมยเหมยปากกระตุก พยายามกลั้นไว้ไม่ให้หลุดขำออกมา เธอจะหลุดขรึมไม่ได้ต้องทำหน้าเคร่งเข้าไว้

“กลับห้องไป…ไม่เข้าท่าเลย…กลับไปทำการบ้านไป!” ครูฝ่ายปกครองออกมาขับไล่นักเรียนด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ครูเฝิงอย่ากลัว เราจะสนับสนุนครูตลอดไป…ครูจะต้องกล้าที่จะต่อสู้กับอิทธิพลชั่วร้าย!”

เหล่านักเรียนแตกฮือแยกย้ายกันกลับไป แต่ไม่ลืมที่จะย้ำเตือนครูตัวเองจนคนฟังร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก

“ครูเฝิง อยู่หน้าโรงเรียนแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไหร่ ไปแก้ปัญหาที่ห้องทำงานผมเถอะ!” ครูฝ่ายปกครองเอ่ย

“ครูเวิน ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเองที่สร้างความเดือดร้อนให้โรงเรียน” เฝิงอวี้ทำหน้ารู้สึกผิดอย่างมาก

ครูฝ่ายปกครองเองก็เห็นใจเฝิงอวี้มาก แต่เรื่องภายในครอบครัวเช่นนี้เขาไม่สะดวกที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งด้วย เขามองไปยังครอบครัวชายโฉดแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เห็นโรงเรียนเราเป็นตลาดสดเหรอ? คราวหน้าถ้ายังมาก่อกวนที่โรงเรียนเราอีกจะให้รปภ.ไล่ออกไปให้หมด อย่าหาว่าผมไม่เตือนล่ะ!”

“คุณครู…เราแค่มาเรียกลูกสะใภ้กลับบ้านแต่เธอไม่ยอมกลับ อ้อ…ใช่แล้ว ฉันรู้จักคุณนายผู้อำนวยการฉางของพวกคุณ คุณนายผู้อำนวยการฉางเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน” คุณแม่สามีเฝิงอวี้เอาเรื่องความสัมพันธ์มาข่ม

ครูฝ่ายปกครองรำคาญคนประเภทนี้ที่สุด เรื่องดี ๆไม่รู้จักทำแต่ชอบทำอะไรผิดคุณธรรมอยู่เรื่อย

“เรื่องภายในครอบครัวก็กลับไปแก้ปัญหากันที่บ้านอย่ามาก่อกวนที่โรงเรียน ผู้อำนวยการฉางไม่ได้ดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนเราแล้ว ขออภัยด้วยที่ผมไม่รู้จักภรรยาของเขา!” ครูฝ่ายปกครองโต้กลับด้วยเสียงดังฟังชัด

แม่สามีเฝิงอวี้หน้าแดงเป็นริ้ว ๆพลางก่นด่าครูฝ่ายปกครองคนนี้ในใจ เดี๋ยวกลับไปจะหาคนสนิทในสำนักศึกษาธิการจัดการครูฝ่ายปกครองคนนี้ให้ได้เลย

พ่อสามีเฝิงอวี้ที่เงียบมาตลอดมองเฝิงอวี้แวบหนึ่งแล้วเอ่ย “เฝิงอวี้ ฉันหวังว่าเธอจะคิดดี ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อเสี่ยวจวิน แต่เพื่อพ่อแม่น้องสาวน้องชายเธอด้วย เป็นคนจะเห็นแก่ตัวมากไม่ได้!”

พ่อแม่เฝิงอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปและใจหล่นวูบ

“เรากลับไปก่อน ให้บ้านพวกเขาคุยกันเอง”

พ่อสามีเฝิงอวี้เรียกภรรยากับลูกชายกลับบ้านแล้วมองพ่อแม่เฝิงอวี้ด้วยสายตาเหมือนแฝงนัยยะบางอย่าง ทำเอาพวกเขาสองคนเสียวสันหลัววาบและยิ่งหนักแน่นว่าจะต้องให้ลูกสาวถอนคำฟ้องให้ได้

“อาอวี้กลับบ้านกับแม่!”

คุณแม่เฝิงอวี้ไปกระชากแขนลูกสาวอีก เฝิงอวี้ทำหน้านิ่งพูดเสียงเย็น “พ่อแม่อย่ามาหว่านล้อมหนูเลย หนูไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด หนูจะต้องหย่าให้ได้!”

“แก…ทำไมแกเห็นแก่ตัวขนาดนี้…” คุณแม่เฝิงอวี้ยื่นแขนหมายจะตบหน้าลูกสาวแต่ถูกเหมยเหมยขวางเอาไว้ มองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ไปคุยกันบนรถฉัน อย่ามาทำตัวอับอายขายหน้าตรงนี้!”

“จะไปบนรถเธอทำไม ฉันไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ อาอวี้กลับบ้านกับแม่!”

คุณแม่เฝิงอวี้ถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างเคียดแค้น ทุกอย่างเป็นเพราะนังปีศาจจิ้งจอกตัวนี้พาลูกสาวเสียคน ทำให้ลูกชายเธอเกือบจะเสียงานอยู่รอมร่อแล้ว!

“เธอเป็นเพื่อนของหนู แม่ช่วยพูดจาเกรงใจกันบ้าง หนูไม่กลับบ้านกับแม่เด็ดขาด จะคุยก็ไปคุยกันบนรถเพื่อนหนู!” เฝิงอวี้เดาได้ว่าพ่อแม่จะพูดอะไรและเธอไม่อยากฟัง

แต่พวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ ๆที่เลี้ยงดูเธอมา เธอปฏิเสธไม่ได้!

พ่อแม่เฝิงอวี้เลยจำต้องขึ้นรถไปอย่างจนใจ เพิ่งขึ้นรถคุณแม่เฝิงอวี้ก็พูดด้วยเสียงโกรธแค้น “เดือนหน้าน้องชายของแกจะได้ไปทำงานสำนักการเงินแล้ว พอแกสร้างเรื่องแบบนี้น้องชายแกก็เสียงาน แล้วน้องสาวของแกก็ต้องเปลี่ยนงานอีก แกจะสร้างเรื่องขึ้นมาทำไม?

สามีภรรยาคู่ไหนที่ไม่มีปากเสียงกันมาทั้งชีวิตบ้าง? แกทนหน่อยจะเป็นไรไป?”

………………