ตอนที่ 1864 ชื่อเสียงของอวี่เสวียน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

มองส่งเงาร่างที่งดงามไร้ทัดเทียมของชิงอิงจนหายลับไปในทะเลเมฆเวิ้งว้างแล้ว หลินสวินจึงเก็บสายตากลับมา

ยามมองคันฉ่องทองแดงในมือบานนั้น ภายในใจเขาไม่สามารถสงบได้อยู่บ้างจริงๆ

ผู้หญิงคนนี้…

คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในตัวของตน?

หาไม่เหตุใดถึงต้องดั้นด้นมาหา และเอ่ยถึงเรื่อง ‘หลินสวิน’ ที่มีความเกี่ยวข้องกับตนเช่นนี้

ฮูม~

จิตรับรู้ของเขาแทรกเข้าสู่คันฉ่องทองแดง

ชั่วครู่แผนที่เร้นลับภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว เส้นทางที่เขียนบนนั้นซับซ้อนถึงขีดสุด ตรงปลายทางสุดท้ายเขียนกำกับชื่อสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้…

แดนอำพราง!

หลินสวินเก็บคันฉ่องทองแดงแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสาร กล่าวว่า “เสวียนเยวี่ย เจ้าเคยได้ยินชื่อ ‘แดนอำพราง’ หรือไม่”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยมุ่นคิ้วขบคิดครู่ใหญ่ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก”

หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง ไม่คิดมากเรื่องนี้อีก

รอภายหน้ามีโอกาส เขาจะไปดูที่ ‘แดนอำพราง’ นี่ด้วยตัวเอง

ในใจเขาค่อนข้างใคร่รู้ ชิงอิงนี่อยากบอกเรื่อง ‘เป็นประโยชน์ไร้โทษ’ อะไรกับตนกันแน่

ส่วนการตอบแทนแบบ ‘ไม่อาจปฏิเสธ’ นั่น หลินสวินไม่สนใจสักนิด

กลับเป็นท่าทีของชิงอิงที่ทำให้เขาตระหนักว่า สถานที่อย่างแดนอำพรางนี้ สิ่งที่รอตนอยู่คงไม่ใช่เคราะห์สังหาร

“เสวียนเยวี่ย เสร็จเรื่องในวันนี้เจ้ากับข้าต่างต้องเปลี่ยนสถานะ หาไม่เส้นทางนี้เกรงว่าจะไม่ราบรื่นอย่างยิ่ง”

หลินสวินกล่าว

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเม้มปากยิ้มๆ หยิบหน้ากากสีเงินที่บางเหมือนปีกจักจั่นอันหนึ่งออกมาแล้วค่อยๆ สวมครอบใบหน้า ฉับพลันนั้นกลิ่นอายและรูปร่างลักษณ์ทั้งตัวนางล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงตามๆ กัน

หากกล่าวว่านางคนก่อนหน้านี้เป็นโฉมงามแห่งยุคที่ดุจเทพเซียน บุคลิกสง่าท่าทางสูงส่ง นางในยามนี้กลับมีกลิ่นอายน่ารักของสาวชาวบ้านที่คล่องแคล่วปราดเปรียว คิ้วตาเกลี้ยงเกลา

หลินสวินอึ้งไป ด้วยจิตรับรู้ของเขา ถึงกับไม่สามารถมองทะลุการปลอมตัวของจินเทียนเสวียนเยวี่ยได้!

“นี่คือสมบัติที่ ‘จักรพรรดิวิญญาณพันมายา’ ของเรือนมรรคเหล่ามาร เพื่อนสนิทของผู้อาวุโสตระกูลข้ามอบให้ มีชื่อเรียกว่า ‘ลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิต’ วิเศษอัศจรรย์เป็นที่สุด”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอธิบาย “ตามที่ผู้อาวุโสจักรพรรดิวิญญาณพันมายาว่ามา ผู้ที่มองทะลุการปลอมตัวเช่นนี้ได้มีเพียงสองประเภทเท่านั้น หนึ่งคือระดับจักรพรรดิ สองคือผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองพรสวรรค์ ‘ตาทิพย์’ โดยกำเนิดเท่านั้น”

คราวนี้หลินสวินถึงกระจ่าง

ลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิต ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่าสมบัติที่รูปทรงคล้ายหน้ากากนี้อัศจรรย์ปานใด

หลินสวินขบคิดเล็กน้อยแล้วแปลงร่าง ใช้กายมรรคดินเหลืองแทนที่กายมรรคไม้เขียว กลิ่นอายทั่วร่างและท่วงทำนองก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย

ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่หนักแน่นดุจศิลา ทนทานดั่งภูผา

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเบิกตากว้าง เผยความตกใจ เพราะนางสังเกตได้ว่าหลินสวินเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ทั้งกลิ่นอาย ท่วงทำนอง รวมถึงรูปลักษณ์ล้วนต่างออกไป

นี่เมื่อเทียบกับลักษณ์วิญญาณสรรพชีวิตของนาง ยังวิเศษอัศจรรย์ยิ่งกว่า!

และพร้อมกันนั้น ความคิดที่กล้าหาญอย่างหนึ่งผุดขึ้นในหัวนาง…

‘เขาคนก่อนหน้านี้ ก็เป็นหน้าตาที่ปลอมตัวมาเหมือนกันหรือไม่’

‘หากเป็นเช่นนี้ ฐานะที่แท้จริงของเขาเป็นใครกันแน่’

ตั้งแต่ตอนอยู่บนยานลมกรด จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เริ่มสงสัยอยู่ในใจ

เพราะเท่าที่นางรู้มา เผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่เป็นเพียงเผ่าจักรพรรดิบรรพกาล ถึงรากฐานพลังจะแข็งแกร่งแต่ก็อยู่เงียบๆ ในถิ่นตน

หากอวี่เสวียนมาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่จริง จากพลังต่อสู้พลิกฟ้าที่เขาครอบครองทั้งหมด เกรงว่าชื่อเสียงคงโจษจันทั่วหล้า เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกตั้งนานแล้ว

แต่ทว่าขนาดบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์นั่นยังไม่ปรากฏชื่ออวี่เสวียนคนนี้เลย หนำซ้ำแม้แต่หอเสียงสวรรค์ที่ตั้งอยู่ในเขตแดนดาราจื่อเหิงเหมือนกันยังไม่รู้ความเก่งกาจของอวี่เสวียนสักนิด

และยามนี้เมื่อเห็นวิชาแปลงกายของหลินสวิน มีหรือที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยจะไม่แคลงใจ

แต่นางไม่ได้เอ่ยถามอย่างรู้จักวางตัว

อันที่จริงนางไม่รู้สักนิดว่าหลินสวินทำเช่นนี้ก็เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง

ต่อไปขอเพียงจินเทียนเสวียนเยวี่ยคอยติดตามอยู่ข้างกายตน นางจะต้องพบพิรุธมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้ถือสาอะไร

เพียงแต่หลินสวินก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเอง ด้วยหากสามารถปิดบังฐานะที่แท้จริงต่อไปได้ นั่นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ต่อไปก็เรียกข้าว่าจินตู๋อีแล้วกัน”

“จินตู๋อี? ชื่อเพราะนัก จิน (ทอง ธาตุโลหะ) คือความฮึกเหิมแห่งฟ้าดิน ตู๋อี ก็มีนัยถึงหมื่นวิญญาณแห่งฟ้าดินล้วนมีสิ่งที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยร้องชม

เดิมตัวนางก็เป็นทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ แซ่จินเทียน ภายในกายมีสายเลือด ‘คมทอง’ จึงนึกว่าหลินสวินเลือกใช้จินเป็นแซ่ ก็เพราะได้รับอิทธิพลจากแซ่ตระกูลนาง

หลินสวินมุมปากกระตุก

หากถูกเจ้าคนขี้อวดหลงตัวเองอย่างเจ้าคางคกรู้ ว่าเทพธิดาอย่างจินเทียนเสวียนเยวี่ยชื่นชอบชื่อของเขาปานนี้ คงได้ใจลืมตัวยกใหญ่เป็นแน่

“เสวียนเยวี่ย ข้จะปิดด่านสักระยะ”

หลินสวินกล่ามเสียงขรึม

หนึ่งเขาต้องฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของกายมรรคไม้เขียว สองคืออยากใช้จังหวะนี้หลอมผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า

ขณะเดียวกันเขายังมีเป้าหมายอย่างหนึ่งด้วย หากสามารถทะลวงถึงระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางได้ก่อนจะไปถึงสำนักยุทธ์เสวียนจีที่แคว้นเมฆา นั่นย่อมดีที่สุด

“ได้ ข้าจะคอยคุ้มกันให้คุณชายเอง”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า

ขณะที่พวกหลินสวินโดยสารยานขนส่งอวกาศมุ่งหน้าไปแคว้นเมฆา เรื่องที่สะท้านสะเทือนเมืองหลินอันก็แพร่กระจายไปในอาณาเขตแคว้นเขียวราวกับสยายปีก

การตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์อย่างพวกข่งอวี้ รวมถึงการตายอนาถของคนใหญ่คนโตตระกูลสิงทั้งกลุ่มก็เหมือนพายุฝนกระหน่ำ ผลกระทบที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด

ควรรู้ว่าแคว้นเขียวเป็นหนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นของโลกดึกดำบรรพ์ มีเมืองนับหมื่น ชายแดนกว้างขวาง ประหนึ่งโลกใหญ่แห่งหนึ่ง

ทว่าตลอดหลายปีมานี้ล้วนไม่เคยได้ยิน ว่าในอาณาเขตแคว้นเขียวมีผู้แข็งแกร่งคนใดกล้าสังหารผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่!

ขณะเดียวกันสิ่งที่ทำให้ผู้คนจับตามองคือพลังต่อสู้ที่อวี่เสวียนสำแดงออกมา ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อสอง ยังสามารถข้ามระดับใหญ่ฆ่ากึ่งจักรพรรดิสองคน นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป

ทว่าที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกังขาคือ กระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ที่ครอบคลุมทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา กลับไม่มีชื่อคนร้ายกาจเย้ยฟ้าอย่างอวี่เสวียน!

กลับเป็นการตายของพวกสิงหลิวสุ่ยที่มีผลกระทบค่อนข้างน้อย

ถึงอย่างไรเมืองหลินอันก็เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นเมืองในอาณาเขตแคว้นเขียว แม้ตระกูลสิงจะเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งของเมืองหลินอัน แต่สำหรับทั้งแคว้นเขียวกลับเห็นได้ชัดว่าดูไม่ได้ยิ่ง

เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ทุกคนทั่วทั้งแคว้นเขียวต่างก็รู้ข่าวที่ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกฆ่า

และชื่อ ‘อวี่เสวียน’ นี้ก็เหมือนม้ามืดที่ทะยานออกมาสังหาร ชื่อสะท้านแคว้นเขียว ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน

ไม่นานแม้แต่รากฐานและที่มาของเขายังถูกสืบค้น

อย่างเช่นเขามาจากเผ่าจักรพรรดิบรรพกาลตระกูลอวี่แห่งโลกต้าอวี่ เคยโดยสารยานลมกรดของหอเสียงสวรรค์ข้ามฟ้าดารามาโลกใหญ่หงเหมิง…

แม้แต่เรื่องต่างๆ ที่เขาเคยทำบนยานลมกรดทั้งหมด ล้วนถูกขุดออกมา

ข่าวเหล่านี้ไม่อาจปิดบังได้สักนิด ถึงอย่างไรผู้ฝึกปราณที่โดยสารยานลมกรดมาโลกใหญ่หงเหมิงพร้อมกับเขาต่างรู้เรื่องเหล่านี้ดี

สุดท้ายเมื่อข่าวนี้รวมเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ฝึกปราณในแคว้นเขียวได้ข้อสรุปที่แทบจะคล้ายกันอย่างหนึ่ง…

“อวี่เสวียน พวกพลิกฟ้าที่ซ่อนคมไม่เปิดเผยคนหนึ่ง ได้รับการคุ้มครองจากจักรพรรดิกระบี่วายุเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน เพราะผู้หญิงที่ชื่อหลิ่วชิงเยียน จึงผูกแค้นกับผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์อย่างพวกข่งอวี้…”

แต่ในสายตาของพวกที่ตามีแวว บนตัวอวี่เสวียนนี่ยังคงมีปริศนาหลายอย่าง

อย่างเช่น ศิษย์แดนกษิติครรภ์อย่างพวกอู้หมิงเคยปรากฏตัว มองเขาเป็นมารนอกรีต หมายจะกำจัดเขาโดยเร็ว

หรืออย่าง เดิมทีจักรพรรดิกระบี่วายุก็เคยคิดจะลงมือกับเขา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้เปลี่ยนท่าที

สรุปแล้วภายในอาณาเขตแคว้นเขียวแห่งนี้ อวี่เสวียนที่หลินสวินปลอมตัวอยู่โด่งดังโดยสมบูรณ์แล้ว

“ถูกแดนกษิติครรภ์จับจ้อง อวี่เสวียนนี่ต้องยากจะหนีการไล่ล่าสังหารอย่างแน่นอน”

มีคนสันนิษฐาน

“อีกทั้งเขายังฆ่าผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ต่อให้มีจักรพรรดิกระบี่วายุเป็นที่พึ่ง แต่ในโลกใหญ่หงเหมิงนี้เกรงว่าคงปกป้องอวี่เสวียนนี่ไม่ได้แล้ว!”

ความคิดเห็นเช่นนี้ได้รับการเห็นด้วยไม่น้อย

ชั่วขณะเดียวในอาณาเขตแคว้นเขียวพลันเกิดคลื่นลม

และเมื่อข่าวเหล่านี้แพร่กระจายทั่วอาณาเขตแคว้นเขียว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากที่สุดก็คือพลังต่อสู้พลิกฟ้าที่อวี่เสวียนสำแดงออกมา!

ข้ามระดับใหญ่ฆ่ากึ่งจักรพรรดิสองคนด้วยพลังของมกุฎราชันอริยะ นี่แม้แต่ในโลกใหญ่หงเหมิงก็ไม่ค่อยได้เห็น

พวกปีศาจเช่นนี้ใครจะไม่สนใจบ้าง

ว่ากันว่าตอนที่ข่าวแพร่ไปถึงเรือนมรรคโลกาสวรรค์หนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ ยังได้รับความสนใจจากสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนด้วย!

ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ‘กระดานอริยะแท้จริงฟ้าดารา’ ‘กระดานมหาอริยะฟ้าดารา’ ‘กระดานราชันอริยะปวงสวรรค์’… ล้วนประกาศโดยเรือนมรรคโลกาสวรรค์

ยามนี้พวกเย้ยฟ้าอย่างอวี่เสวียนถึงกับไม่มีชื่อในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ นี่สำหรับเรือนมรรคโลกาสวรรค์แล้ว ย่อมกลายเป็นกรณีประหลาดที่ควรค่าให้ความสนใจอย่างหนึ่ง

แต่ว่าโลกใหญ่หงเหมิงกว้างใหญ่เกินไปจริงๆ ไพศาลประหนึ่งไร้สิ้นสุด ชื่ออวี่เสวียนนี้ สำหรับผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ทั่วหล้าแล้วยังแปลกหูยิ่ง

พูดให้ถูกคือ ชื่อเสียงของอวี่เสวียนที่หลินสวินสวมรอยอยู่ ก็ถูกจำกัดอยู่ภายในอาณาเขตแคว้นเขียวเท่านั้น

คลื่นลมและผลกระทบเหล่านี้หลินสวินไม่รับรู้สักนิด

หนำซ้ำเขาก็เหมือนกับจินเทียนเสวียนเยวี่ย ล้วนเปลี่ยนสถานะล่วงหน้าแล้ว ต่อให้ระหว่างทางถูกผู้ฝึกปราณพบเข้าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจำได้

เวลาเคลื่อนคล้อย

สิบวันต่อมา หลังจากแล่นผ่านพันภูผาหมื่นธารา เหินข้ามเมืองชายแดนมากมาย ยานขนส่งอวกาศที่หลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยโดยสารก็ออกจากอาณาเขตแคว้นเขียวในที่สุด

สะดวกราบรื่นตลอดทาง

และในวันนี้หลินสวินหลอมผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าจนเกลี้ยง ความชำนาญต่อกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าพุ่งทะยานช่วงใหญ่!

ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ อันที่จริงไม่ธรรมดายิ่ง เป็นพลังแหล่งกำเนิดห้วงอากาศว่างเปล่าที่เกิดมาตั้งแต่ช่วงต้นของการเกิดโลก

เมื่อรวมกับช่วงเวลาครึ่งปีที่อยู่บนยานลมกรด หลินสวินเอาแต่คิดศึกษาและหยั่งรู้เขตแดนมรรคตลอด การหลอมผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าก็เหมือนตัวนำอย่างหนึ่ง ทำให้ความเข้าใจต่อกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าของเขาเกิดการตกตะกอนและเปลี่ยนแปลง

แต่ละโลกล้วนมีกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าที่ต่างกันออกไป

อย่างเช่นกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าของโลกต้าอวี่และโลกใหญ่หงเหมิงก็ต่างกันลิบลับ

ทว่าขอเพียงตนสามารถควบคุมนัยเร้นลับกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้ ไม่ว่าจะไปโลกไหน ล้วนสามารถสำแดงอภินิหารแห่งตนได้ประหนึ่งปลาได้น้ำ

อย่างเช่นเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ เล็กใหญ่ดั่งใจ ใกล้ดุจสุดหล้า…

แต่จุดสำคัญที่สุดคือ การครอบครองกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่ามีประโยชน์ยิ่งต่อการควบรวมเขตแดนมรรค!

ก็เหมือนเวลานี้ การหยั่งรู้ที่มีต่อกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าของหลินสวิน ทำให้เขาเกิดองค์ความรู้ใหม่ทั้งหมดต่อเขตแดนมรรคของตน ในใจเกิดลางสังหรณ์อันแรงกล้าอย่างหนึ่งขึ้นมาเองตามธรรมชาติ…

วันที่ตนสามารถควบรวมเขตแดนมรรคได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ไม่ไกลแล้ว!