ตอนที่ 1959 : ความกลัวของรองหัวหน้า
ประมาณ 5 นาทีต่อมาในที่สุดฮุสตันก็ได้โผล่มาที่ผิวของทะเลเลือด สีหน้าเขาแสดงความตื่นเต้นและดีใจออกมาพร้อมกับมองไปที่มือตัวเอง
มันมีลูกประคำโลหิตขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง 9 ลูกในมือเขา แต่ละอันนั้นโปร่งใสและส่องแสงสีแดงออกมา มันเหมือนกับชิ้นส่วนของแร่
แต่ลูกประคำแต่ละลูกนั้นมีพลังงานที่แข็งแกร่งที่เพียงพอจะทำให้ขั้นเหนือเทพแปลกใจได้และทำได้แม้กระทั่งทำให้ราชาเทพต้องเปลี่ยนสีหน้าไป
เจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยน และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เห็นลูกประคำพวกนั้น พวกเขาพากันเคร่งเครียดกันอย่างมาก
“ลูกประคำทั้งเก้านั้นน่าจะเป็นลูกประคำโลหิตที่อัดแน่นมาจากแก่นเลือดที่นางฟ้านางฟ้าเฮายู่พูดถึง ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าทุ่มเทอย่างมากเพื่อสร้างมันมา แต่พวกมันกลับโดนลุงเซียวฉกไป มันต้องสร้างเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่ให้กับลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเป็นแน่” เจี้ยนเฉินเริ่มหนักใจ เขาบอกได้ว่าที่นี่สำคัญต่อลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเพียงใดจากค่ายกลที่มีที่นี่
ในอีกควาหมายหมายคือเขาบอกได้ว่าที่นี่สำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเพียงใด
ถ้าผู้อาวุโสสูงสุดมายังที่ราบเมฆาด้วยตัวเอง เขาคงคิดไม่ถึงกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
หลังจากที่เอาลูกประคำโลหิตทั้งเก้าแล้ว ฮุสตันก็กำลังจะกลับออกมา จู่ ๆ เขาก็นิ่งไปและเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เขามองไปยังลมหมุน
หลังจากที่ลังเลไปเล็กน้อย เขาก็ได้บินขึ้นไปบนฟ้าโดยมีแสงสีแดงจากหินคอยปกป้อง ไม่นานเขาก็หายไปในลมหมุน
ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งก็มีลูกประคำอีก 9 ลูกอยู่ในมือของเขา ลูกประคำพวกนี้เป็นสีดำ
ด้านในลูกประคำสีดำนี้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่
ตอนนี้ลูกประคำวิญญาณและลูกประคำโลหิตทั้งหมดตกอยู่ในมือของฮุสตัน
ตอนนั้นได้มีแสงส่องประกายขึ้นมา นางฟ้าเฮายู่ได้กลับมาหาพวกเขา ตอนที่นางเห็นลูกประคำทั้ง 18 ลูกในมือ ฮุสตัน นางก็ได้หรี่ตาลงและพูดขึ้นมา “พวกระดับสูงของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะต้องรู้ตัวเมื่อพวกเขาสูญเสียลูกประคำไป มันอาจจะทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดรู้ตัวได้โดยตรง เราไม่อาจจะอยู่ที่นี่ต่อได้นานนัก เราต้องรีบกลับ ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะต้องค้นหาเป็นการใหญ่หลังจากนี้แน่”
ฮุสตันเองก็เข้าใจความหนักหนาของเรื่องนี้ หลังจากที่ชิงลูกประคำมาได้ เขาก็ได้บินออกมาผ่านค่ายกลเหมือนกับตอนแรกโดยไม่ได้รับอันตรายเลยแม้แต่น้อย
แต่การผ่านค่ายกลพวกนี้ยากลำบากต่อฮุสตัน ตอนที่เขาโผล่ออกมา จิตอาฆาตก็แทบทำให้เขาทรุด หน้าของหม่นลงไปอย่างมาก
นางฟ้าเฮายู่เคร่งเครียด นางพลิกฝ่ามือพร้อมกับโถงเทพจันทราที่ปรากฏขึ้นมาก่อนที่นางจะพูดขึ้น “ เข้าไปในโถง เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ทั้งสี่ไม่ลังเลและรีบเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มทันที
นางฟ้าเฮายู่เก็บโถงลงไปและใช้กฎของขอบเขตตั้งต้นเพื่อลบพลังและร่องรอยของพวกเขา จากนั้นนางก็หายตัวไปในพริบตาและได้ออกมาจากปราสาทด้วยความเร็วแสง
ค่ายกลทั้งหมดในปราสาทตอนนี้ทำงานแล้ว ค่ายกลนับไม่ถ้วนซ้อนทับกันและเชื่อมต่อกันทำให้ความปลอดภัยในปราสาทนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ
สีหน้าของนางฟ้าเฮายู่ดูเย็นชา ตาของนางเป็นประกาย พลังอันน่ากลัวนั้นเพียงพอทำให้โลกต้องสั่นกลัวได้แผ่ออกมาจากตัวของนาง ชั้นแสงครอบคลุมตัวนางไว้และนางก็ได้เข้าชนกับค่ายกลด้วยพลังกฎของขอบเขตตั้งต้น
ตูม !
ทั้งปราสาทสั่นไหว แม้ว่าค่ายกลสังหารจะรวมตัวกับค่ายกลอื่น ๆ แต่มันก็ยังแตกต่อหน้าการโจมตีของ นางฟ้าเฮายู่ มันพังลงทันที
นางฟ้าเฮายู่ ไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย นางยังเดินหน้าต่อและชนชั้นค่ายกลออกไปราวกับไม่อาจจะหยุดยั้งนางได้ นางได้ออกมาจากปราสาทได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าการป้องกันของปราสาทนี้จะแน่นหนาทั้งด้านในและด้านนอกแต่มันก็ไม่มีค่ายกลอันไหนที่หยุด นางฟ้าเฮายู่ ได้เลยนอกจากค่ายกลที่ทำการปกป้องบ่อเลือดอยู่
แม้แต่ตอนที่ค่ายกลทั้งหมดเชื่อมต่อกันซึ่งทำให้ค่ายกลแข็งแกร่งขึ้นนั้นก็ไม่อาจจะหยุดนางฟ้าเฮายู่ได้
ตอนนั้นปราสาทของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าที่พวกขั้นอสงไขยต่างก็กลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ไม่ต่างอะไรจากสวนหลังบ้านของนางฟ้าเฮายู่ มันไม่อาจจะหยุดนางได้เลยแม้แต่น้อย
ตูม !
ตอนนั้นเสียงระเบิดได้ดังขึ้นไปทั่วทั้งปราสาท นางฟ้าเฮายู่ได้สร้างผนึกด้วยมือของนางและใช้ทักษะเพื่อทะลวงผ่านชั้นค่ายกลด้วยพลังทังหมดที่นางมีจนสร้างรูขึ้นมาได้ หลังจากนั้นนางก็พุ่งออกมาจากรูและหายตัวไป
ในเวลาเดียวกันโซ่ที่อัดแน่นจากพลังแสงจันทร์ก็ได้ขังรองหัวหน้าทั้งสามคนเอาไว้ ร่างกายของพวกเขาถูกมัดเอาไว้ไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้
ตอนนั้นกลิ่นอายปีศาจรอบตัวรองหัวหน้าทั้งสามได้สั่นไหวอย่างรุนแรง พวกเขาได้ตะโกนออกมาและใช้พลังทั้งหมดที่มีทำลายโซ่เป็นชิ้น ๆ ได้ จากนั้นพวกเขาก็หายตัวไปจากตำแหน่งนั้นทันที
ตอนที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็ได้มาถึงตรงหน้ารูที่นางฟ้าเฮายู่ได้สร้างขึ้นมา ทั้งสามได้มองไปที่รูนั่นและสีหน้าหม่นลง
“ปราสาทแห่งนี้คือวัตถุเทพที่มีการป้องกันที่แน่นหนา มีแค่พวกขั้นบรรพกาลที่ทำแบบนี้ได้ ! ”
“เมื่อเราใช้ค่ายกลทั้งหมดในปราสาท แม้แต่พวกขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังไม่อาจจะหนีได้ แต่เราไม่อาจจะหยุดคนผู้นี้ได้ซึ่งเป็นพวกขั้นบรรพกาลงั้นหรือ ? ”
“ไปที่เขตหวงห้ามกันเร็ว คนผู้นั้นได้บุกรุกเข้ามาในปราสาทของเรามานานแล้ว”
เมื่อพูดจบทั้งสามก็หายตัวไป ตอนที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็ได้ไปยืนอยู่ข้าง ๆ บ่อเลือด พวกเขายืนกันอยู่นอกค่ายกล
“โชคดีที่ค่ายกลยังอยู่ดี “
“ผู้อาวุโสสูงสุดได้สร้างค่ายกลนี้ขึ้นเอง แม้ว่าคนนั้นจะมีพลังในขั้นบรรพกาลแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายมันลงได้ “
ทั้งสามคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกตอนที่เห็นว่าค่ายกลยังอยู่ดีอยู่
พวกเขาไม่ได้สนใจความจริงที่ว่าคนที่แทรกซึมเข้ามานั้นได้ฆ่าราชาเทพไปมากมาย
พวกเขาไม่ได้สนใจรูที่เกิดขึ้นมาที่ปราสาทเลย
นี่เพราะที่พวกเขาต้องทำก็แค่รายงานเรื่องนี้และพวกระดับสูงจะส่งคนไปจัดการกับคนคนนั้นให้เอง
สิ่งเดียวที่พวกเขายอมไม่ได้คือเกิดอะไรขึ้นกับลูกประคำโลหิตและลูกประคำวิญญาณในเขตหวงห้าม
แต่ตอนที่ห้วยอันมองไปที่ส่วนลึกของบ่อเลือด สีหน้าเขาก็แข็งทื่อไป มันเริ่มซีดและเขาก็รู้สึกยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาได้ตะโกนออกมา – “ ทะ ทำไมลูกประคำโลหิตถึงหายไปได้ ? ”
รองหัวหน้าอีกสองคนเองก็แปลกใจอย่างมาก พวกเขาต่างก็มองลงไปที่บ่อเลือด
หน้าของพวกเขาซีดเผือดไปทันที พวกเขาแทบตายเพราะความกลัว
“ไม่นะ ละ ลูกประคำวิญญาณก็หายไปด้วย ! “
ยี่ฮัวเยว่พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น
ตอนนั้นทั้งสามคนต่างก็พากันสับสน ในหัวพวกเขามีแต่ความกลัว
“ได้ยังไงกัน ? ลูกประคำโลหิตกับลูกประคำวิญญาณหายไป ระ เราจะอธิบายกับพวกหัวหน้ายังไงกัน ? ”
“ระ เร็วเข้า ! รีบไปรายงานผู้อาวุโสสูงสุด ! “