ตอนที่ 1958 : พื้นที่หวงห้ามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1958 : พื้นที่หวงห้ามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า

ตอนนั้นทะเลเลือดได้ผันผวนขึ้นมา แม้แต่ลมที่เกิดขึ้นจากพลังงานก็ดูรุนแรงขึ้น

แววตาของนางฟ้าเฮายู่สั่นไหว นางมองไปยังทะเลเลือดและพูดขึ้นว่า “ลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังคร่าชีวิตผู้คน พวกเขาได้ใช้ทุกชีวิตควบแน่นลูกประคำขึ้นมา เพื่อที่ให้ลูกประคำเหล่านั้นดูดซับแก่นจากทะเลเลือดและพลังงานวิญญาณให้ยกระดับตัวมันขึ้น ถ้าไม่เอาลูกประคำพวกนี้ออก การคร่าชีวิตของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าคงไม่มีทางหยุด พวกนั้นจะลงมือต่อจนกว่าลูกประคำนั้นจะอยู่ในระดับที่พวกเขาพอใจ”

“นางฟ้านางฟ้าเฮายู่ เราเอาลูกประคำออกมาเพื่อที่ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะไม่ต้องก่อสงครามต่อไปได้รึไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา

นางฟ้าเฮายู่ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา “ค่ายกลที่ปกป้องที่นี่แข็งแกร่งเกินไป ข้าไม่ได้มีพลังมากพอ”

ตอนนั้นหินปีศาจชั้นฟ้าที่แต่เดิมลอยไม่ขยับก็ได้มาปรากฏขึ้นตรงหน้าฮุสตัน แสงสีแดงจากหินนี้ครอบคลุมตัวฮุสตันเอาไว้

ฮุสตันได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของวัตถุเทพแล้ว ตอนที่แสงนี้ครอบคลุมตัวเขา ความคิดของจิตก็ได้เข้ามาในหัวเขาด้วย

สีหน้าของฮุสตันแสดงความแปลกใจออกม เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่หินด้วยความตะลึง หลังจากที่ลังเลไปได้สักพักเขาก็บอกกับทุกคน “จิตวิญญาณของหินได้บอกข้าว่าข้าไม่ต้องสนใจค่ายกลและเข้าไปด้านในได้”

นางฟ้าเฮายู่หรี่ตาลง ตอนนั้นนางก็หันไปหาฮุสตัน หรือเอาให้แม่นยำคือหันไปหาหิน หลังจากที่มองไปที่หินสักพัก นางก็บอกกับฮุสตันว่า “เจ้าต้องรู้ว่าค่ายกลนี้มันแข็งแกร่งที่แม้แต่ขอบเขตตั้งต้นก็อาจจะตายได้ ถ้าเจ้าเข้าไปค่ายกลตามที่จิตวิญญาณบอก แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะช่วยเจ้าได้หากเจ้าตกอยู่ในอันตราย”

“ลุงเซียว ท่านอย่าเสี่ยงเลย ! ” เจี้ยนเฉินเอ่ยคัดค้านออกมา เขาเข้าใจว่าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นน่ากลัวแค่ไหน เขาไม่เช่อว่าจิตวิญญาณนั้นจะข้ามค่ายกลที่สร้างขึ้นโดยคนน่ากลัวแบบนั้นได้

นอกซะจากว่าหินนี้จะมีจุดกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสูงส่งเหมือนกับหอคอยอนัตตา

แต่เขาได้ยินมาว่าหินปีศาจขั้นฟ้านั้นคือสมบัติที่มีชื่อเสียงของราชาปีศาจชั้นฟ้าของโลกปีศาจ แม้ว่ามันจะเป็นวัตถุเทพแต่มันก็ห่างจากระดับสูงอยู่ดี

เฉินเจี้ยนและพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็พยายามห้ามปรามฮุสตัน พวกเขาไม่ต้องการให้ฮุสตันแบกรับความเสี่ยงครั้งนี้กับการที่ฝากชีวิตตัวเองไว้กับจิตวิญญาณของหินที่สามารถหลุดจากการควบคุมและหนีไปได้อย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นเองก็มีพลังงานปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเขา มิติทั้งหมดในปราสาทสั่นไหวและเกิดแรงกดดันมหาศาล ค่ายกลทั้งหมดในปราสาททำงานทันที ค่ายกลนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันสร้างเป็นค่ายกลสังหารขนาดใหญ่ ค่ายกลสังหารนี้ครอบคลุมไปทั่วทั้งปราสาท

“รองหัวหน้าทั้งสามกลับมาแล้ว พวกเขาเปิดการทำงานของค่ายกลทั้งหมดแล้ว” นางฟ้าเฮายู่หันกลับไปมองและพูดขึ้น

เจี้ยนเฉิน, พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, ฮุสตัน และเฉินเจี้ยน ไม่อาจจะใจเย็นได้แบบนางฟ้าเฮายู่ พวกเขาต่างก็ใจหล่นวูบและใบหน้าที่เคร่งเครียด

“ไม่มีเวลาแล้ว ข้าต้อบลองดูว่าข้าจะผ่านเข้าไปได้หรือไม่” ฮุสตันพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว เขาไม่ได้สนใจที่ทุกคนคิดจะห้ามเขา เขาได้เข้าไปในค่ายกลโดยไม่หันกลับไปมอง

นอกจากความจริงที่เขาต้องการจะทำลายแผนการของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าในการสร้างลูกประคำโลหิตและลูกประคำวิญญาณ มันยังมีอีกองค์ประกอบที่ทำให้เขาทำแบบนี้นั่นคือจิตวิญญาณของหินนี่

ฮุสตันเข้าใจว่ามันมีบางอย่างที่สำคัญสำหรับจิตวิญญาณที่นี่ผ่านการสื่อสารกับจิตวิญญาณ ในเวลาเดียวกันมันก็ถือว่าเป็นผลดีต่อตัวเขา

ด้วยหินในหัวนี้ ฮุสตันได้ใช้ทักษะปีศาจชั้นฟ้าออกมา กลิ่นอายปีศาจห่อหุ้มตัวเขาไว้และเขาก็ได้เข้าไปในค่ายกลสังหารที่ปกป้องบ่อเลือดเอาไว้

ทันทีเที่เขาก้าวเท้าเข้าไปยังค่ายกลสังหาร จิตอาฆาตอันน่ากลัวได้แผ่ไปโดยรอบ แค่จิตสังหารนี้ก็แทบจะฉีกฮุสตันเป็นชิ้น ๆ ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะปีศาจชั้นฟ้าและหินบนหัวเขาแล้ว เขาคงทนจิตสังหารนี้ไม่ไหว

เจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยน และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็ยืนอยู่นอกค่ายกลสังหารและมองไปที่ฮุสตันด้วยความกังวล แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าค่ายกลไม่ได้โจมตีฮุสตัน เขาเดินทางเข้าไปต่อได้ด้วยความยากลำบาก

ในเวลาเดียวกันทั้งสามกลับรู้สึกอึดอัดใจ ทำไมค่ายกลสังหารแบบนี้ถึงได้ทำอะไรฮุสตันไม่ได้ ?

นางฟ้าเฮายู่มองไปที่หินบนหัวของฮุสตันโดยไม่กระพริบตาเลยแม้แต่น้อย นางแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา นางเข้าใจว่าค่ายกลสังหารนี้น่ากลัวขนาดไหน มันเพียงพอที่จะฆ่าพวกขั้นบรรพกาลได้ แต่ฮุสตันที่เป็นแค่ขั้นเหนือเทพกลับสามารถเดินทางเข้าไปได้ด้วยการพึ่งวัตถุเทพ มันทำให้นางตะลึงอย่างมาก

“หินปีศาจชั้นฟ้า….ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า….หินปีศาจชั้นฟ้า….ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า…” นางฟ้าเฮายู่พึมพำพร้อมกับสายตาที่สั่นไหว

ตอนที่ฮุสตันเดินหน้าอยู่ในค่ายกล เขาเหมือนกับใบไม้ที่ปลิวไปตามลม แม้ว่าค่ายกลสังหารนี้จะไม่ทำงาน แต่จิตอาฆาตที่นั่นก็ทำให้ยากที่เขาจะทนได้ เขาต้องใช้พลังทั้งหมดออกมาเพื่อจะก้าวไปในแต่ละก้าว ผลก็คือเขาเดินหน้าได้ช้าอย่างมาก

ตอนนั้นสามร่างที่ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายปีศาจก็ได้มารวมตัวกันที่ปราสาท

“เราได้ค้นหาทั่วทั้งปราสาทแล้วแต่ก็ไม่พบผู้บุกรุก ในเวลาเดียวกันเราก็ได้เปิดการทำงานของค่ายกลทันที มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะหนีจากที่นี่ไปโดยที่เราไม่รับรู้ พวกนั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน ? ”

ถ้าเจี้ยนเฉินอยู่ด้วย เขาคงจำเสียงของห้วยอันได้

“งั้นบางทีผู้บุกรุกอาจจะไปยังพื้นที่หวงห้ามกันรึ ? ” ยี่ฮัวเยว่พูดขึ้นมา เสียงของนางนั้นดูอ่อนแอรง หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ไอออกมา ชัดแล้วว่านางบาดเจ็บมา

“เขตหวงห้ามรึ ? เป็นไปไม่ได้ ! ” ห้วยอันและรองหัวหน้าอีกคนตะโกนออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น กลิ่นอายปีศาจรอบตัวพวกเขาเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรง

ถ้ามองเห็นหน้าพวกเขาได้ มันคงชัดแล้วว่าพวกเขาคิดว่าผู้บุกรุกได้เข้าไปยังเขตหวงห้าม พวกเขาพากันหน้าซีดมาก

ไม่นานทั้งสามคนก็บินมุ่งหน้าไปยังเขตห้วงห้ามทันที

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่าผู้บุกรุกจะหาเขตหวงห้ามได้เจอ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นได้สร้างค่ายกลไว้ที่นั่นด้วยตัวเองแต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท

นี่เพราะพวกเขาเข้าใจว่าพื้นที่ห้วงห้ามนี้สำคัญแค่ไหน เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับที่นั่น ผู้อาวุโสสูงคงไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่

เจี้ยนเฉิน, เฉินเจี้ยน และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ พากันโล่งอกขึ้นมา ฮุสตันผ่านค่ายกลสังหารไปได้สำเร็จมาไปอยู่ด้านบนบ่อเลือดได้อย่างปลอดภัย

หลังจากนั้นเขาก็ดำดิ่งลงไปยังทะเลเลือดด้านล่างด้วยการปกป้องจากหินก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคน

ในอีกด้าน นางฟ้าเฮายู่ได้เลิกคิ้วขึ้น นางมองไปด้านหลังและพูดขึ้นมา “รองหัวหน้าทั้งสามกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ อยู่ที่นี่ไว้ อย่าออกมา ข้าจะไปหยุดทั้งสามคนไว้ ถ้าพวกเจ้าไม่อยากสร้างปัญหา เจ้าก็ไม่อาจจะเผยตัวต่อหน้าพวกเขาได้” เมื่อพูดจบ นางฟ้าเฮายู่ก็ได้บินออกไปทันที

ทั้งสามคนได้ซ่อนพลังของตนเองทันที พวกเขาพยายามซ่อนตัวตนเอาไว้และมองไปที่ทะเลเลือดด้วยความกังวล