บทที่ 2743 ว่าทีไรก็ร้องไห้ทุกที + ตอนที่ 2744 รองเท้าหนังไร้คุณภาพ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2743 ว่าทีไรก็ร้องไห้ทุกที

“พี่ร้องไห้ทำไม? ฉันก็ไม่ได้ด่าพี่สักหน่อย ฉันแค่บอกให้รู้ว่าห้ามปล่อยเด็กอยู่ลำพังเพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย” เหมยเหมยพยายามอดทนพูด

พี่ฮวาปล่อยให้น้ำตาไหลรินดังเดิมโดยไม่คิดจะหยุดพร้อมพูดเสียงเบาหวิว “แค่ครู่เดียวเอง ก่อนหน้านี้ฉันก็คอยเฝ้าอยู่ตลอด เมื่อกี้แค่ออกมาเก็บผัก แค่แป๊บเดียวเท่านั้น…”

ความจริงในใจเธอไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก เด็กในเมืองเลี้ยงแบบลูกคุณหนูกันทั้งนั้น เด็กบ้านนอกชนบทอย่างพวกเธอขอแค่หัดคลานตามพื้นเป็นก็ปล่อยให้เล่นอยู่ในลานบ้านคนเดียวแล้ว!

เด็กน้อยบางคนยังเก็บขี้ไก่ตามพื้นใส่ปากเลย กินของสกปรกเข้าไปก็ไม่เห็นเจ็บเห็นป่วย มีเด็กคนไหนร่างกายไม่แข็งแรงบ้าง กลับกันเด็กในเมืองที่ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูดั่งไข่ในหิน ไม่สบายนิดหน่อยก็ไปหาหมอให้เปลืองเงิน!

พี่ฮวายิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ เพราะสาเหตุหลัก ๆความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับสามีมาจากความขัดแย้งในการเลี้ยงลูก แน่นอนว่าเป็นความขัดแย้งของเธอกับพ่อแม่สามี

เธอคิดว่าลูกชายไม่จำเป็นต้องเลี้ยงฟูมฟักมากนัก ขอแค่กินอิ่มท้องมีเสื้อผ้าสวมใส่กันหนาวได้ก็พอ แต่พ่อแม่สามีเธอกลับตั้งมาตรฐานไว้สูง พอป่วยนิดป่วยหน่อยก็พาส่งโรงพยาบาลจนเสียเงินไปอย่างสูญเปล่าไม่รู้ตั้งเท่าไร เรื่องนี้เธอเคยทะเลาะกับพ่อแม่สามีนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็จบที่สามีมาทะเลาะกับเธอแทน!

พอนึกถึงลูกชายที่ไม่สนิทสนมกับตนทีไรพี่ฮวาก็ยิ่งน้อยใจ น้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตกจนทำเอาเหมยเหมยปวดศีรษะยิ่งกว่าเดิม

เธอก็ยังไม่ทันว่าอะไรนี่นา ร้องไห้เหมือนเขื่อนแตกแบบนี้ทำเอาพูดไม่ออกเลยจริง ๆ!

“หยุดร้องไห้สักทีได้ไหม? จะพูดก็พูดมา ร้องไห้ทำไม?” เหมยเหมยเอ่ยอย่างหมดแรงแต่รู้สึกคันยุบยิบตรงฝ่ามือ หากเป็นพี่เลี้ยงบ้านเธอคงรีบจ่ายค่าจ้างแล้วไล่ออกอย่างไม่ต้องเสียแรงพูดให้เหนื่อยเปล่าเลย

เธอจ้างคนรับใช้มา ไม่ได้จ้างคนขี้แงมาสักหน่อย!

ครั้นพี่ฮวาเห็นเหมยเหมยปั้นหน้าตึงก็ใจกระตุกวูบ รีบกลั้นน้ำตาไว้อย่างรวดเร็ว

“เราแค่จะบอกว่างานหลักของพี่คือเฝ้าเด็ก พอจัดการเด็กเรียบร้อยแล้วจะหาเรื่องอื่นทำก็ย่อมได้ พี่เข้าใจความหมายที่บอกไหม?” เหมยเหมยถาม

“เข้าใจแล้ว คุณนายก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน” พี่ฮวาพยักหน้า

เหมยเหมยหมดคำจะพูด…ในเมื่อเคยพูดแล้วทำไมเมื่อกี้ถึงเลือกที่จะทิ้งเด็กไว้ตามลำพังล่ะ?

เธอได้กลิ่นตุ ๆอ่อน ๆเตะจมูก เหมยเหมยสูดจมูกดมแต่กลิ่นกลับแรงกว่าเดิม เธอจึงไล่สายตาไปตามต้นทางของกลิ่นก่อนจะพบว่ามาจากรองเท้าหนังสีดำของพี่ฮวา กลิ่นนี้มาจากรองเท้าหนังคู่นี้นั่นเอง

พอได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นกลิ่นจากวัสดุหนังเทียมไร้คุณภาพ ก่อนหน้านี้พี่ฮวาสวมรองเท้าแตะ พอเปลี่ยนไปสวมรองเท้าหนังเหมยเหมยก็ได้กลิ่นทันทีและเข้าใจอย่างดีว่าทำไมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงอารมณ์เสีย!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจมูกไวยิ่งกว่าสุนัขแถมยังช่างเลือกอีกต่างหาก ฉะนั้นกลิ่นที่เธอยังทนไม่ได้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ต้องทรมานยิ่งกว่านี้

“พี่ฮวา ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าที่คุณนายพี่ซื้อให้ล่ะ?” เหมยเหมยถาม

“เสื้อผ้าพวกนั้นราคาแพงเกินไป ฉันไม่คู่ควรที่จะใส่มัน” พี่ฮวาก้มหน้าต่ำกว่าเดิมซึ่งขับให้ดูตัวเล็กลงยิ่งกว่าเก่า

แสงแดดหลังเที่ยงวันสาดเข้ามาจนเหมยเหมยต้องหรี่ตาลง เหมือนเธอจะเห็นแสงสีทองวูบหนึ่งคล้ายจะเป็นแสงสะท้อนมาจากตรงลำคอของพี่ฮวา เหมยเหมยเพ่งสายตามองก็พบว่าพี่ฮวาสวมสร้อยทองอยู่เส้นหนึ่ง เธอไม่เห็นจี้สร้อยคอแต่ในเมื่อเป็นสร้อยทองอย่างน้อยก็ต้องราคาพันขึ้นสินะ

เหมยเหมยแปลกใจอย่างมาก ไหนว่าฐานะยากจนถึงขั้นต้องอาศัยอยู่ห้องเช่าชั้นใต้ดินไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงยังมีเงินซื้อสร้อยทองล่ะ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะจ่ายค่าจ้างไปแค่หนึ่งเดือนเอง หรือว่าเธอเอามันไปซื้อสร้อยทองแล้วเหรอ?

………………………..

ตอนที่ 2744 รองเท้าหนังไร้คุณภาพ

เหมยเหมยข่มความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจไว้พลางพูดเกลี้ยกล่อมต่อ “ในเมื่อเสื้อผ้าพวกนั้นก็ซื้อกลับมาแล้วปล่อยไว้ให้ปลวกขึ้นก็น่าเสียดาย พี่ก็ใส่มันเถอะ คราวหลังคุณนายของพี่คงไม่ซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ให้อีกแล้ว พี่ไม่ต้องเกรงใจนักหรอก”

“มะ…ไม่ใส่แล้ว…ฉันแต่งตัวแบบนี้สบายตัวดี ทำงานสะดวกไม่ต้องเปลี่ยน…”

พี่ฮวาก้มหน้างุดต่ำลงเรื่อย ๆ จะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมใส่ท่าเดียว เหมยเหมยก็พูดคำแรง ๆใส่ไม่ได้ หมดหนทางแล้วจริง ๆ

ฉีฉีเก๋อได้ยินเสียงดังมาจากสวนหลังบ้าน ด้วยความเป็นคนใจร้อนจึงรีบอุ้มนันนันวิ่งมาหา ประจวบกับได้ยินประโยคพูดของพี่ฮวาพอดีเลยอดพูดไม่ได้ว่า “งั้นก็อย่าซื้อของที่คุณภาพแย่เกินไป เชี่ยนเชี่ยนอ่อนไหวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ รองเท้ากระเป๋าที่พี่ซื้อมาเป็นหนังเทียมไร้คุณภาพทั้งนั้น กลิ่นมันฉุน เชี่ยนเชี่ยนเหม็นกลิ่นรองเท้ากับกระเป๋าของพี่จนมึนหัวไปหมด แถมหล่อนยังเกรงใจจะบอกพี่อีกต่างหาก”

พี่ฮวาเงยหน้าขวับแล้วก้มมองรองเท้าหนังบนเท้าอีกที เผลอส่ายหน้าอัตโนมัติ “เป็นไปไม่ได้…รองเท้าของฉันคุณภาพไม่แย่เลย เสียเงินซื้อตั้งแปดหยวนแหนะ!”

รองเท้าคู่นี้เธอถูกใจมาก ทั้งทนทานและสวยงามทันสมัยถึงได้ยอมกัดฟันซื้อมันกลับมา เงินตั้งแปดหยวนเชียว เธอปวดใจแทบตาย!

เหมยเหมยมุมปากกระตุกอีกครั้ง รองเท้าหนังราคาแปดหยวนหรือ?

ต่อให้เป็นรองเท้าหนังเมื่อสิบปีก่อนก็ไม่ได้ขายกันราคานี้นะ!

ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุจากหนังอะไร มิน่าถึงได้กลิ่นฉุนขนาดนั้น ไม่รู้ว่ามีพิษหรือเปล่า!

ฉีฉีเก๋อเป็นคนปากไวพูดตรงจึงโวยวายขึ้นว่า “โอ๊ย…พี่ซื้อรองเท้าหนังราคาถูกขนาดนี้กลับมาได้ยังไง นี่ไม่ใช่หนังแต่เป็นพลาสติกที่มีสารพิษ อย่าให้เด็กได้กลิ่นเป็นอันขาดไม่งั้นจะป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวได้ รีบทิ้งมันไปซะ!”

เหมยเหมยตกใจแทบแย่ เธอเองก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นในหนังสือบอกว่าพลาสติกคุณภาพต่ำจะมีกลิ่นฉุนเหมือนสีทาบ้าน เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว นันนันเพิ่งตัวแค่นี้เอง ไหนจะเล่อเล่อของเธอกับเป่ารื่อน่าก็มาเล่นที่นี่บ่อย ๆอีก…

ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจจนเหมยเหมยคร้านจะทำท่าเกรงใจกับผู้หญิงคนนี้อีก ฉุดแขนพี่ฮวาเดินออกไปข้างนอก “ฉันจะพาพี่ไปซื้อรองเท้าหนังดี ๆเดี๋ยวนี้เลย รองเท้าคู่นี้ทิ้งมันไปซะ แล้วก็กระเป๋าคุณภาพต่ำพวกนั้นด้วย ทิ้งไปให้หมด ทิ้งให้ไกลได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี!”

“ฉันไม่ทิ้ง…ของพวกนี้ฉันเสียเงินซื้อมันมา ไม่มีสารพิษนะ ฉันใส่รองเท้าแบบนี้มาตลอด ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แล้วจะป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวได้อย่างไร พวกคุณดูสิว่าฉันยังสุขภาพแข็งแรงดี…”

พี่ฮวาพยายามยืดเส้นยืดสายให้ดู เธอมีแรงค่อนข้างมาก เหมยเหมยจึงฉุดแขนเธอไม่ไหวจนเหงื่อท่วมตัว สิ่งที่ทำให้เธอขุ่นเคืองมากที่สุดคือพี่ฮวาพยายามจับชิงช้าใต้ต้นองุ่นไว้แน่นด้วยท่าทีแน่วแน่ว่าจะไม่ไปเด็ดขาด

ชิงช้าใต้ต้นองุ่นนั่นเป็นสถานที่โปรดปรานที่สุดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเหมยเหมยไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวจะทำชิงช้าพัง ทั้งคู่จึงค้างกันอยู่ท่านั้น

“เธอไปเรียกเชี่ยนเชี่ยนลงมา พวกเราไม่มีสิทธิ์พูด เชี่ยนเชี่ยนเป็นเจ้านาย ทีนี้คงมีสิทธิ์พูดแล้วสินะ!” เหมยเหมยชักโมโหเลยหันไปตะโกนใส่ฉีฉีเก๋อ

ฉีฉีเก๋อวิ่งเหยาะไปหาอีกคนตามคำสั่ง ใช้เวลาไม่นานเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ลงมา พี่ฮวาเห็นเธอเข้าก็…น้ำตาไหลพราก…ราวกับสูญเสียพ่อสูญเสียแม่ไปอย่างไรอย่างนั้น

โชคดีที่เหมยเหมยสนิทกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่อย่างนั้นเธอคงอธิบายไม่ถูก!

“คุณนาย…รองเท้าของฉันไม่มีสารพิษ…คุณนายบอกกับพวกเขาสิว่าไม่ให้ฉันทิ้งรองเท้า นี่ใช้เงินซื้อมาทั้งนั้น หาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ…”

พี่ฮวาร้องไห้โอดครวญแต่ในใจนึกเกลียดชังเหมยเหมยเหลือเกิน

เธอไม่ได้รับเงินเดือนจากบ้านเธอสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมายุ่งว่าเธอจะใส่รองเท้าแบบไหน?

อีกอย่างผู้หญิงที่สกุลจ้าวคนนี้ชั่วร้ายเหมือนอดีตแม่สามีของเธอไม่มีผิด คำพูดคำจาก็ไม่ต่างกัน เธอใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปีไม่เคยได้ยินว่าผู้ใหญ่ใส่รองเท้าแล้วจะเป็นต้นเหตุให้เด็กป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว แต่ก่อนเด็กบ้านนอกออกไปเที่ยวเตร่นอกบ้านทุกวัน มีงูพิษยุงพิษบนเขามากมายก็ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนป่วยเป็นอะไรสักคน!

คนในเมืองชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เรื่อย ไม่ใช่เจ้าหญิงจากราชวงศ์สักหน่อย แล้วจะทำตัวสูงส่งขนาดนี้ทำไมกัน?

……………