“คุณหนูเหรอครับ?”

ทันทีที่ทานากะโคอิจิได้ยินคำถามของเย่เฉิน สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลง เขาถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “คุณเย่ครับ พูดตรงๆ แบบไม่ปิดบังนะครับ ในการต่อสู้ครั้งนั้นของคุณหนูกับคุณฉิน เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะช่วยชีวิตได้ แต่ร่างกายก็ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ที่เกียวโตครับ…”

เมื่อเย่เฉินนึกถึงท่าทีที่อ่อนโยนของอิโตะ นานาโกะก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไว้เขาแสดงออกมาอย่างสงบนิ่งและเอ่ยปากถามว่า “มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า? ต่อไปยังจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้หรือเปล่า?”

ทานากะโคอิจิส่งเสียงหัวเราะเจื่อนๆ “การแข่งขันคงจะไม่สามารถเข้าแข่งขันได้แล้วครับเพราะร่างกายของคุณหนูอ่อนแออย่างมากและเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็พยายามลุกขึ้นยืนบ้างแล้ว แต่เดินออกไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ซึ่งเวลาส่วนมากช่วงนี้คุณหนูก็เอาแต่นอนพักอยู่บนเตียงเกือบทั้งวัน ถ้าช่วงกลางวันแดดดี ก็จะนั่งรถเข็นไปตากแดดที่สวนหลังบ้าน”

ทันใดนั้นสมองของเย่เฉินก็ปรากฏภาพของหญิงสาวผู้ชอบยิ้มคนนั้นที่ซึ่งกำลังนั่งตากแดดอยู่บนรถเข็น จากนั้นก็รู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดไปครู่หนึ่ง

เขาถามอีกครั้งว่า “แล้วความรู้สึกของเธอล่ะดีขึ้นไหม?”

ทานากะโคอิจิส่ายหัว “ลักษณะท่าทางภายนอกของคุณหนูดูไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลย คุณหนูยังคงมีความสุขอยู่ทุกวัน แต่ตามความเข้าใจของผมที่มีต่อคุณหนูคือ คุณหนูคงมีเรื่องมากมายอยู่ในใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณหนูยังถามถึงตลอดเวลากับผมเลยว่า ผมมีคนที่อยากเจอมาก แต่ทั้งชีวิตนี้ไม่อาจเจอหรือเปล่าซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคุณหนูต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่ แต่ผมก็สามารถดูออกว่า อารมณ์ของคุณหนูในตอนนั้นดูผิดหวังอย่างมาก…”

เย่เฉินถอนหายใจอย่างอดไม่ได้พร้อมกับเอ่ยปากพูดว่า “เธอไม่ควรเข้าการแข่งขันครั้งนั้นเลย”

ทานากะโคอิจิคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เฉินจะรู้สึกเสียใจกับคุณหนูของบ้านเขาด้วย

หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ด้วยเช่นกัน “คุณเย่พูดถูกแล้วครับตอนนั้นผมกับท่านประธานก็เกลี้ยกล่อมไม่ให้คุณหนูแข่งขันครั้งนั้น แต่คุณหนูไม่เห็นด้วยอย่างมาก…”

ในขณะที่ทานากะโคอิจิพูดอยู่นั้น เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ระยะนี้ท่านประธานได้ค้นหาคุณหมอดังจากทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของคุณหนูได้เลย ดังนั้นจึงมาที่เย่นจิง เพื่อไปที่ศูนย์การแพทย์แห่งชาติเย่นจิงขอคุณหมอมารักษาคุณหนู… ”

เย่เฉินส่งเสียงอืมและถามเขาว่า “แล้วเป็นยังไงบ้าง? ขอได้บ้างไหม?”

“ไม่ได้เลยครับ” ทานากะโคอิจิส่ายหัวอย่างขุ่นเคือง พร้อมกับพูดว่า “ท่านประธานได้เสนอค่าตอบแทนที่สูงมาก ซึ่งผมก็หวังว่าจะสามารถแพทย์ที่ชื่อดังของศูนย์การแพทย์จีนมารักษาคุณหนูที่ญี่ปุ่น แต่พวกเขากลับไม่ยินยอม”

เย่เฉินส่ายหัว

ในวันที่อิโตะ นานาโกะได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นคนที่เฝ้าดูแลอยู่ข้างๆ เขาจึงรู้ว่าอิโตะ นานาโกะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และมันก็อยู่ไกลเกินกว่าระดับการรักษาในปัจจุบันของแพทย์แผนจีนและตะวันตกจะรักษาได้

ดังนั้นไม่ว่ามันจะเป็นสุดยอดยาตะวันตกหรือยาจีนชั้นในปัจจุบันก็ตาม ต่างก็ไม่สามารถรักษาคุณหนูได้เลย

อาจเป็นไปได้ว่า คนเดียวในโลกนี้ที่สามารถรักษาตัวคุณหนูก็คือตัวคุณหนูเอง

เมื่อนึกถึงจุดจุดนี้ เย่เฉินก็นึกขึ้นได้ว่า เขากำลังจะไปญี่ปุ่นเร็วๆ นี้เหมือนกันซึ่งก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสามารถไปเยี่ยมอิโตะ นานาโกะที่โตเกียวได้หรือเปล่า?

ถ้ามีโอกาสจะต้องไปเยี่ยมเธอสักครั้ง อย่างน้อยที่สุด ต้องรักษาอาการบาดเจ็บของเธอให้ได้

เย่เฉินในขณะนี้ไม่ได้มีความรู้สึกที่จะไปคิดบัญชีกับทานากะโคอิจิและแฟนของเขาอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงโบกมือ และพูดว่า “เอาล่ะ ผมจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้แล้ว พวกคุณทั้งสองรีบไปเถอะ”

ทานากะโคอิจิราวกับว่าเขาได้รับการนิรโทษกรรม เขาโค้งคำนับเย่เฉินอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยความเคารพอย่างที่สุดว่า “คุณเย่ครับ งั้นพวกเราขอตัวไปก่อนนะครับ… ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขา ออกไปอย่างรวดเร็ว