เย่เฉินถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เขาหันกลับมาและซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ของ Hermès จากเคาน์เตอร์แบบกระจาย

หลังจากซื้อครบถึง 500,000 หยวน เขาก็รูดบัตรเพื่อชำระเงินโดยตรง โดยถือกล่องของขวัญ Hermes กองหนึ่งและมุ่งหน้าไปยังห้องพักผู้โดยสารวีไอพี

เมื่อเย่เฉินมาถึงห้องพักผู้โดยสารวีไอพีแล้ว ต่งรั่งหลินก็มาถึงแล้วเช่นกัน

เมื่อเธอเห็นเย่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับถือสินค้าของ Hermès เธอพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อยว่า “ฉันก็ว่าว่าทำไมมาถึงแล้วถึงหาคุณไม่เจอเลย ที่แท้ก็ไปช้อป Hermès มานี่เอง! ซื้อของขวัญฝากชูหรันใช่ไหม?”

เย่เฉินพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “กว่าจะมาถึงที่เมืองใหญ่อย่างเย่นจิงมันไม่ง่ายเลยนะ แน่นอนว่าต้องซื้อของที่ระลึกฝากภรรยาบ้างแหละ”

ต่งรั่งหลินเบะปาก พร้อมกับพูดว่า “เย่เฉิน ฉันรู้ว่าคุณน่ะเป็นคนที่ปิดบังเก่งแค่ภาพรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของซุปตาดังอย่างกู้ชิวอี๋น่ะ ถ้าวางขายบนเว็บไซต์มือสองยังสามารถขายได้หลายพันหยวนเลยนะ และคุณก็รู้จักกับเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก เลยแต่กลับไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเธอเลย”

เย่เฉินพูดอย่างเฉยชาว่า “ผมจะเอาคนอื่นออกไปเป็นต้นทุนที่โอ้อวดของตัวเองได้ยังไงกันล่ะ? นั่นไม่ใช่ว่าจะเป็นการทรยศต่อความใจดีของผู้อื่นที่มีต่อผมเหรอ?”

ต่งรั่งหลินพยักหน้าเบาๆ “นั่นคือสิ่งที่ฉันพูด”

หลังจากพูดจบ เธอก็มีคำถามที่ซุบซิบขึ้นมา “งั้นชูหรันรู้เรื่องที่พวกคุณทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กไหม?”

เย่เฉินส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “แน่นอนไม่รู้ ที่จริงแล้วผมไม่อยากจะบอกกับใครทั้งนั้น แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อวานจะถูกคุณเห็นเข้าที่ทะเลสาบโห้วไห่ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่รู้หรอก”

ต่งรั่งหลินพูดอย่างมีความสุขว่า “งั้นก็แสดงว่า ฉันได้รู้ความลับของตัวคุณที่แม้แต่ชูหรันยังไม่รู้ด้วยซ้ำแล้วสิ นี่หมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเราพัฒนาไปอีกก้าวแล้วล่ะสิ?”

เย่เฉินพูดอย่างจนปัญญาว่า “นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ? บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่านี่มันแค่เรื่องที่บังเอิญถูกคุณเห็นเข้า”

ต่งรั่งหลินส่งเสียงพึมพำเบาๆ “ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือไม่นั้น ฉันก็ได้รู้ความลับของตัวคุณมากกว่าชูหรัน!”

ขณะที่พูด เธอก็จ้องไปที่ดวงตาของเย่เฉิน และเอ่ยปากถามว่า “เอ๊ะเย่เฉิน ตกลงตัวคุณมีความลับมากมายแค่ไหนนะ?รู้สึกเหมือนว่าคุณคนนี้น่ะจะลึกลับอย่างมาก ราวกับว่าไม่สามารถมองเห็นทะลุตัวคุณได้เลย”

เย่เฉิน ไม่อยากให้เธอต้องคอยซักไซ้กับคำถามแบบนี้ เขาจึงเยาะเย้ยอย่างฉลาดว่า “ยังมีอะไรอีกที่มองไม่เห็น ครั้งนั้นที่พวกเราไปแช่น้ำพุร้อนด้วยกัน ผมสวมแค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวเอง อะไรที่ควรเห็น ก็ให้เห็นไปหมดแล้วนิ ที่เหลือ ก็คือสิ่งที่ไม่สามารถให้คุณเห็นได้ทั้งนั้นแหละ”

แค่ครู่เดียวต่งรั่งหลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที!

อยู่ๆ ก็ปรากฏว่าภาพเมื่อครั้งที่เย่เฉินสวมกางเกงว่ายน้ำที่บ่อน้ำพุร้อนของโรงแรมขึ้นมา ในสมองของเธอรูปร่างที่แข็งแรงและสมบูรณ์แบบนั้น ทำให้เธอเขินอายและดีใจขึ้นมาในคราเดียวกัน

แม้ว่าจะหน้าแดง แต่เธอก็ยังตอบด้วยน้ำเสียงเขินอายว่า “ทำไมถึงไม่ให้ฉันเห็นส่วนที่เหลือล่ะ… ”

เย่เฉินพูดอย่างเก้อเขินว่า “เรื่องนี้ยังต้องถามอีกเหรอ? เราเป็นเพื่อนกันนะ และคุณก็เป็นเพื่อนสนิทของภรรยาผมด้วยดังนั้นที่เหลือจึงไม่สามารถให้คุณเห็นได้!”

ต่งรั่งหลินก้มหน้าลงและกระซิบเบาๆว่า “ทำไมคุณถึงทำกับว่าฉันเป็นคนนอกแบบนี้ด้วย? ตอนนั้นเค้าได้รับบาดเจ็บส่วนที่ไม่ควรให้คุณก็ให้คุณเห็นไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ส่วนที่ไม่ควรให้คุณสัมผัสคุณก็ให้คุณสัมผัสไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ”

เย่เฉินโพล่งออกมาว่า “นี่เป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ตอนนั้นเพื่อผมช่วยชีวิตคุณ ไม่ใช่เพื่อเอาเปรียบคุณ”

ต่งรั่งหลินเบ๊ะปากพร้อมกับมองบนไปทางเย่เฉิน และพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าคุณไม่ได้เอาเปรียบเล่า? หรือไม่บางทีคุณอาจช่วยชีวิตคน และเอาเปรียบทั้งสองทางเลยกว่าได้!”

พูดอย่างนั้น เธอก็พูดอย่างเร่งรีบและจริงจังอีกว่า “ที่จริงแล้วฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณจะเอาเปรียบ ต่อให้คุณเอาเปรียบ ฉันก็ยินดี…”