ตอนที่ 3559

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3559 : ศิษย์ที่แท้จริงอันดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน

 

เหล่าคนของพันธมิตรสวรรค์ตอนนี้ พากันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวั่นใจ เพราะทุกคนตระหนักดีว่าอีกฝ่ายไม่เว้นพวกมันกําลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว

 

จริงอยู่ที่การลงมือเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนมันน่าทึ่ง แต่ในเวลาเดียวกันทุกคนก็รู้ดีว่าพันธมิตรสวรรค์ไม่อาจดํารงอยู่ได้อีกต่อไป

 

ผู้นําคนแรกของพันธมิตรฟานเทียน ก็คือศิษย์พี่ของหวู่หลง ศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน พลังฝีมือยังสูงล้ําถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว!

ถึงแม้รองผู้นําพันธมิตรสวรรค์ของพวกมันจะร้ายกาจ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเต็มที่ก็ไร้เทียมทานใต้เทพสงคราม 9 ดาราเท่านั้น หากพบเจอกับเทพสงคราม 9 ดาราเข้า น่ากลัวจะไม่รอด

 

“ผู้นํา”

 

ร่างต้วนหลิงเทียนวูบลงจากฟ้ามาฉับไว ก่อนจะหยุดลงเบื้องหน้าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงผู้นําพันธมิตรสวรรค์ มองถามอีกฝ่ายด้วยน้ําเสียงท่าที่สงบ “ หลังจากนี้ ท่านคิดจะทําอย่างไรต่อไป?”

 

เขาเองก็เห็นถึงความหวาดกลัวบนใบหน้าสมาชิกพันธมิตรสวรรค์ชัดเจน

 

และเขายังได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของหลายๆคน

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าหากศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียนคนนั้น รู้เรื่องที่หวู่หลงตกตายที่นี่ มันไม่มีทางเลิกราแน่นอน!

 

และจินตนาการออกได้ไม่ยาก ว่ามันต้องรับทราบเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของศิษย์น้อง ต่อให้ไม่มีหรือปิดด่านบ่มเพาะอยู่จึงไม่รู้ แต่จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียนยก็ต้องส่งคนเข้ามาแจ้งข่าวมันโดยเร็วที่สุด!

 

“จ้าววังน้อย…หากท่านต้องปะทะกับศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียนระดับเทพสงคราม 9 ดารา….ท่านมั่นใจหรือไม่?”

 

ใบหน้าช่างกวนอวิ่นเฟิงในปัจจุบันเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมนัก เพราะคําตอบของต้วนหลิงเทียน จะเป็นตัวบ่งชี้ชะตาของพันธมิตรสวรรค์หลังจากนี้

 

“ข้ายังไม่ใช่คู่มือของเทพสงคราม 9 ดารา”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดจะเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพ ต่อให้เขาจะมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดที่มีจิตวิญญาณ และมีมรรคากระบีมิติไม่เว้นวิถีควบคุม ก็ยังไม่แน่นักว่าจะเอาชนะเทพสงคราม 9 ดาราชนชั้นยอดฝีมือได้เต็ม 10 ส่วน..

 

เพราะช่องว่างระหว่างพลังเทพกับพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดมันกว้างใหญ่เกินไป

 

และถึงแม้ศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์งี้ฟานเทียนนั่นจะมีแค่อุปกรณ์เทพขั้นต่ําที่ไร้จิตวิญญาณ…แต่พลังหนุนเสริมที่อีกฝ่ายจะได้จากอุปกรณ์เทพขั้นต่ํานั่นโดยใช้พลังเทพ ยังเหนือกว่าเขาที่ใช้อุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดที่มีจิตวิญญาณด้วยพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดเสียอีก!

 

“หากข้าเริ่มเปลี่ยนพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดให้เป็นพลังเทพได้แม้เสี้ยวเดียว ข้าก็ไม่จําเป็นต้องหวั่นเกรงอะไรศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียนนั่นเลย…แต่ตอนนี้ ข้าไม่น่าจะสู้มันได้

 

หากในปัจจุบันเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ไม่เข้าสู่ห้วงนิทรา ด้วยมีความช่วยเหลือจากเหล่าเทพเบญจธาตุ แม้ช่องว่างของพลังจะต่างกัน แต่ด้วยทุกสิ่งที่มีต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะกระทั่งฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้แน่ๆ!

 

แต่ตอนนี้เขาไม่อาจใช้พลังของเทพเบญจธาตุได้!

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “เช่นนั้นเห็นทีข้าคงทําได้แค่สลายพันธมิตรสวรรค์” 

 

“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด

 

“จ้าววังน้อย ท่านไม่จําเป็นต้องกล่าวขอโทษเลย…”

 

พอได้ยินคําขอโทษของต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มแห้งๆบนใบหน้าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงพลันหายไป มันเร่งส่ายหัวพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มสบายๆ “การสลายพันธมิตรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายสําหรับพวกเราที่อาศัยกันในสมรภูมิ 9 ยมโลกมานาน สิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเปลี่ยนที่พักพิงเท่านั้น”

 

“ในสมรภูมิ 9 ยมโลก กองกําลังอันใดก็ไม่ต่างจากหมอกควันเบาบางสายหนึ่ง หากโดนลมแรงก็พร้อมจะสลายไปทุกเมื่อ อีกทั้งยังมีกองกําลังมากมายดั่งหมู่เมฆ ด้วยพลังฝีมือของพวกเรา ย่อมมีตัวเลือกให้เข้าร่วมนับไม่ถ้วน”

 

“ข้ากล้าพูดได้ตรงนี้เลย ว่าในปัจจุบันไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่สมาชิกคนอื่นๆของพันธมิตรสวรรค์….หากให้เลือกระหว่างยุบพันธมิตรสวรรค์แต่ได้เป็นพยานการต่อสู้ระหว่างท่านกับหวู่หลง หรือให้มีพันธมิตรสวรรค์แต่ไม่ได้ชมดู ข้าเชื่อมั่นว่าทุกคนต้องเลือกอย่างแรกแน่นอน!”

 

พอซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวถึงจุดนี้มันก็คลี่ยิ้มมั่นใจ ก่อนจะหันไปมองถามคนของงพันธมิตรสวรรค์เสียงดังฟังชัด “พี่น้องทั้งหลาย…เนื่องเพราะภัยคุกคามจากพันธมิตรฟานเทียน ข้าจึงคิดจะยุบพันธมิตรสวรรค์ และหลังจากนี้ทุกคนจําต้องแยกย้ายกันไป”

 

ได้ยินคําพูดดังกล่าวของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ก็ไม่มีใครเผยสีหน้าแปลกใจ เพราะทั้งหมดรู้ดีว่าต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

 

“ทว่าบัดนี้ ท่านจ้าววังน้อยกําลังขอโทษข้า…”

 

“ข้าบอกจ้าววังน้อยไปว่าไม่จําเป็นต้องขอโทษ”

 

“แล้วพี่น้องทั้งหลายเล่า…คิดว่าท่านจ้าววังน้อยต้องกล่าวคําขอโทษอันใดหรือไม่?”

 

ประโยคสุดท้าย ขณะกล่าวซ่างกวนอวิ๋นเฟิงยังเน้นเสียงให้ดังขึ้นเป็นพิเศษ

 

หลังจากทุกคนกลับมารู้สึกตัว ทั้งหมดก็พร้อมใจกันส่ายหัว “ย่อมไม่แน่นอน! สําหรับพวกเรา การได้เห็นท่านจ้าววังน้อยสู้กับหวู่หลงวันนี้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว! กับอีแค่ยุบกองกําลังที่ไม่ต่างอะไรจากเปลี่ยนที่อยู่ ยังจะสลักสําคัญอันใด!?”

 

“ใช่แล้ว! ต่อให้ตอนนี้พวกเราสามารถย้อนกลับไปเลือกได้อีกครั้ง พวกเราก็ขอเลือกที่จะชมดูการต่อสู้ระหว่างท่านจ้าววังน้อยกับหวู่หลง!”

 

“ท่านจ้าววังน้อย ขอท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ถึงแม้วันหน้าพวกเราจะไม่ได้เป็นคนของพันธมิตรสวรรค์ แต่พวกเราล้วนจดจําได้ไม่มีวันลืมว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ครั้งหนึ่งพวกเราเคยเป็นคนของ พันธมิตรสวรรค์” และได้เป็นประจักษ์พยานตอนท่านจ้าววังน้อยฆ่าหวู่หลง ผู้นําคนที่ 2 ของพันธมิตรฟานเทียนศิษย์น้องของเทพสงคราม 9 ดารากับตา!!”

 

“ฮ่าๆๆๆ! ท่านจ้าววังน้อย เรื่องที่ข้าเคยเป็นคนของพันธมิตรสวรรค์และได้เป็นพยานการเข่นฆ่าหวู่หลงของท่านวันนี้ มันมากพอจะให้ข้าเอาไปคุยอวดได้ชั่วชีวิตแล้ว!”

 

ถึงแม้สมาชิกพันธมิตรสวรรค์จะรู้ดีว่าถึงคราวต้องแยกย้ายกันไป แต่ไม่มีใครเผยความเศร้าโศกที่ต้องแยกย้ายแม้แต่นิดเดียว ส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าการได้เป็นสักขีพานในการต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลงเป็นเรื่องสําคัญกว่าการล่มสลายของพันธมิตรสวรรค์เยอะ!

 

“ท่านจ้าววังน้อย…ท่านเห็นแล้วหรือไม่? ไม่มีผู้ใดคิดโทษท่านเลย!”

 

ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเห็นฉากดังกล่าว ในใจก็รู้สึกท่วมท้นอยู่บ้าง

 

แน่นอนว่าผู้ที่กล้าเข้ามายังสมรภูมิ 9 ยมโลกไหนเลยจะมีชนชั้นต่ําทราม

 

บางทีคนเหล่านี้อาจไม่แข็งแกร่งเท่าเขา แต่ยังมีใครที่จิตใจไม่เข้มแข็งเหมือนหินผาบ้าง? ทุกคนไม่หวั่นคลื่นลมที่ต้องเผชิญเบื้องหน้า สําหรับพวกมันแล้วการที่กลับมาเคว้งคว้างล่องลอยอีกครั้ง ก็ไม่ต่างอะไรจากการเดินทางครั้งใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องราวอันแสนธรรมดาสามัญในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้นัก

 

“ท่านจ้าววังน้อย”

 

ขณะเดียวกัน ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ําเสียงจริงจัง “วันหน้า หากท่านคิดจะบ่มเพาะฝึกฝนในสมรภูมิ 9 ยมโลกอย่างไร้กังวล…ท่านควรเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตน ปิดบังฐานะของท่านเอาไว้อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ แล้วก็หากองกําลังเข้าร่วมต่อเถอะ”

 

“แต่หากท่านไม่ประสงค์จะปกปิดตัวตน ก็ยังมีอีกหนทางให้ท่านเลือกเดินเพียงแค่เข้าร่วมกับกองกําลังที่เป็นศัตรูกับพันธมิตรฟ่านเทียนเสีย กองกําลังเหล่านั้นล้วนมีเทพสงคราม 9 ดาราอยู่ ทําให้พันธมิตรป่านเทียนไม่กล้าลงมือปุ่มบ่ามแน่นอน”

 

“แต่แน่นอนว่าหนทางสายนี้ย่อมมีความเสี่ยง”

 

“ท้ายที่สุดแล้วใจคนยากแท้หยั่งถึงไม่มีผู้ใดกล้ารับประกันว่าในกองกําลังที่เป็นศัตรูกับพันธมิตรฟานเทียน ใช่มีคนที่คิดขายท่านเพื่อรับความดีความชอบจากผู้นําพันธมิตรฟานเทียนรวมถึงจักรพรรดิสวรรค์ชี้ฟานเทียนหรือไม่…”

ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง กล่าวร่ายยาวออกมารวดเดียวจบคํา

 

“ขอบคุณท่านที่กล่าวเตือน”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคําของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ก่อนจะหันไปกวาดตามองคนของพันธมิตรสวรรค์เบื้องล่าง พลางพยักหน้ากล่าวคําลา “ทุกคน เช่นนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน ถนอมตัวด้วย”

 

“น้อมส่งท่านจ้าววังน้อย!”

 

“น้อมส่งท่านจ้าววังน้อย!”

 

ทุกคนของพันธมิตรสวรรค์ประสานมือโค้งคารวะกล่าวคําลา ก่อนจะมองส่งต้วนหลิงเทียนด้วยสายตานับถือเลื่อมใส

 

จนเมื่อแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตาของพวกมันแล้ว หลายคนค่อยดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง “ตอนนี้ท่านรองผู้นํายังมีอายุไม่ถึง 700 ปีด้วยซ้ํา….อายุไม่ถึง 700 ปีกลับมีพลังฝีมือสูงล้ําขนาดนี้ สุดที่ข้าจักจินตนาการได้ออกจริงๆ ว่าหากให้เวลาท่านรองผู้นําอีกสักพันปี ท่านจักเติบโตไปได้ถึงเพียงไหน”

 

“ตราบใดที่จ้าววังน้อยรักษาอัตราความก้าวหน้าเช่นนี้ไว้ได้ตลอด….หลังจากนี้อีกพันปี ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ชี้ฟานเทียนผู้นั้นก็คงไม่มีวันคุกคามท่านจ้าววังน้อยได้อีกแล้ว”

 

“จริง ด้วยอัจฉริยะภาพดังกล่าว ข้าเกรงว่าเรื่องจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา คงอีกไม่นานแล้ว…”

 

หลังต้วนหลิงเทียนจากไป คนของพันธมิตรสวรรค์ก็กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ ทั้งหมด เชื่อมั่นว่าหากไม่ตกตายไปเสียกลางทาง อนาคตของรองผู้นําพันธมิตรสวรรค์ต้องก้าวไกลไร้ขอบเขตแน่!

 

ไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป และพันธมิตรสวรรค์ได้ถูกยุบลง คนของจักรพรรดิสวรรค์งี้ฟานเทียนก็เดินทางมาถึงสมรภูมิ 9 ยมโลก พร้อมแจ้งเรื่องราวให้ผู้นําคนที่ 1 ของพันธมิตรฟานเทียน จี้หยิ่ง ทราบ..

 

จี้หยิ่ง มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางสูงเพรียว หน้าตาแลดูธรรมดาสวมใส่ไว้ด้วยชุดจอมยุทธ์สีดําเรียบง่าย คิ้วปานดาบสองเล่มนั่นให้ความรู้สึกน่าเกรงขามทั้งน่ากลัวจับใจยามมีโทสะ!

 

ตูมมมม!!

 

เมื่อได้รับข้อความแจ้งเหตุ จี้หยิ่งที่กําลังปิดด่านบ่มเพาะในค่ายของพันธมิตรฟานเทียน ด้วยอารมณ์ที่ผันผวน พลังเซียนยอมตะต้นกําเนิดทั้งพลังเทพในร่างก็หลุดพ้นการควบคุมทันที! มันระเบิดสะท้านกวาดทําลายออกไปอย่างน่ากลัว จนสถานที่พักฝึกฝนถึงกับแหลกพินาศ!

 

แน่นอนว่าจี้หยิ่งไม่ได้สนใจเรื่องที่สถานที่พักฝึกฝนมานานปีย่อยยับแม้แต่นิดเดียว มันลอยร่างกลางหาวอย่างเงียบงัน มองจ้องไปทางทิศตะวันออกด้วยสีหน้ามืดมน

 

หวู่หลงเป็นศิษย์น้องของมัน ยังเป็นศิษย์น้องเพียงคนเดียว!

 

ในใจมัน หวู่หลงไม่ต่างอะไรจากน้องชายแท้ๆมานานแล้ว

 

แต่บัดนี้ หวู่หลงกลับถูกผู้อื่นฆ่าตาย!

 

ในปัจจุบันมันจึงมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น

 

ทําลายพันธมิตรสวรรค์ให้สิ้นซาก ฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!

 

“ท่านผู้นํา เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”

 

“ท่านผู้นํา!?”

 

“ท่านผู้นํา ท่านเป็นอะไรหรือไม่?!”

 

ความเคลื่อนไหวของจี้หยิ่งย่อมดึงดูดผู้คนจํานวนมากของพันธมิตรฟานเทียน ทั้งหลายเร่งรุดกันเห็นร่างขึ้นมามองจี้หยิ่งด้วยสายตาสงสัย แต่เมื่อเห็นทีท่าของจี้หยิ่งแล้ว แต่ละคนก็บังเกิดความหวั่นเกรงแลดูกล้าๆกลัวๆนัก

 

“ไม่มีใด”

 

จี้หยิ่งเอ่ยตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็พูดตรงๆ “หลังจากนี้ ข้าจะออกไปด้านนอกสักพัก”

 

“พวกเจ้าสามารถจัดการเรื่องราวในพันธมิตรฟานเทียนได้ตามเห็นสมควร

 

พอกล่าวจบคํา ไม่ทันที่คนของพันธมิตรฟานเทียนจะได้ตอบสนองอะไร ร่างจี้หยิ่งก็อันตรธานหายไปราวภูตผีเสียแล้ว

 

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

 

“ที่แท้เป็นเรื่องราวใดกัน?”

 

“อารมณ์ท่านผู้นํา เห็นได้ชัดว่ามีใดผิดปกติ!”

 

ในขณะที่คนของพันธมิตรฟานเทียนหลายต่อหลายคนกําลังสงสัย หนึ่งในนั้นกลับหรี่ตาลงเร็วไว ใบหน้าฉายชัดถึงความตกตะลึง จากนั้นจึงโพล่งอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “ผู้นําหวู่หลงตายแล้ว!”

 

“ว่าอะไร!?”

 

และคําอุทานของคนผู้นั้น ก็ทําให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบอึ้งไปทันที!

 

ผู้นําหวู่หลง นอกจากจะเป็นผู้นําคนที่สองของพันธมิตรฟานเทียน ยังเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนของพวกมันอีกด้วย และยังออกไปข้างนอกพร้อมกับตัวตนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 3 ของพันธมิตรฟานเทียนพวกมัน!

 

ที่สําคัญผู้นําคนที่ 2 ของพวกมันคนนี้ ยังได้รับการยอมรับจากทุกคนในสมรภูมิ 9 ยมโลกดาราเป็นตัวตนที่คงกระพันภายใต้เทพสงคราม 9 ดาราอีกด้วย!

 

“เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนลงมือกันแน่?”

 

หลายคนอดถามออกมาไม่ได้

 

“ผู้ลงมือมิใช่เทพสงคราม 9 ดารา…”

 

ตอนนี้เองงคนของพันธมิตรฟานเทียนคนหนึ่งที่พึ่งได้รับทราบข่าว ก็เอ่ยตอบออกมาด้วยน้ําเสียงราบเรียบอย่างประจวบเหมาะ “ผู้ที่สังหารผู้นําหวู่หลง เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน…ต้วนหลิงเทียนที่ลือกันว่าเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราผู้นั้น!”

 

“ผู้นําหวู่หลงเดินทางไปภาคตะวันออกเขต 9 เพื่อไปท้าประลองต้วนหลิงเทียนรองผู้ นําของพันธมิตรสวรรค์….แต่สุดท้ายกลับถูกต้วนหลิงเทียนผู้นั้นฆ่าตาย!”

 

พอเสียงสมาชิกระดับสูงของพันธมิตรฟานเทียนคนนี้ดังจบคํา ผู้คนโดยรอบก็พร้อมใจกันเงียบลงทันที

 

ตอนนี้พวกมันคาดเดาได้แล้วว่าไฉนเมื่อครู่ผู้นําจี้หยิ่งของพวกมันถึงได้แลดูผิดปกตินัก “ข้าเกรงว่า…ผู้นําคงได้รับทราบข่าวเรื่องที่ผู้นําหวู่หลงถูกฆ่าตายแล้วไม่ผิดแน่”

 

“เห็นได้ชัดว่าเป็นเช่นนั้น”

 

“ตอนนี้ท่านผู้นําสมควรไปพันธมิตรสวรรค์ไม่ผิดแน่”

 

“ พันธมิตรสวรรค์ที่ว่า ปานนี้สมควรยุบไปแล้ว เพราะหากต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่ใช่เทพสงคราม 9 ดารา มันไม่มีวันอยู่ที่นั่นเพื่อรอให้ท่านผู้นําไปฆ่าหรอก!”

 

“แล้วต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่รู้หรือไรว่าผู้นําหวู่หลงเป็นศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 2 ของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์? มันไม่รู้หรือไรว่าทําเช่นนี้ย่อมเป็นการล่วงเกินใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จี้โยวของพวกเรา ตัวตนที่ได้อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์?”