“เอาล่ะๆ พวกเจ้าไม่ต้อง ข้าไปของข้าเอง!” เย่หยวนตอบกลับไปสั้นๆ
“ไม่ได้! นักบุญสวรรค์เย่ท่านนั้นคือความหวังของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดเรา มีหรือที่เราจะปล่อยให้ท่านไปเสี่ยงชีวิตเช่นนี้?”
“ชีวิตของข้านี้มันแค่ของไร้ค่าอย่างหนึ่ง ตายก็ให้ข้าตายไปเถอะ!”
“นักบุญสวรรค์เย่ ขอข้าไปแทนเถอะ!”
…
แม้เย่หยวนคิดอยากจะไปเองแต่มันย่อมไม่มีทางที่คนทั้งหลายจะปล่อยไป
เจ้าโลกทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต้องอ้าปากค้าง
เวลาแห่งความเป็นความตายนั้นคือเวลาที่จะได้เห็นนิสัยธาตุแท้ของคน
แต่คำพูดของคนทั้งหลายนั้นมันไม่มีความปลอมแปลงใดๆ
พวกเขานั้นไม่คิดฝันเช่นกันว่าเย่หยวนน้อยๆ คนนี้กลับจะเป็นที่เคารพได้มากถึงขั้นนี้!
เพราะต่อให้จะเป็นยอดอัจฉริยะแค่ไหนแต่หากคนเบื้องล่างถูกใช้ให้ไปตายแทนนั้นมันย่อมจะไม่มีใครยอมทำ
หรืออย่างน้อยๆ เหล่าคนทั้งหลายในที่นี้ก็ไม่เคยเห็น!
แต่ว่าคนกว่าห้าหมื่นนั้นกลับแย่งกันเพื่อที่จะไปตายแทนเย่หยวน มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตกตะลึงได้?
…
“พวกเจ้าหุบปาก!” เย่หยวนตวาดออกมา
ได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายจึงหยุดร้องคร่ำครวญไป “ใครบอกพวกเจ้าว่าข้าจะไปตาย?”
คนทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปก่อนที่สุดท้ายจะยิ้มกว้างขึ้น
หรือว่ามหาค่ายกลของยอดฝีมือล้ำสวรรค์นี้จะถูกเย่หยวนคลี่คลายลงได้แล้ว?
เช่นนั้นมันก็สุดยอด!
แต่เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นในใจ
ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่คิดเช่นนั้น
ของที่แม้แต่เจ้าโลกทั้งหลายนั้นยังทำไม่ได้มีหรือที่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ตัวน้อยคนหนึ่งมันจะทำได้?
ไม่ว่าเจ้าจะเก่งกาจมาจากที่ไหนมันก็ไม่พ้นเป็นแค่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์!
เย่หยวนเองก็ไม่คิดจะลงมืออย่างรีบร้อนใดๆ และหันไปมองหน้ากล่าวกับจางเหอชินแทน “ข้าเอาสมบัติออกมาให้ได้ แต่ข้านั้นต้องการของสองสิ่ง!”
เมื่อจางเหอชินได้ยินเขาก็หัวเราะลั่นขึ้น “ข้าหูฝาดไปหรือ? เจ้าคิดจะต่อรองกับข้า? เจ้าคิดจริงๆ ว่าจะกลับออกมาได้?”
หยุนเซียงนั้นยิ้มกล่าวขึ้นเสริม “ไอ้หนู ต่อให้เจ้าโลกอย่างเราๆ ยังไม่อาจทำอะไรพลังงานปิดกั้นนี้ได้
เจ้าคิดว่าลำพังตัวเองนั้นจะทำอะไรได้?”
เย่หยวนยิ้มและเดินเข้าไปหาสมบัติทั้งหลาย เพราะพูดต่อไปตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์ เขานั้นจึงไม่คิดลังเลที่จะเดินเข้าป่าไปหาสมบัติทั้งหลายแทน
คงถานที่ได้เห็นต้องหัวเราะขึ้นมา “ไอ้เด็กนี่มันชอบโอ้อวดตัวเองเสมอ แต่ครั้งนี้มันคงหมดท่าแน่แล้ว”
คงไหกล่าวขึ้นตาม “ไอ้เด็กที่ไม่รู้จักเจียมตัวมันสมควรตายแล้ว!”
ยู่หรานกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มบ้าง “มันก็คงไม่นึกเช่นกันว่าเจ้าโลกจะมากันมากขนาดนี้! แต่ได้เห็นยอดนักหลอมโอสถสวรรค์เช่นนี้ตายลงข้าก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้น สุดท้ายเย่หยวนก็เดินมาถึงค่ายกล
ค่ายกลปิดกั้นนี้เป็นแค่สิ่งที่พวกจางเหอชินคิดไปเอง แท้จริงแล้วมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมหาค่ายกลสวรรค์เท่านั้น
การจะเข้าใจมหาค่ายกลสวรรค์ทั้งหมดนั้นมันเกินกว่าความสามารถของเย่หยวนในตอนนี้ไปมากล้น
แต่โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นพอจะเข้าใจค่ายกลตรงส่วนนี้ไปมากแล้วเพราะการทดสอบของพวกจางเหอชินทั้งหลาย
แท้จริงแล้วระหว่างทางมานี้เขาก็สังเกตดูจุดที่สมบัติปรากฏและจางหายไปเสมอ
ตราบเท่าที่ยังเป็นค่ายกลต่อให้จะดูไร้ที่ติสมบูรณ์แบบแค่ไหน สุดท้ายมันก็ถูกสร้างขึ้นตามกฎของตัวมันเอง เหมือนดั่งโลกนั้นที่จะต้องมีคลื่นกำเนิดและกฎต่างๆ มากมาย
เมื่อเย่หยวนเข้าไปใกล้ค่ายกลนั้นเย่หยวนก็หยุดเท้าลง
เมื่อจางเหอชินได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะลั่นขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนี่มันรู้จักกลัวตายอยู่นี่นา!”
เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นเสริม “คนเรามีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย? แต่มากลัวตอนนี้มันก็สายไปแล้วมั้ง?”
“เจ้าเด็กนี่มันโอหัง ได้เห็นมันฉี่ราดนี่เองก็คงสะใจไม่น้อย!”
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่ได้กลัวเกรงใดๆ เขานั้นแค่กำลังสังเกตพื้นที่รอบๆ
ดอกไม้ใบหญ้ารอบๆ ตัว สายลมที่พัดผ่าน แม้แต่ฝุ่นผงที่ปลิวผ่านหน้าไปนั้นหรือแม้แต่คลื่นพลังงานฟ้าดินก็ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลสวรรค์ทั้งสิ้น
มหาค่ายกลนี้มันคือสิ่งที่แม้แต่เจ้าโลกยังมองไม่ออก แน่นอนว่ามันย่อมจะทรงพลังและยิ่งใหญ่!
ได้เห็นเย่หยวนไม่คิดขยับตัว จางเหอชินก็กล่าวขึ้นมาอย่างรีบร้อน “หากยังไม่เข้าไป ข้าจะใช้คนอื่นเข้าไปแล้ว!”
เย่หยวนนั้นยังยืนนิ่งไม่คิดขยับเหมือนว่าไม่ได้ยินคำของจางเหอชิน
จางเหอชินนั้นหัวเราะขึ้น “รักตัวกลัวตาย! ไอ้หนู ในเมื่อมันไม่กล้ามันก็เป็นตาเจ้าแทนแล้ว!”
คำพูดนี้ของเขาพูดใส่หยางชิง
หยางชิงนั้นหันไปมองหน้าพร้อมด่ากลับไป “ไอ้โง่! เจ้ามันจะไม่เข้าใจอะไร? ตอนนี้มันกำลังวิเคราะห์ค่ายกลอยู่! รักตัวกลัวตาย? ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่มันเป็นคนเดียวในโลกที่ไม่รู้จักกลัวตาย! เจ้าโง่!”
คำว่าโง่ของหยางชิงนั้นมันพูดขึ้นต้นและปิดท้าย ชัดเจนเลยว่าหยางชิงนั้นดูถูกจางเหอชินแค่ไหน
จางเหอชินนั้นกัดฟันแน่นและกำลังจะง้างมือขึ้นมาซัดหยางชิง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้ขยับตัว
ร่างของเขานั้นหันและเดินไปทางตะวันออกห้าก้าว จากนั้นเขาก็เดินก้าวเข้าไปในระยะของค่ายกลปิดกั้น
จางเหอชินยิ้มขึ้นมาเมื่อได้เห็น เขานั้นกำลังรอเวลาที่ค่ายกลจะทำงานและสังหารเย่หยวนให้กลายเป็นเถ้าลง
แต่ไม่นานเขาก็ต้องยิ้มค้าง เพราะค่ายกลกลับไม่ทำงาน!
ได้เห็นเช่นนั้นคนทั้งหลายทั้งสิ้นก็ต้องแตกตื่นฮือฮาขึ้นมา!
“เป็นไปไม่ได้! ทำไมค่ายกลถึงไม่ทำงานกัน?”
“เจ้าล้อข้าเล่นเรอะ? ค่ายกลที่แม้แต่เจ้าโลกทั้งหลายยังไม่มีปัญญาจัดการนั้น มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์คนหนึ่งกลับเข้าใจมันได้หรือ?”
“มันต้องเดินเข้าไปได้เพราะโชคแน่ๆ มันต้องเพราะโชคช่วยแน่!”
…
จนถึงเวลานี้ต่างฝ่ายนั้นต่างเสียหายกันไปอย่างมาก
แต่ว่าคนที่โชคดีหน่อยก็ยังพอได้สมบัติติดไม้ติดมือมาชิ้นสองชิ้นบ้าง แต่มันต้องแลกมาด้วยชีวิตมากมาย
พวกเขานั้นเข้าใจแล้วว่ายิ่งเป็นสมบัติที่ทรงพลังแค่ไหนค่ายกลมันก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น
แต่เย่หยวนนั้นจะไม่โชคดีเกินไปหน่อยหรือ?
คนทั้งหมดต่างรู้สึกอิจฉาโชคของเย่หยวนขึ้นมาจับใจ
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่มีเวลามาสนใจเสียงแตกตื่นของคนด้านนอกแล้ว ตอนนี้สมองของเขานั้นมันมีแต่ความคิดในหัวตัวเอง หรือจะบอกว่าเป็นความคิดเกี่ยวกับค่ายกลสวรรค์นี้ก็ไม่ผิดนัก
เขานั้นไม่ก้าวออกไปทันทีและยืนนิ่งอยู่จุดนั้นต่อไป
เขากำลังวิเคราะห์ค่ายกล!
แต่ครั้งนี้ตัวจางเหอชินย่อมจะไม่คิดเร่งอีกต่อไปแล้ว
เจ้าโลกทั้งเจ็ดนั้นต่างไม่มีใครเปิดปากพูดขึ้นมาอีก เพราะว่าเย่หยวนก้าวเข้าไปได้จริงๆ!
เทียบกับการสังหารเย่หยวนลงเล่นๆ การปล่อยให้เย่หยวนได้เข้าไปเอาสมบัติกลับออกมาย่อมจะดีกว่ามากนัก!
เพราะสมบัตินั้นมันล้ำค่าเกินไป
ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาทั้งเจ็ดเองก็คงไม่ปรากฏตัวออกมาง่ายๆ เช่นกัน
แน่นอนว่าหลังจากที่เอาสมบัติกลับออกมาแล้วพวกเขาย่อมจะไม่คิดปล่อยเย่หยวนไว้เช่นกัน
จางเหอชินนั้นวางแผนเช่นนี้ไว้ในใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเย่หยวนก็ก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็หายไป!
ทุกคนที่ได้เห็นนั้นต้องอ้าปากค้าง ‘หายไปไหน?’
“เจ้าบ้านี่คงไม่ได้หนีไปแล้วใช่ไหม?” จางเหอชินกล่าวขึ้น
แต่เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นกลับเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “ไม่! ค่ายกลนี้มันเชื่อมต่อกับห้วงมิติเวลาของที่นี่ไว้
เขาก้าวเข้าไปในอีกห้วงมิติหนึ่งต่างหาก! น่าสนใจนัก เจ้าเด็กนี่กลับเข้าใจค่ายกลนี้ได้จริง!”
เจ้าโลกทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต่างต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายหันมามองหน้าหยุนเซียงอย่างตกตะลึง
เจ้าโลกหยุนเซียงนั้นย่อมมีคุณสมบัติพอจะพูดเช่นนี้ เพราะนางนั้นคือจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ้าโลก คนหนึ่ง!
การทดลองก่อนหน้านั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นนางที่คิดวางแผน
แต่สุดท้ายนางก็พลาด
“หยุนเซียงเจ้าล้อเล่นแล้ว? มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์น้อยคนหนึ่งกลับจะเข้าใจค่ายกลที่เฒ่าหวูเทียนวางไว้ได้?” เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นถาม
เจ้าโลกหยุนเซียงส่ายหัวตอบกลับไป “มันจะเข้าใจได้ง่ายขนาดนั้น? ตอนนี้มันแค่ก้าวเข้าไปสองก้าวเท่านั้น
ยิ่งเข้าไปลึกมันย่อมจะยิ่งยากยิ่ง! แต่ว่าเพราะการคลี่คลายนี้ข้าเองก็พอจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว”
จางเหอชินอ้าปากค้าง “หมายความว่าเจ้าเด็กนี่มันเก่งกาจกว่าเจ้าอีกหรือ?”
เจ้าโลกหยุนเซียงหันมากัดฟันมองหน้าเขาด้วยจิตสังหารแรงล้ำทันที
จางเหอชินต้องผงะไปเมื่อได้เห็นเช่นนั้น แทบอยากจะเอามือขึ้นมาตบปากตัวเอง
ไปย้ำแผลคนอื่นเสียได้!