“ออกมาแล้ว! ออกมาจริง!”
จู่ๆ มันก็มีเสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นมาจากกลุ่มคน
หลังจากหายไปเป็นวันสุดท้ายเย่หยวนก็ก้าวออกมาจากห้วงมิติซ้อนและปรากฏตัวแก่สายตาคนทั้งหลายอีกครั้ง
ครั้งนี้เย่หยวนก็เข้าไปใกล้สมบัติมากกว่าเดิม
“เจ้าบ้านี่มันยังไม่ตายจริงๆ!”
“ทำไมกัน? ค่ายกลปิดกั้นที่แม้แต่เจ้าโลกยังไม่อาจทำอะไรได้ ทำไมเขาถึงเข้าไปได้?”
“ไร้เทียมทานในเต๋าโอสถเอาชนะคนรุ่นเดียวกันได้สิ้น! ตอนนี้เขายังจะมีเต๋าค่ายกลที่เหนือล้ำกว่าเจ้าโลกอย่างนั้นหรือ?”
…
การเอาชนะคนรุ่นเดียวกันได้นั้นมันเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงอย่างมากแต่มันก็ยังไม่น่าตกตะลึงเท่าภาพตรงหน้านี้
เพราะจะอย่างไรเสียเจ้าโลกนั้นก็คือเจ้าโลก
คนทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าเจ้าโลกหยุนเซียงนั้นคือจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ้าโลก!
เช่นนั้นจะบอกว่าเย่หยวน จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับแปดคนนี้กลับเอาชนะเจ้าโลกหยุนเซียงได้หรือ?
หยุนเซียงนั้นอดทำหน้าเหยเกขึ้นไม่ได้
นางนั้นกำลังลังเลใจอย่างมาก
เรื่องสมบัตินั้นมันย่อมจะอยากได้
แต่หากเย่หยวนเอาสมบัติกลับออกมาได้จริงๆ แล้วนางคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
‘สังหารมันเสียก่อนจะดีที่สุด’
แต่ที่นางบอกไว้นั้นมันก็ไม่ผิดจากความจริงมากนัก เพราะยิ่งหลังๆ ไปความซับซ้อนของค่ายกลมันก็จะยิ่งมาก
แต่ละจุดที่เย่หยวนหยุดเท้าลงนั้นมันก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ตอนนี้มันไม่มีใครกล้าเร่งเขาอีกแล้ว
เพราะทุกคนนั้นต่างนั่งรอ รอให้เขาก้าวออกไปอีกครั้ง
การหยุดครั้งนี้เย่หยวนใช้เวลาไปหนึ่งวันเต็ม
จากนั้นมันก็เป็นวันครึ่ง เป็นสองวัน สามวัน
หลังจากนั้นเจ็ดวันเย่หยวนก็หายไปจากสายตาของคนทั้งหลายอีกครั้ง
ครึ่งเดือนต่อมาเย่หยวนก็ปรากฏตัวออกมาและตอนนี้เขาก็ยืนอยู่หน้าสมบัตินั้นแล้ว
คนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต่างแทบลืมหายใจ
เพราะเบื้องหน้าของเขาในตอนนี้มันมีสมบัติยอดหมอกระดับห้าที่มีรูปร่างเป็นกระบี่ดำยาววางไว้
เย่หยวนก้มลงไปเก็บได้อย่างไม่มีอะไรผิดปกติ
“ซี๊ด…มันทำได้จริง! มันทำได้จริงๆ!” จางเหอชินร้องขึ้นมา
พวกเขานั้นพ่ายให้แก่พลังของค่ายกลนี้ไปหลายครั้งและคิดไปเสียว่าหวูเทียนนั้นกำลังเล่นตลกกับตัวเองอยู่
แต่สุดท้ายมันกลับมิใช่!
ที่พวกเขาไม่อาจเข้าไปได้มันเพราะพวกเขาไม่มีปัญญาเอง!
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! เจ้าเด็กนี่มันกลับได้สมบัติมาจากมือของเฒ่าหวูเทียน!” คงไหกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“เจ้าเด็กนี่มันเก่งกาจจริง! หากให้เวลามันอีกหน่อยแล้วมันคงจะกลายเป็นตัวตนที่ก้าวล้ำสวรรค์ไปได้แน่!
มันอาจจะขึ้นไปถึงระดับของเฒ่าหวูเทียนได้ในวันหน้า!” เจ้าโลกยู่เซียนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เมื่อเจ้าโลกชาวมนุษย์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ต้องหันมามองด้วยหน้าเหยเก
นี่มันพูดกรอกหูพวกเขาชัดๆ
หากหวูเทียนคนที่สองปรากฏตัวขึ้นแล้วมันย่อมจะกลายเป็นปัญหาใหญ่!
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะรู้ดีว่าที่ยู่เซียนกล่าวเช่นนี้มันก็เพื่อจะยั่วให้พวกเขาลงมือแต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึก เกรงกลัวขึ้นมาจริงๆ
สามสวรรค์ของมนุษย์นั้นย่อมจะไม่อยากก้มหัวให้สวรรค์ระดับต่ำไป
“เฮอะ น้องยู่เซียน แทนที่จะมายุให้พวกเราตีกันเช่นนี้มาตกลงเรื่องการแบ่งสมบัติกันจะดีกว่า” จางเหอชินกล่าว
ยู่เซียนยิ้มตอบกลับไป “เสื้อคลุมปีกนั้นมันคงเป็นของที่บรรพบุรุษจากเผ่าข้าทิ้งไว้แน่นอน ข้าขอมันไปคงไม่เป็นปัญหาแล้ว?”
คงไหกล่าวขึ้น “เช่นนั้นข้าอยากจะได้หอกหอนสวรรค์เปลวเพลิงชาด!”
จางเหอชินที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา “คงไห เจ้ามันคงยังไม่เข้าใจสถานะตัวเองสินะ? เจ้าลืมเรื่องหอกหอนสวรรค์เปลวเพลิงชาดไปได้เลย”
คงไหตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มแสนมั่นใจ “พวกเจ้าคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่าเผ่าปีศาจนั้นมีเจ้าโลกแค่ข้าคนเดียว? เจ้าโลกเผ่าปีศาจเรานั้นต่างคนต่างอยู่แต่พวกเจ้าคิดหรือว่าพวกเขาจะมองดูข้าตายไปเฉยๆ?”
จางเหอชินที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วแน่นตอบไป “เช่นนั้นเจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าโลกเผ่ามนุษย์เรามากันแค่ห้าคนนี้? เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว หอกหอนสวรรค์เปลวเพลิงชาดนี้มันไม่มีทางตกเป็นของเจ้าแน่!”
…
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นเริ่มถกเถียงและต่อรองกับเรื่องการแบ่งสมบัติไป
ราวกับว่าสมบัตินั้นมันอยู่ตรงหน้าพวกเขาไปแล้ว
เพราะจริงๆ ต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจแค่ไหนเจ้าโลกทั้งหลายก็ยังไม่คิดเกรงกลัวเขามากมาย
ฝีมือยุทธนั้นต่างหากคือสิ่งที่ใช้ได้จริง
วิชาฝีมืออื่นใดนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นแค่ของเสริม
สามเดือนต่อมาเย่หยวนก็เก็บสมบัติมาได้จนครบ
เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ในค่ายกลปิดกั้นนั้นมันมีสามสมบัติโกลาหลสวรรค์ เจ็ดสมบัติยอดหมอกและสมุนไพรสวรรค์โกลาหล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอกหอนสวรรค์เปลวเพลิงชาดนั้นมันเป็นสมบัติโกลาหลสวรรค์ที่มีระดับสูงส่งล้ำ
ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกเองก็ยังถือว่ามันเป็นของล้ำค่า
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เย่หยวนเดินพ้นระยะค่ายกลปิดกั้นนั้นออกมาได้ไม่ถึงก้าวก็ต้องถูกคนทั้งเจ็ดเดินเข้ามาล้อมอย่างไม่มีช่องว่างให้หนีไปไหนได้
จางเหอชินยื่นมือออกมาพร้อมกล่าว “ส่งมันมา!”
เดิมทีแล้วเขาแค่ขัดตาไม่ชอบหน้าเย่หยวนและคิดส่งเขาไปตาย
แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้มันจะทำได้จริงๆ!
ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นเรื่องไม่คาดฝันที่ดีไม่น้อย
เขานั้นย่อมจะไม่รู้เลยว่าที่เย่หยวนทำได้นั้นส่วนมากแล้วมันก็เพราะว่าตัวเจ้าโลกทั้งเจ็ดนี้ทดลองวิธีต่างๆ ให้ได้เห็นก่อน
เย่หยวนนั้นไม่คิดจะยอมและตอบกลับไป “ทีนี้จะต่อรองกันได้หรือยัง?”
จางเหอชินหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ เจ้ามันก็แค่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ คิดจะต่อรองกับเราเจ้าโลกทั้งหลายนี้? เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันบ้างหรือ?”
“ฮ่าๆๆ”
คนทั้งหลายเริ่มหัวเราะขึ้นตามๆ กัน
เพราะคำพูดของเย่หยวนนี้มันฟังดูโง่เง่ามากในสายตาของผู้คน
ไร้เทียมทานในการหลอมโอสถ ไม่มีใครเทียบได้ในเต๋าค่ายกลแต่สุดท้ายแล้วก็ยังมิใช่เจ้าโลก!
“ไอ้หนู หากเจ้ามีเวลาอีกสักพันปีเจ้าอาจจะขึ้นมาต่อรองกับเราได้ แต่ตัวเจ้าตอนนี้มันไม่มีค่าพอ!”
เจ้าโลกหยุนเซียงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เย่หยวนหันไปมองหน้าหยุนเซียงอย่างผิดหวัง “คนที่ไม่มีค่าพอมันเป็นพวกเจ้าต่างหาก! ตัวเจ้านั้นเป็นเจ้าโลกจอมเทพค่ายกลสวรรค์มิใช่หรือ? นี่เจ้าไม่อายบ้างหรือที่มาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้อีกว่าตัวเองนั้นยืนอยู่ที่ไหน?”
หยุนเซียงนั้นหรี่ตาลงตวาดกลับไปทันที “ไอ้เด็กเวร เจ้าคิดขู่พวกเรา?”
“ขู่? ฮ่าๆ พวกเจ้าบอกว่านี่มันคือค่ายกลปิดกั้น?” เย่หยวนชี้นิ้วกลับเข้าป่าด้านหลังไป
หยุนเซียงที่ได้ยินนั้นต้องขมวดคิ้วตอบกลับไป “หากมันมิใช่ค่ายกลปิดกั้นแล้วมันจะเป็นอะไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นเจ้าโลก เช่นนั้นเจ้าน่าจะเคยได้ยินมาใช่หรือไม่ว่ามหาค่ายกลที่ ทรงพลังที่สุดบนสวรรค์นั้นมันคือมหาค่ายกลใด?”
หยุนเซียงที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะขึ้น “เจ้าคิดจะทดสอบความรู้ข้า? มหาค่ายกลอันดับหนึ่งของสวรรค์นั้นมันย่อมจะเป็นค่ายกลสวรรค์แห่งวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต! เจ้าจะบอกว่าสิ่งนี้มันคือ ‘สวรรค์’ หรือ?”
“ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่ามันคืออะไรเล่า?” เย่หยวนถามกลับไป
“ฮ่าๆ ไอ้หนู หลังจากเข้าใจค่ายกลได้แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจกว่าข้ามากมาย? ค่ายกลสวรรค์นั้นมันคือเครื่องจักรสังหารที่ทรงพลังที่สุดตั้งแต่บรรพกาลมา พลังของมันนั้นไร้ขีดจำกัด อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกทั้งหลายนี้ก็คงไม่อาจรอดชีวิตกลับออกมาได้ แค่คนอย่างเจ้านี้มันยังไม่มีคุณสมบัติพอจะทำความเข้าใจค่ายกลสวรรค์หรอก!”
หยุนเซียงกล่าวขึ้นขัด
หากจะพูดตรงๆ แล้วตอนที่ได้ยินนามของค่ายกลสวรรค์นั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็ใจหายวาบไป
เพราะเจ้าโลกที่ตายลงในค่ายกลสวรรค์นั้นมันมีมากเกินนับ
แต่ได้ยินคำของหยุนเซียงนั้นพวกเขาก็ต้องลอบถอนหายใจยาวออกมา
“ไอ้หนู ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ส่งสมบัติมา!” จางเหอชินกล่าวขึ้นสั่ง
เย่หยวนยิ้มและก้าวเท้าออกไป
“รนหาที่ตาย!” จางเหอชินร้องขึ้นพร้อมต่อยหมัดออกไป
พลังหมัดของเจ้าโลกนั้นมันรุนแรงล้ำมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ย่อมจะไม่มีปัญญารับมันไว้ได้แน่
สีหน้าของหยางชิงและพวกนั้นเปลี่ยนสีไปแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
ตูม!
หมัดนั้นต่อยถูกแค่ความว่างเปล่า
ร่างของเย่หยวนกลับหายไปแล้ว
หยุนเซียงนั้นเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เป็นไปได้อย่างไรกัน! นี่มัน…พ้นระยะของค่ายกลปิดกั้นมาแล้ว ทำไมมันถึงยังทำเช่นนี้ได้อีก?”