เมื่อเห็นท่าทีของหม่าหลันที่เต็มไปด้วยความรีบร้อน เย่เฉินก็ยิ้มบางๆ และเปิดประตูรถเบาะหลัง แล้วหยิบกล่องของขวัญแอร์เมสจากด้านในออกมากองหนึ่ง
เมื่อหม่าหลันเห็นสินค้าแอร์เมสที่มากขนาดนั้น ก็เบิกตากว้างขึ้นมา กระทั่งเปล่งแสงสว่างไสวออกมา!
เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นในใจว่า “โอ้พระเจ้า มันคือแอร์เมสเลยนะ! กระเป๋าแอร์เมสราคาแพงมากและเย่เฉินก็ยังยอมซื้อให้ฉัน เพราะแต่ผ้าพันคอแอร์เมสเส้นหนึ่ง ยังต้องใช้เงินตั้งหลายหมื่นหยวนไปซื้อเลยนะ!”
ดังนั้น เธอจึงเดินมาใกล้ๆ ด้วยความตื่นเต้น และปิดปากพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไอ้หยาๆ นี่มันแอร์เมสนี่นา! ลูกเขยคนดีนี่ช่างยอมทำใจซื้อได้ลงจริงๆ! ลูกซื้อสินค้าแอร์เมสอะไรมาให้แม่เหรอลูก?”
เย่เฉินเลือกหยิบกล่องของขวัญขนาดเล็กใหญ่ออกมาสองสามกล่อง แล้วยื่นให้หม่าหลัน “คุณแม่ครับ กล่องใหญ่ใบนี้คือกระเป๋าแอร์เมส ซึ่งมันเข้ากับบุคลิกของคุณแม่ดี คุณแม่ดูสิครับว่าชอบหรือไม่”
เมื่อหม่าหลันได้ยินว่าเป็นกระเป๋า ก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมาอย่างดีใจ!
“โอ้แม่เจ้า! เป็นกระเป๋าจริงๆ ด้วย ! โอ้พระเจ้าเอ๊ย ลูกเขยคนดีของฉัน! ลูกนี่ช่างยอมทำใจจ่ายเงินเพื่อแม่จริงๆ เลย!”
หม่าหลันอยากได้กระเป๋าที่ดีๆ สักใบมาโดยตลอด แต่ว่าหลายปีมานี้ กระเป๋าที่ดีที่สุดของเธอ ก็เป็นแค่กระเป๋าธรรมดาอย่าง LV และราคาก็ประมาณ 15,000 หยวนเท่านั้น
ในสายตาของเธอ กระเป๋าแอร์เมส ถือได้เฉพาะผู้หญิงชั้นสูงเท่านั้น ซึ่งคนธรรมดาๆ แม้แต่จะอยากจับต้องยังจับต้องไม่ได้เลย และเธอก็ใฝ่ฝันที่จะสะพายแอร์เมส แต่เธอกลับกล้าที่จะคิดเท่านั้น แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยมีเงินมาอยู่บ้าง แต่ถ้าเธอต้องใช้เงินมากกว่า 2 แสนหยวนเพื่อซื้อแอร์เมส เธอก็ยังทำใจซื้อไม่ได้เป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่า วันนี้เย่เฉินจะซื้อกระเป๋าแอร์เมสให้ตัวเองใบหนึ่ง!
และนี้ก็ทำให้เธอทั้งตื่นตกใจและดีใจเลยจริงๆ!
เธอแกะกล่องแอร์เมสออกอย่างรวดเร็ว และหยิบกระเป๋าถือที่ราคาแสนกว่าออกมา เธอพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “โอ้แม่เจ้า กระเป๋าใบนี้สวยมากจริงๆ! ไม่ว่าจะดูยังไงก็ถูกใจมากเลยจริงๆ!”
หลังจากพูดจบ ก็มองไปที่เย่เฉินอีกครั้ง แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอว่า “ไอ้หยาลูกเขยคนดี ลูกนี่ช่างไม่รู้จักเสียดายเงินเลยจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าจะซื้อกระเป๋าราคาแพงแบบนี้ให้แม่!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “แค่คุณแม่ชอบก็ดีแล้วครับ”
“ชอบจ๊ะ ชอบมากเลยด้วย!” หม่าหลันนำกระเป๋ามากอดในอ้อมแขนอย่างตื่นเต้น พร้อมกับถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่ก่อนนี่แม่ตาบอดจริงๆ ด้วย ถึงไม่เห็นเลยว่าลูกเขยคนดีของแม่จะมีศักยภาพมากขนาดนี้! ลูกเขยคนดีของแม่เอ๊ย เรื่องที่ผ่านมาน่ะ ลูกอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับแม่ผู้มีความรู้ต่ำกว่าเลยนะ!”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ
ถ้ารู้ก่อนว่าคนปากร้ายระดับโลกอย่างหม่าหลัน จะสามารถกว้านซื้อมาเป็นพวกได้ด้วยแค่การได้ผลประโยชน์อันน้อยนิดแค่นี้ เย่เฉินคงจัดการให้เธอเป็นคนว่านอนสอนง่ายไปนานแล้ว
แล้วจะไปสู้กับเธอด้วยสติปัญญาและแผนการตั้งหลายต่อหลายครั้งไปทำไมกันเนี่ย อีกทั้งยังส่งเธอไปอยู่สถานที่คุมขังตั้งหลายวันด้วย
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนิสัยของหม่าหลันเป็นคนประเภทที่ไม่ผิดหวังก็ไม่รู้จักความชั่วร้ายของโลกใบนี้แต่หลังจากผิดหวังมามาก นิสัยของเธอก็จะซื่อสัตย์ขึ้นมาเยอะเลย
จากนั้น เย่เฉินก็ได้หยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ออกมาอีกสองกล่อง แล้วยื่นให้หม่าหลันพร้อมกับพูดว่า “แม่ครับ นี่ยังมีของขวัญอีกสองชิ้นที่จะมอบให้แม่ด้วยครับ”
“เอ๊ะ? ยังมีของแม่อีกเหรอ?!” หม่าหลันตื่นเต้นจนแทบอยากจะคุกเข่าลงให้เย่เฉิน
ดีมากจริงๆ ให้กระเป๋าแอร์เมสมาใบหนึ่งยังไม่พอ คิดไม่ถึงว่ายังมีของขวัญชิ้นอื่นอีกด้วย ลูกเขยคนนี้นี่ยิ่งดูก็ยิ่งน่ามองมากจริงๆ!
ดังนั้นเธอจึงรีบรับกล่องของขวัญสองกล่องจากมือของเย่เฉินมา แล้วเปิดออกทีละกล่อง
“ว้าว! ผ้าพันคอแอร์เมส! สวยมากเลย! ตอนนี้อากาศก็หนาวแล้วด้วยได้ใช้พอดีเลย! อันนี้คงแพงมากเลยใช่ไหม?”