ขณะที่พูดอยู่อย่างนั้น เย่เฉินก็นึกเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นได้ และพูดอย่างเร่งรีบว่า “เอ่อใช่แล้วที่รักผมกลับมาครั้งนี้ จะพักผ่อนแค่วันสองวัน ก็ต้องรีบไปญี่ปุ่นอีกรอบครั้งที่แล้วผมก็บอกกับคุณแล้วด้วยพอดีว่ามีลูกค้าที่ญี่ปุ่นเร่งให้ผมไปที่นั่นตลอดเลย”
เซียวชูหรันพยักหน้า และถามเขาว่า “จะไปนานแค่ไหน? เหลืออีกแค่ครึ่งเดือนก็จะถึงปีใหม่แล้วนะ และหลายหน่วยก็กำลังเตรียมตัวสำหรับวันหยุดแล้วด้วย ไม่อย่างงั้นคุณก็พักผ่อนก่อน หลังปีใหม่ค่อยกลับไปทำงาน”
เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ผมรับปากเขาแล้ว และในเวลานี้ผมจะผิดสัญญาทันทีได้ที่ไหนกันล่ะแต่คุณวางใจเถอะ คงใช้เวลาไม่กี่วันก็คงเสร็จแล้ว ที่จริงแล้วญี่ปุ่นอยู่ไม่ไกลมากหรอก บินโดยตรงจากเมืองจินหลิงของเราไปใช้เวลาแค่สองชั่วโมงเอง”
“งั้นก็ได้ค่ะ… ” เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปถึงญี่ปุ่นแล้วคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ เราน่ะไม่คุ้นเคยกับความเป็นอยู่ที่นั่น ห้ามขัดแย้งกับคนอื่นเด็ดขาดนะ จะได้ไม่ถูกคนในพื้นที่รังแก”
“ได้เลย!” เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ความสามารถของสามีคุณในตอนนี้คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? และผมจะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกผมได้อย่างแน่นอน ”
เซียวชูหรันมองบนใส่เขาไปทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณสามารถต่อสู้ได้ แต่ที่สุดแล้วคุณก็ยังต้องใช้ความปรองดองก่อเกิดทรัพย์นะ”
เย่เฉินพยักหน้า “วางใจเถอะที่รัก ผมจะระวัง”
…
เมื่อกลับไปถึงที่ Tomson Riviera
ทันทีที่รถเข้าไปในลานบ้าน หม่าหลันที่กำลังรื้อปูนปลาสเตอร์ก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ดีอกดีใจ
เพราะเธอรู้ว่าเซียวชูหรันไปรับเย่เฉินที่สนามบิน ดังนั้นจึงเอาแต่รอเย่เฉินกลับมา
เหตุผลที่ตั้งตารอเย่เฉินกลับมา ประเด็นหลักเพราะเย่เฉินได้รับปากกับเธอไว้ว่า เขาจะซื้อของขวัญมาฝากเธอเมื่อเขากลับมาเย่นจิง
เพราะครั้งที่แล้วเย่เฉินซื้อชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคาเวียร์ราคาหลายแสนให้เธอ เพราะเธอให้ความสำคัญกับลูกเขยที่ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยของตัวเองมาก และคาดเดาว่าครั้งนี้เย่เฉินจะต้องซื้อของขวัญที่ล้ำค่าให้กับตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงร้อนอกร้อนใจรอไม่ไหวมาตั้งแต่เช้าแล้ว
เมื่อเห็นเย่เฉินก้าวลงจากรถ หม่าหลันก็รีบต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม และพูดอย่างดีอกดีใจว่า “ไอ้หยาลูกเขยคนดีของแม่ ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว หลายวันมานี้แม่คิดถึงแทบแย่เลย!”
ท่าทีประจบของหม่าหลัน ทำให้เย่เฉินรู้สึกปรับตัวไม่ทันอยู่ครู่หนึ่ง
แม้ว่าก่อนหน้านี้หม่าหลันจะเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เธอพูดถ้อยคำที่น่าขนลุกนี้
ในขณะนั้นเอง หม่าหลันก็พูดต่อไปว่า “ลูกน่ะไม่รู้หรอกว่า หลายวันมานี้แม่เป็นห่วงลูกมาก เพราะลูกน่ะไม่เคยไปไหนไกลเลย แม่เลยกลัวว่าลูกจะปรับตัวกับภายนอกไม่ได้ และจะกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ แม่น่ะเอาแต่คิดอย่างนี้อยู่ตลอดเลย!”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วยิ้ม “คุณแม่ครับ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณแม่ด้วยนะครับ หลายวันมานี้ผมสบายดีครับ”
“งั้นก็ดีแล้วๆ!” หม่าหลันถอนหายใจด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็รีบแอบมองไปที่รถแวบหนึ่ง
เพราะเย่เฉินเป็นคนขับรถกลับมา ดังนั้นคงไม่ถือของขวัญไว้ติดตัว ดังนั้นเธอจึงมองไปในรถ เพื่อดูว่ามีของขวัญอะไรที่เตรียมไว้หรือเปล่า
ในขณะนั้นเองเซียวฉางควนผู้เป็นพ่อตาก็เดินออกมาพร้อมกับถือสร้อยลูกปัดไม้จันทน์แดงเส้นหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากในมือ และหัวเราะอย่างดีอกดีใจ “ไอ้หยาเย่เฉินลูกกลับมาแล้วเหรอ งานที่เย่นจิงหลายวันมานี้เป็นยังไงบ้าง?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “พ่อครับ งานของผมราบรื่นดีครับ”
เซียวฉางควนพยักหน้า “ราบรื่นก็ดีแล้ว!”
หม่าหลันเหลือบมองกล่องของขวัญหลายกล่องที่เบาะหลังรถ แต่เพราะกระจกรถติดฟิล์มไว้ จึงมองไม่เห็นว่าตกลงมันคืออะไร เธอจึงถามอย่างเร่งรีบว่า “ไอ้หยาลูกเขยคนดีอะไรวางอยู่ที่เบาะหลังรถเนี่ย? เป็นของขวัญที่ซื้อมาฝากพวกเราใช่ไหม?”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วยิ้ม “ไปเย่นจิงครั้งนี้ ผมได้เตรียมของขวัญให้คุณแม่และคุณพ่อด้วยนะครับ”
“ไอ้หยา!” หม่าหลันก็หน้าชื่นตาบานไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่หยุดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่เป็นลูกเขยคนดีของแม่ แม่คิดถึงลูกตลอดเลยนะ รีบนำออกมาให้แม่ดูหน่อย เร็วเข้าลูกซื้อของขวัญอะไรให้แม่บ้าง!”