เมื่อออกจากสนามบินแล้ว เย่เฉินก็ขับรถ BMW ของเซียวชูหรันโดยส่งต่งรั่งหลินกลับไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงก่อน

ระหว่างทาง เซียวชูหรันยังชวนให้ต่งรั่งหลินไปที่บ้านตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงต่งรั่งหลินก็ไม่เห็นด้วยเลย

แม้จะพูดว่าถ้าไปที่ Tomson Riviera จะสามารถได้ใกล้ชิดกับเย่เฉินมากขึ้น แต่ต่งรั่งหลินก็กลัวหม่าหลันและเซียวฉางควน เพราะถ้าพวกเขาทั้งสองคนนี้ทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาแล้วมันจะทำลายทัศนคติมากเกินไป ซึ่งตัวเธอเองในฐานะคนนอก การยืนดูจากข้างๆ แบบนั้นมันคงจะน่าอายเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น เธอมักจะรู้สึกอยู่ตลอดว่าตระกูลเซียวยังมีระเบิดเวลาอีกด้วย

และระเบิดเวลานั้นก็คือหานเหม่ยฉิงรักแรกของเซียวฉางควน

ขนาดหม่าหลันยังไม่รู้เรื่องของหานเหม่ยฉิงเขายังสามารถทะเลาะกับเซียวฉางควนจนโกลาหมอลหม่านขนาดนี้ยิ่งถ้าเขารู้เรื่องนี้ เกรงว่าเขาจะปะทะกันด้วยกำลังอาวุธโดยตรงที่บ้านเลยก็ว่าได้

ดังนั้น เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่ควรไปหาความอึดอัดใจที่ Tomson Rivieraและเลือกอยู่ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงคงจะดีกว่า

แม้ว่าการพักในโรงแรมตัวคนเดียวจะเงียบเหงาไปหน่อยแต่ก็ยังดีที่มีความเป็นอิสระที่แน่นอน และไม่ถูกจำกัด แม้ว่าจะทำให้ห้องรกแค่ไหน แค่ทิ้งไว้ที่นั่นตอนออกไปข้างนอกตอนเช้าก็พอแล้ว พอกลับมาห้องก็จะถูกเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อยไปเองโดยธรรมชาติ

ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงเธอจึงไม่ยอมไปที่ Tomson Riviera เลย

หลังจากส่งต่งรั่งหลินไปแล้วเย่เฉินและเซียวชูหรันก็กลับบ้านด้วยกันเซียวชูหรันถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เย่เฉิน คุณช่วยดูฮวงจุ้ยให้บ้านคุณกู้เสร็จแล้วหรือยังไง?”

“ดูเสร็จแล้ว” เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พวกเขาทั้งครอบครัวพอใจมากเลยล่ะยังให้คำชมเชยระดับห้าดาวด้วยนะ”

เซียวชูหรันสบายใจขึ้นมาทันทีเธอพูดว่า “แค่พวกเขาพอใจก็ดีแล้ว และเราก็สบายใจกับการได้มาของเงินก้อนนี้ด้วย”

เธอพูดพร้อมกับถามเย่เฉินอีกครั้งว่า “คุณซื้อสินค้าแอร์เมสมาเยอะขนาดนั้น คงไม่ใช่เงินน้อยๆ แน่เลยนะ?”

เย่เฉินพูดตามความจริงว่า “จ่ายไปทั้งหมดประมาณ1 ล้านหยวน”

“อะไรนะ? 1 ล้าน!” เซียวชูหรันรู้สึกมึนไปครู่หนึ่ง แล้วตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า “คุณยอมจ่ายขนาดนั้นไปได้ยังไงกัน…แค่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยก็หมดไปตั้ง 1 ล้านหยวนเลยเหรอ…ค่าครองชีพของครอบครัวเราปีหนึ่งยังไม่ใช้ไม่เยอะถึง 1 ล้านแบบนี้เลยนะ…”

เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “เพราะมันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย จะต้องจ่ายเยอะแบบนี้แหละ”

เย่เฉินพูด พร้อมกับจอดรถลงที่สถานที่จอดรถข้างถนนเขาหยิบกระเป๋าถือหนังจระเข้รุ่นจำนวนจำกัดของแอร์แม็สที่ซื้อมาฝากเซียวชูหรัน จากที่เบาะนั่งด้านหลัง และยื่นไปที่อ้อมแขนของเซียวชูหรัน เขายิ้มพร้อมกับพูดว่า “รีบเปิดดูสิ!”

เซียวชูหรันเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังจากนั้นก็เห็นกระเป๋าที่ทำได้อย่างประณีตและงดงามใบนั้น เธอจึงร้องออกมาด้วยความตกใจว่า “ฝีมือการทำของกระเป๋าใบนี้ดีมากจริงๆ…ยิ่งไปกว่านั้นหนังที่ใช้ทำนี้ก็ไร้ที่ติเช่นกัน กระเป๋าใบนี้คงจ่ายไปไม่น้อยเลยใช่ไหม?”

เย่เฉินพูดว่า “ประเด็นคือกระเป๋าใบนี้ราคาแพง มันกว่าครึ่งล้านเลยนะ..”

“โอ้พระเจ้า… ” เซียวชูหรันพูดอย่างตึงเครียดว่า “กระเป๋าแค่ใบเดียวราคากว่าครึ่งล้านเลยเหรอ? มันแพงมากไปหรือเปล่า!”

เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ที่รักครับ สินค้ารุ่นจำนวนจำกัดของแอร์เมสมันไม่ใช่ถูกๆ เลย แต่คุณไม่ต้องคิดว่าเงินก้อนนี้มันแพงมากหรอก เพราะกระเป๋ารุ่นจำนวนจำกัดของแอร์แม็สนั้นมีค่ามาก แม้แต่ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้ได้อีกนะ กระเป๋าแบบนี้ถ้าถูกขายต่อ อย่างน้อยต้อง 6 แสนถึง 7 แสนหยวน หรือสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ”

เซียวชูหรันกล่าวอย่างกังวลว่า “แต่กระเป๋าใบนี้มันก็แพงเกินไปจริงๆ นะ ฉันจะทำใจยอมใช้มันได้ที่ไหนกันล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของฉันมันก็ไม่สามารถใช้กระเป๋าที่ราคาแพงขนาดนี้ประกอบตัวได้หรอก ถ้าอย่างงั้นคุณก็ขายมันต่อสิ!”

เย่เฉินพูดอย่างเร่งรีบว่า “จะทำอย่างนั้นได้ยังไง! นี่เป็นของขวัญที่ผมเลือกให้คุณเลยนะ ผมจะขายมันได้ที่ไหนกัน?”

ขณะที่พูดไปแบบนั้น เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ที่รักครับ กระเป๋าใบนี้คุณใช้มันได้อย่างสบายใจเลย ถ้าพังแล้ว เราค่อยซื้อใบใหม่ สามีของคุณตอนนี้เป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยในสายตาของข้าราชการระดับสูงแล้ว และในฐานะที่คุณเป็นภรรยาของผม การใช้กระเป๋าใบละใบครึ่งล้านมันจะไปนับประสาอะไรได้? แต่ถ้าคุณไม่ใช้ ไม่แน่ว่าต่อไปคนอื่นเขาจะว่าผมยังไงอาจจะพูดว่า เย่เฉินคนนี้ขี้เหนียวเกินไป หาเงินได้มากขนาดนี้ แม้แต่กระเป๋าดีๆ สักใบยังทำใจซื้อให้ภรรยาไม่ได้!”

เซียวชูหรันเห็นว่าเย่เฉินยืนกรานและพูดก็มีเหตุผลดี เธอจึงถอนหายใจเบาๆ และพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ที่รักคะ งั้นฉันจะฟังคุณขอบคุณมากนะคะ…”

เย่เฉินยิ้มพร้อมกับพูดว่า “จะเกรงใจกับสามีไปทำไมกันล่ะ”