การอุทานของเซียวฉางควน ทำให้เย่เฉินส่ายหัวอย่างจนปัญญา
พ่อตาคนนี้ช่างไม่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อนเลยจริงๆ
การเล่นของคนหัวโบราณคงเล่นได้แค่ของปลอมเท่านั้น และการดื่มชาก็เช่นเดียวกัน
นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สถานะในตระกูลเซี่ยวของเขาตกต่ำอย่างมากเพราะเมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของนายหญิงใหญ่เลย ต่อมาเขาก็ยังคงถูกหม่าหลันบีบคั้นมาอีกหลายปี การใช้ชีวิตของเขาจึงไม่เคยได้ดังใจ และด้านการเงินของเขาก็ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ด้วย
แต่ก็ดีที่อุปนิสัยของเซียวฉางควนนั้นก็ถือว่าไม่เลว ถ้าเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะปลงไม่ตกจนเป็นโรคซึมเศร้าไปนานแล้ว
และในอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ครอบครัวของเย่เฉินกำลังรอชิมชาชั้นเลิศอย่างมีความสุขอยู่นั้น เฉียนหงเย่นอยู่ที่ข้างบ้านในวิลล่าหมายเลข A04 ก็กำลังเตรียมอาหารกลางวันให้กับครอบครัวอยู่ด้วยเช่นกัน
เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยท้องลูกของผู้คุมงานเหมืองถ่านหินดำมาก่อนทั่งยังได้แพร่เชื้อไปให้เซียวฉางเฉียนอีก ดังนั้นเฉียนหงเย่นที่อยู่ในบ้านหลังนี้ จึงถูกบีบคั้นมาโดยตลอด
แต่เนื่องจากอู๋ตงไห่คอยหนุนหลังเธอ ตระกูลเซียวจึงไม่กล้าทำอะไรเธอ
ในตอนแรกนั้น เฉียนหงเย่นยังใช้ทุกวิถีทางประจบนายหญิงใหญ่เซียวและเซียวฉางเฉียน โดยหวังว่าจะสามารถแลกกลับกับการให้อภัยของพวกเขาได้ กระทั่งยังจัดเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อให้เซียวฉางเฉียน และซื้อปูอลาสก้าราคาแพงเพื่อบำรุงร่างกายของเขา แม้ว่าจะเป็นการทำดีประสงค์ร้าย แต่ก็ถือว่ามีความตั้งใจที่จะเลียแข้งเลียขาจริงๆ
แต่ว่า เฉียนหงเย่นก็เห็นว่าตัวเองมักจะสรรเสริญเยินยอด้วยความประจบ แต่คนอื่นกลับไม่เคยสนใจใยดีอะไรเลย ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงไม่อยากทำให้สถานการณ์มันแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
และในช่วงนี้ หลังจากที่บริษัทเซียวซื่อได้รับการลงทุนจากอู๋ตงไห่แล้ว ธุรกิจก็เริ่มต้นขึ้นใหม่ ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของอู๋ตงไห่ ในที่สุดทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติดังนั้นตระกูลเซียวทั้งหมดจึงกลับไปทำงานในบริษัทเซียวซื่อ
นายหญิงใหญ่เซียวยังคงเป็นท่านย่าที่มีอำนาจส่วนเซียวฉางเฉียนรับตำแหน่งเป็นผู้จัดการ และเซียวไห่หลงเป็นผู้จัดการธุรกิจและเซียวเวยเวยเป็นผู้จัดการการตลาด
ครอบครัวสี่คนนี้ จึงเข้างานและเลิกงานด้วยกันทุกวัน ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งเหินห่างไปจากเฉียนหงเย่น
บทบาทของเฉียนหงเย่นของบ้านหลังนี้ ณ ขณะนี้ จึงแทบจะกลายเป็นแม่บ้านของพวกเขาทั้งสี่คนไปแล้วซึ่งเธอก็เอาแต่ทำงานบ้านทุกวัน
ในขณะนั้นเองเธอเพิ่งจะเตรียมอาหารเสร็จ แต่คนในตระกูลเซียวยังไม่ได้กลับมา เธอจึงถอดผ้ากันเปื้อนออก และนั่งเล่นมือถือบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
เมื่อเลื่อนดูโมเมนต์ในวีแชตไปเรื่อยเปื่อย ก็เลื่อนไปเจอหน้าโมเมนต์ของหม่าหลัน ทันทีที่เห็นหม่าหลันอวดแอร์เมสกองหนึ่งในโมเมนต์เฉียนหงเย่นก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจอย่างมาก
“หม่าหลันคนนี้ช่างเป็นคนที่มีเงินหน่อยก็อวดรวยจริงๆ! แอร์เมสแค่ไม่กี่ชิ้นเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรให้น่าอวดบ้าง?”
เฉียนหงเย่นบ่นไปสองสามคำ และแค่ครู่เดียวเฉียนหงเย่นก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา
“หญิงปากร้ายอย่างหม่าหลันนั้น ก็ยังมีลูกเขยที่ดีอย่างเย่เฉินคอยสนับสนุนเธอ แล้วฉันล่ะ? ฉันมีอะไรบ้าง?”
“สามีงั้นเหรอ? ทั้งทุบตีฉัน ดุด่าฉันยังไม่พอ ยังต้องการจะหย่ากับฉันอีก และถ้าไม่ใช่เพราะประธานอู๋ช่วยขวางไว้ ตาแก่คนนี้คงไล่ฉันออกไปตั้งนานแล้ว”
“ส่วนอีแก่นั่นงั้นเหรอ? ยิ่งไม่ใช่คนดีอะไร! อีแก่คนนี้เลวจนไม่สามารถเลวได้อีกแล้วถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนของอู๋ตงไห่อีก เกรงว่าคงจะวางแผนกับเซียวฉางเฉียนทุบตีฉันจนตายแล้ว!”
“เฮ้อ ลูกชายคนนั้นของฉันก็ไม่เอาการเอางานสะเลย ไร้สาระอย่างที่สุดความสามารถอะไรก็ไม่มีเลย วันๆ เอาแต่คุยโม้ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น และไอ้คนแบบนี้ต่อไปคงไม่มีอนาคตอะไรกับเขาแน่นอน และยิ่งพึ่งพาอะไรเขาไม่ได้เลย”
“เวยเวย…เห้อ…ถ้าเวยเวยยังคบกับหวังเหวินเฟยก็คงจะดีมากเลยล่ะ แต่ไม่ว่าจะแย่แค่ไหน การให้เป็นคนรักของเซียวอี้เชียนต่อไปก็ยังดี แต่ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ชื่อเสียงของเธอก็ถูกลือไปทั่วแล้วและอีกหน่อยเธอจะได้แต่งงานหรือเปล่านั้นก็อีกหนึ่งเรื่อง แต่คงยิ่งเป็นคนที่พึ่งพาอะไรไม่ได้..”
“เฮ้อ ทั้งชีวิตนี้ของฉัน ยังมีอะไรให้คาดหวังอะไรได้อีกไหม? แล้วใครจะสามารถซื้อกระเป๋าแอร์เมสให้ฉันได้ล่ะ?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เฉียนหงเย่นก็รู้สึกเป็นทุกข์อีกครั้งและเมื่อนึกถึงความทุกข์ยากเหล่านั้นที่ได้พบเจอมา น้ำตาก็ไหลออกมาในทันที