ตอนที่ 1900 จินตู๋อีหนึ่งเดียวไม่มีสอง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1900 จินตู๋อีหนึ่งเดียวไม่มีสอง
การคัดเลือกรอบที่สอง

จินตู๋อีคืออันดับหนึ่ง!

ความเป็นจริงนี้ก็เหมือนการโจมตีอย่างรุนแรง ทำให้ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น เงียบสนิทหาใดเปรียบ

พอลู่ตู๋ปู้คิดถึงตอนแรกที่นึกว่าการปรากฏตัวของตนต้องมีหมื่นสายตาจับจ้อง ใบหน้าก็ร้อนผ่าว อึดอัดสุดจะทน

ในใจของอู่หวงก็พลันอึดอัดเช่นกัน เมื่อครู่เขายังหัวเราะเยาะลู่ตู๋ปู้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายตนจะกลายเป็นตัวตลก…

เวลานี้ทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกว่าอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้

ขายหน้าเกินไปแล้ว!

ภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้องกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากแพร่กระจายออกไปจะให้พวกเขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“แค่การคัดเลือกรอบที่สองเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องท้อถอย รอถึงการคัดเลือกรอบที่สามค่อยเอาชนะจินตู๋อีนี่ก็ได้”

นักพรตหลันกล่าวปลอบประโลมด้วยเสียงอบอุ่น

เหิงเซียวกล่าวอย่างไม่พอใจทันที “เอาชนะจินตู๋อีรึ นักพรตหลัน ทำไมเจ้าถึงความจำสั้นเช่นนี้”

เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะถกเถียงกันอีกครั้ง ในตอนนี้เอง ณ ที่นั้นพลันเกิดความโกลาหล

ก็เห็นร่างของหลินสวินเดินออกมาจากเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า ทันทีที่ปรากฏตัวก็ดึงดูดทุกสายตาที่อยู่ตรงนั้น

สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนต่างซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

บ้างตื่นตะลึง บ้างทอดถอนใจ บ้างใคร่รู้ และบ้างชื่นชมจากใจ…

ชายหนุ่มที่ดูไม่ลึกลับซับซ้อนคนนี้ ก่อเรื่องฮือฮาที่ดึงดูดสายตามากเกินไปแล้ว

ในการคัดเลือกรอบแรก เขาเหมือนม้ามืดตัวหนึ่งที่พุ่งทะยาน กระโจนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิง

ทั้งสร้างสถิติชนะติดต่อกันเก้าสิบเก้าครั้งออกมา เป็นหนึ่งเดียวไม่มีสอง!

และตอนนี้เขายังเป็นคนแรกที่ทะลวงฝ่าเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าเก้าชั้น กลายเป็นอันดับหนึ่งในการคัดเลือกรอบที่สอง

พวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูและซูมู่หานที่ฝีมือเลิศล้ำอัศจรรย์ ล้วนถูกเขาสลัดทิ้งไว้เบื้องหลัง

แม้แต่บุคคลแห่งยุคอย่างลู่ตู๋ปู้และอู่หวง สุดท้ายก็ยังเป็นได้แค่ตัวประกอบ!

สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อผลของการคัดเลือกรอบที่สองกระจายออกไป ทั้งแคว้นเมฆาต้องสั่นสะเทือนด้วยเรื่องนี้แน่ พาให้โกลาหลกันไปหมด!

ถึงอย่างไรพอเปรียบเทียบกับลู่ตู๋ปู้แล้ว ในอดีตชื่อจินตู๋อีนี้… ก็แทบไม่เป็นที่รู้จัก ความปั่นป่วนที่จะเกิดขึ้นต้องไม่ธรรมดาแน่

“เจ้าหนุ่ม ความสามารถที่เจ้าแสดงออกมาก่อนหน้านี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทำให้คนแก่อย่างพวกเราได้เปิดโลกทัศน์ แต่เจ้าต้องระวังหน่อย การคัดเลือกรอบที่สามเป็นการปะทะซึ่งหน้าแบบหนึ่งต่อหนึ่ง จะก้าวขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้หรือไม่ ตัวแปรมีมากนัก”

ก้วนซวีกล่าวเจือรอยยิ้ม ไม่ปิดบังแววชื่นชมของตนแม้แต่น้อย

“จากที่ข้าดู สหายน้อยคนนี้น่าจะก้าวขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้ไม่ยาก”

“ไม่ผิด ข้ากลับเฝ้ารอดูความสามารถที่จะเผยออกมาในการต่อสู้ซึ่งหน้าของเขาอย่างมาก เชื่อว่าต้องไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่”

ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็เปิดปากพูดกันไม่หยุด ต่างเจือความปรารถนาดีไม่มากก็น้อย

หลินสวินประสานมือ “ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านที่ชี้แนะ”

พอเห็นทุกอย่างนี้ ในใจของลู่ตู๋ปู้และอู่หวงต่างไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิมแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่อันดับหนึ่งจะได้รับ

น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นของพวกเขา

ตามเวลาที่ล่วงเลย ทยอยมีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเดินออกมาจากเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า

เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู ซูมู่หาน หยวนเหอ…

โหยวเทียนซิง เฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ จินเทียนเสวียนเยวี่ย… ก็ก้าวตามออกมาติดๆ ทีละคน

เมื่อรู้ว่าคนแรกที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่สองไม่ใช่ทั้งลู่ตู๋ปู้หรืออู่หวง พวกที่เรียกได้ว่าเป็นยอดบุคคลในหมู่คนรุ่นเดียวกันนี้ไม่มีใครไม่ตกใจ

และเมื่อรู้ว่าอันดับหนึ่งคือหลินสวิน พวกเขาก็รู้สึกตะลึงและคาดไม่ถึงยิ่งกว่าเดิม

โดยเฉพาะเฮ่อเหลียนฉีที่เกลียดชังหลินสวิน ลูกตาแทบปลิ้นออกมา เปลี่ยนเป็นหน้าตื่นหาใดเปรียบ

มีเพียงจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่สงบนิ่งที่สุด และมีเพียงนางที่รู้ดีว่าเบื้องลึกของหลินสวินน่ากลัวระดับใด

กระทั่งเวลาหนึ่งก้านธูปปิดฉากลง มีผู้ผ่านการคัดเลือกรอบที่สองทั้งสิ้นสี่สิบเก้าคน

ภายในนั้นเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเจ็ดสำนักใหญ่เสียส่วนมาก ผู้แข็งแกร่งที่มาจากสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่กลับค่อนข้างน้อยอย่างเห็นได้ชัด

อย่างกู่เจี้ยนสิงที่ถูกเลือกมาจากเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิงพร้อมหลินสวิน ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในด้านมรรคกระบี่ แต่สุดท้ายก็ยังถูกคัดออก!

เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งอย่างกู่เจี้ยนสิงสุดท้ายหยุดอยู่ที่การคัดเลือกรอบที่สอง ก็ก่อให้เกิดเสียงถอนใจและเสียดายขึ้นในที่นั้นมากมายเช่นกัน

นี่ก็คือการต่อสู้มหามรรค ในหมู่ยอดฝีมือย่อมมีผู้เหนือกว่า สุดท้ายศึกถกมรรคแคว้นเมฆาก็จะเลือกออกมาแค่สิบคน เป็นตัวแทนแคว้นเมฆาไปเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่จัดโดยหกเรือนมรรคใหญ่

แค่คิดก็รู้แล้วว่าการแข่งขันจะเหี้ยมโหดระดับใด

เท่านี้ก็คาดเดาได้แล้วว่า ต่อให้ตอนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่สอง แต่ในการคัดเลือกรอบที่สามก็ยังมีอีกสามสิบเก้าคนที่จะถูกคัดออก!

สำหรับทุกอย่างนี้หลินสวินไม่ถึงขั้นกังวล ตั้งแต่ก้าวออกมาจากเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า เขาก็ศึกษาและหยั่งรู้นัยเร้นลับของกายมรรคเพลิงแดงอยู่ตลอด ไม่สนใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยรอบ

แกร๊ง!

เสียงระฆังเรียบง่ายลุ่มลึกดังขึ้น กังวานเหนือเวทีหยกที่ตั้งอยู่เหนือยอดเขาเซียนยุทธ์นี้ ประกาศว่าการคัดเลือกรอบที่สองปิดฉากลงแล้ว

ตอนนี้ผู้ที่เข้าร่วมการคัดเลือกเก้าร้อยกว่าคน มีแค่สี่สิบเก้าคนที่ทำสำเร็จ คนอื่นล้วนถูกคัดออก ฉากจบมืดมน

บนเวทีหยก หลินสวินและคนอื่นๆ อีกสี่สิบเก้าคนยืนเรียงตามลำดับ ในจุดที่อยู่ห่างจากพวกเขาไป สายตาของก้วนซวีและผู้ยิ่งใหญ่มากมายต่างจับจ้องมาที่พวกเขาพร้อมกัน

บรรยากาศเคร่งขรึม

“การคัดเลือกรอบที่สามจะใช้วิธีต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง”

ก้วนซวีกล่าวเสียงขรึม “ก่อนการคัดเลือกจะจับฉลาก ภายในนั้นจะมีฉลากโชคดีชิ้นหนึ่ง ผู้ที่จับได้ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ก็เข้าไปสู่การแข่งขันรอบต่อไปได้”

เขาพูดพลางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กล่องสำริดใบหนึ่งปรากฏออกมา

“ฉลากหยกอยู่ในนี้ บนฉลากหยกทุกชิ้นล้วนเขียนชื่อของคู่ต่อสู้ที่ต้องประลองไว้ ตอนนี้ให้จินตู๋อีเริ่มจับฉลากได้”

ยามสิ้นเสียง ภายใต้สายตาที่จ้องมองของผู้คน หลินสวินก้าวมาข้างหน้าแล้วเริ่มจับฉลาก

กล่องสำริดนี้ปกคลุมด้วยผนึกลึกลับ ตัดขาดการสัมผัสของจิตรับรู้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะตัดโอกาสในการโกงไปได้

หลินสวินหยิบฉลากหยกชิ้นหนึ่งออกมาลวกๆ พอดูคร่าวๆ แล้วมุมปากก็ปรากฏแววประหลาดวูบหนึ่ง

เฮ่อเหลียนฉี!

บังเอิญจริง…

เขาส่งฉลากหยกให้ก้วนซวี เมื่อก้วนซวีบอกว่าการประลองรอบแรกจะเป็นการต่อสู้ของจินตู๋อีและเฮ่อเหลียนฉี หลายคนต่างอดส่ายหัวไม่ได้

เฮ่อเหลียนฉี?

ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของจินตู๋อีได้

ต้องรู้ว่าในหอประชันภูมิเมื่อคืนวาน เฮ่อเหลียนฉีก็ถูกจินตู๋อีกำราบในหนึ่งกระบวนท่า เรื่องนี้ใครไม่รู้บ้าง

สีหน้าของเฮ่อเหลียนฉียามนี้ สามารถใช้คำว่าดำราวก้นหม้อมาบรรยาย ทั้งร่างนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ในใจเหมือนมีหมื่นอาชาตะบึงผ่าน คับข้องใจจนเกือบกระอักเลือด

นี่มัน…

จะซวยเกินไปแล้ว!

“พี่เหลียนฉี ข้าเฝ้ารอที่จะได้สู้กับเจ้ายิ่งนัก”

หลินสวินยิ้มกล่าว

เฮ่อเหลียนฉีกัดฟันเกือบแตก กล่าวอย่างเย็นชา “จินตู๋อี เจ้าอย่าย่ามใจไป แพ้หรือชนะสู้แล้วจึงจะรู้!”

ทว่าในใจเขากลับประหม่า ไม่มีความมั่นใจสักนิด…

จากนั้นทุกคนก็ก้าวออกมาจับฉลากทีละคน

เมื่อผลการจับฉลากประกาศออกมาทีละชื่อ ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และแตกตื่นไม่น้อย

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ จินเทียนเสวียนเยวี่ยจับได้ฉลากโชคดี ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ก็เข้าสู่การคัดเลือกรอบต่อไป สิ่งนี้ดึงดูดสายตาอิจฉานับไม่ถ้วน

แต่ไหนแต่ไรฟ้าดินย่อมส่งเสริม ลิขิตชะตาวีรชนโดยไม่รู้ตัว

บางทีโชคก็เป็นศักยภาพอย่างหนึ่ง!

“ทะยาน!”

หลังจากได้ผลจับฉลากออกมา สองมือของก้วนซวีก็ทำมุทรา ตามหลังเสียงกัมปนาท บนเวทีหยกที่กว้างใหญ่นี้ปรากฏสนามประลองเก่าแก่แห่งหนึ่ง!

สนามประลองลอยอยู่กลางอากาศ หล่อจากหินเก่าแก่สีน้ำตาลอมเทา บนนั้นเปื้อนรอยเลือด แผ่กลิ่นอายสังหารราวกับจะถาโถมเข้าใส่

“การคัดเลือกรอบที่สามนี้ ในการต่อสู้ครั้งแรก สุดท้ายจะมีผู้ชนะยี่สิบสี่คนเข้าสู่การต่อสู้ครั้งต่อไปพร้อมกับผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่จับฉลากโชคดีได้”

“ตอนนี้เริ่มการประลองยกแรกได้!”

ก้วนซวีสีหน้าเคร่งขรึม ประกาศเสียงกร้าว

…………………………..