ซูโสว่เต้าที่อยู่ด้านหนึ่งขมวดคิ้วและถามเขา “จือเฟย ลูกมีความคิดเกี่ยวกับยัยหนูกู้ชิวอี๋คนนั้น?”
“ไม่ใช่นะครับพ่อ…” ซูจือเฟยรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ผมก็แค่ชื่นชมเธออย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นเอง”
ซูโสว่เต้าพยักหน้า เขาชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากว่า “ยัยหนูตระกูลกู้คนนั้นไม่เลวเลย ถ้าหากลูกชอบเธอจริงๆ พ่อก็ไม่มีความเห็นอะไร กลัวก็แต่ปู่ของลูกจะดูถูกตระกูลกู้ แบบนั้นก็ยุ่งยากแล้ว…”
เมื่อได้ยินดังนี้ ซูจือเฟยก็ดีใจและเอ่ยปากถามว่า “พ่อ คุณไม่มีความเห็นจริงๆ เหรอ?”
ซูจือหยูโพล่งออกมา “พี่ นี่นายโง่หรือไง? ฟังไม่ออกหรือไงว่าพ่อจงใจหลอกนาย?”
“หา?!” ซูจือเฟยตื่นตระหนกและรีบมองไปที่ซูโสว่เต้าทันที “พ่อ นี่พ่อหมายความว่ายังไงกันแน่?”
ซูโสว่เต้าถอนหายใจ จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจัง “จือเฟยเอ๋ย นายฉลาดไม่เท่าน้องสาวจริงๆ!”
ซูจือเฟยรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที
ซูโสว่เต้าสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เขาเอ่ย” ลูกเป็นหลานชายคนโตของตระกูลซูและเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามของตระกูลซูในอนาคต นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของตระกูลกู้เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลซูแล้วยังไม่เพียงพอจริงๆ คุณปู่ของลูกไม่มีวันยอมตกลงแน่ พ่อเองก็ไม่เห็นด้วย ลูกอย่าลืมว่า หญิงสาวตระกูลกู้คนนั้นหมั้นกับลูกชายของเย่ฉางอิงตั้งแต่ยังเด็ก พ่อกับเย่ฉางอิงขัดแย้งกัน ดังนั้นพ่อไม่มีทางปล่อยให้ลูกแต่งงานกับยัยหนูตระกูลกู้คนนั้นแน่!”
ซูจือเฟยถอนหายใจและเอ่ย “พ่อ นั่นมันเรื่องตั้งแต่ตอนไหนกันแล้ว นี่มันเรื่องนมนานมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ลูกชายของเย่ฉางอิงก็หายตัวไปนานหลายปีแล้วไม่ใช่หรือครับ?”
ซูโสว่เต้ามองมาที่เขาและพูดอย่างจริงจัง “วางเรื่องนี้ไว้ก่อน ปู่ของลูกเคยคุยเรื่องการแต่งงานของลูกกับพ่อมาแล้ว เขาหวังว่าหลังจากตระกูลซูเสร็จสิ้นการเข้าสู่การเป็นสากลแล้ว ก็จะให้ลูกแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลชั้นนำในสหรัฐอเมริกา แบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการขยายกิจการในต่างประเทศของพวกเรา หากพูดถึงในประเทศแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนคู่ควรกับลูกจริงๆ”
ซูจือเฟยกังวลอยู่บ้าง เขาโพล่งออกมา “พ่อ ผมไม่ชอบผู้หญิงอเมริกัน…”
ซูโสว่เต้าเอ่ยอย่างจริงจัง “เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคำว่าชอบ มีแค่คำว่าคู่ควรเหมาะสมสี่คำเท่านั้น เข้าใจไหม?”
ซูจือเฟยรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
ในเวลานี้ ซูจือหยูที่อยู่ด้านหนึ่งเอ่ยเตือนขึ้นมา “พ่อ หนูขอพูดไว้ก่อนเลย พวกคุณจะจัดการเรื่องของพี่ชายยังไงหนูไม่สน แต่ว่าในอนาคตไม่มีใครทั้งนั้นที่ได้รับอนุญาตเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของหนู!”
ซูจือเฟยเอ่ยขึ้น “นี่ ซูจือหยู! นี่เธอขายพี่ชายแบบนี้เลยหรือไง?”
“เปล่านี่” ซูจือหยูพูดอย่างใจเย็น “สถานการณ์ของพวกเราต่างกันออกไป หากฉันพบผู้ชายที่ทำให้ฉันหวั่นไหว ฉันก็จะแต่งงานออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลซูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน ในอนาคตฉันจะให้กำเนิดบุตรแก่สามีของฉัน และลูกที่ให้กำเนิดก็ไม่ได้ใช้แซ่ซู แต่ว่านายแตกต่างกันออกไป นายยังต้องส่งต่อผู้สืบทอดให้แก่ตระกูลซู”
ซูจือเฟยพูดไม่ออกทันที สีหน้าของเขาหดหู่อย่างมาก
ซูโสว่เต้ามองซูจือหยูอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ก่อนที่ลูกจะหาคู่ครอง ก็ต้องมองหาคนที่คู่ควรเหมาะสมเท่านั้นถึงจะได้เช่นกัน!”
ซูจือหยูโบกมือ “คู่ควรเหมาะสมอะไรกัน ไม่มีทั้งนั้น หากหนูชอบใครก็คนนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นพระเจ้าหรือพ่อค้าหาบเร่ก็ได้ทั้งนั้น”
“ไร้สาระ!” ซูโสว่เต้าพูดอย่างโมโห “หากเป็นพวกยาจกจริงๆ ลูกจะเอาอะไรมารับประกันความสุขในชีวิตนี้?”
ซูจือหยูเบ้ปาก “หนูไม่เชื่อหรอก หนูเป็นถึงคุณหนูตระกูลซู จะเลี้ยงดูยาจกสักคนไม่ไหวหรือไง?”