ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแก๊งอันธพาล ในสังคมของประเทศนี้ มีแก๊งอันธพาลอยู่ทุกประเภท

ดาราภาพยนตร์ชื่อดังอย่างแจ็กกี ชานเคยแสดงในภาพยนตร์ที่ชื่อว่า ใหญ่แค้นเลือด เรื่องราวในหนังก็เกี่ยวกับแก๊งญี่ปุ่น

ในประเทศญี่ปุ่น ทีมยามากุจิ และแก๊งอินางาวะ แน่นอนว่าย่อมอยู่ในด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารเป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ในบางเมืองและบางเขต ล้วนมีกลุ่มแก๊งเล็กๆอยู่

กลุ่มแก๊งพวกนี้ ปกติล้วนชอบเรียกตัวเองว่า สมาคมไฮกิงบุงเกียว

สิ่งที่สมาคมไฮกิงบุงเกียวเหล่านี้ชอบทำมากที่สุดก็คือการบิดมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องเสียงดัง และนำอาวุธเย็นทุกชนิดมาสู้กับผู้คนตามท้องถนน

แน่นอนว่า โดยส่วนใหญ่แล้วมักเป็นพวกกลัวไม้แข็งข่มไม้อ่อน ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น

หญิงสาวชาวจีนที่ดีดกีตาร์ร้องเพลงคนนั้น เมื่อเห็นพวกสมาคมไฮกิงบุงเกียวหลายคนกำลังเข้ามาหาเรื่องตนก็ตกใจกลัวและรีบอ้อนวอน “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จริงๆว่านี่คือถิ่นของพวกคุณ คราวหน้าฉันจะไม่มาอีกแล้ว ได้โปรดช่วยละเว้นฉันสักครั้ง”

“ไม่มาแล้ว?” คนที่คว้ากีตาร์ของหญิงสาวไปตะคอกขึ้นมา “ถ้าทุกคนที่ทำผิดกฎแล้วแค่เอ่ยว่าครั้งหน้าไม่มาแล้วก็หนีไปได้ อย่างนั้นพวกเราสมาคมไฮกิงบุงเกียวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

หญิงสาวชาวจีนถามอย่างลนลาน “ถ้า…อย่างนั้นต้องทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไป?”

สมาคมไฮกิงบุงเกียวเหลือบมองที่เงินสดในกล่องกีตาร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอ เห็นได้ชัดว่า ในนั้นมีเงินอยู่อย่างน้อย 100,000 เยน ซึ่งสำหรับสมาคมไฮกิงบุงเกียวที่ว่างมากพวกนี้แล้ว มันเป็นความมั่งคั่งมากเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะใช้ไปอีกวันสองวัน

ดังนั้น เขาจึงเอ่ยเยาะเย้ย “คิดให้พวกเราปล่อยเธอไปนั้นง่ายมาก ก็แค่ทิ้งกีตาร์ไว้กับเงิน!”

หญิงสาวชาวจีนกัดริมฝีปากของเธอและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหลั่งน้ำตาและพูดว่า “ได้…กีตาร์กับเงินทั้งหมดนี้พวกคุณ…”

สมาคมไฮกิงบุงเกียวอีกกลุ่มรีบเอื้อมมือออกไปคว้าเงินทั้งหมดทันทีและยัดใส่กระเป๋าอย่างโลภมาก จาหนั้นจึงขยิบตาให้คนอื่น ๆ แล้วพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย วันนี้มีที่พึ่งแล้ว! ไปบาร์เสพสุขกันสักคืน!

หญิงสาวชาวจีนเอ่ยถามอย่างสะอึกสะอื้น “ฉันไปได้แล้วหรือยัง?”

สมาคมไฮกิงบุงเกียวที่ถือเอากีตาร์ไปมองไปที่หญิงสาวอย่างประเมินก่อนจะพูดด้วยใบหน้าลามกว่า “อย่าเพิ่งไป! เธอหน้าตาไม่เลว เอาแบบนี้แล้วกัน เธอถือกีตาร์ของเธอแล้วร้องเพลงญี่ปุ่นให้พวกพี่ชายฟังหน่อยสักเพลง จากนั้นก็ตามไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายในบาร์สนุกกันสักคืน!”

“ไม่เอา!” หญิงสาวชาวจีนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวจากนั้นจึงหมุนตัวคิดจะหลบหนี

คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ชายคนนั้นก็รีบพุ่งเข้ามาและคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เขาเอ่ยเยาะ “คิดจะหนี? ไม่รู้จักซะบ้างว่าฉันโอนิซึกะ ดันมะเป็นใคร!”

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่โอนิซึกะ ดันมะก็รีบตะคอกขึ้นมาดังลั่นทันที “มองหาอะไร? เรื่องของสมาคมไฮกิงบุงเกียว ใครไม่กลัวตายก็ลองยืนนิ่งๆดู!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา บรรดาคนผ่านทางที่มองดูก็รีบกระจัดกระจายออกไปในทันที

สังคมญี่ปุ่น มองดูแล้วเหมือนจะสุภาพอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงลึกๆของทุกคนล้วนเฉยชาไม่แยแส

ความเฉยชานี้ ก็คือความสุภาพบนเปลือกหน้า แต่ภายในใจกลับหลบหลีกหวาดกลัว

ไม่มีใครอยากสร้างปัญหาให้คนอื่น อีกทั้งยังไม่อยากให้คนอื่นมาสร้างปัญหาให้ตัวเอง

ดังนั้น ในเวลานี้ย่อมไม่มีใครยินดีที่จะทำตัวเป็นผู้กล้า

ขณะที่โอนิซึกะ ดันมะที่เห็นว่าทุกคนหลบเลี่ยงออกไปก็กำลังได้ใจ จู่ๆก็น้ำเสียงที่มืดมนดังขึ้นในหูของเขา

“ปล่อยเธอไป!”

โอนิซึกะ ดันมะหันกลับมาตามเสียงทันที และเห็นว่าเป็นผู้ชายที่เพิ่งมอบเงินให้หญิงสาวไป 100,000 เยนคนนั้น เขาก็เยาะเย้ยขึ้น “ไอ้เวรเอ๊ย! นี่แกยังคิดอยากทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยสาวงามอยู่อีก?! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นคนของสมาคมไฮกิงบุงเกียว!”

เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจว่านายอยู่สมาคมอะไร ถ้านายยังไม่ปล่อยเธอไปอีก ก็น้อมรับผลที่ตามมาซะ!”