โอนิซึกะ ดันมะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกหลายทีก่อนจะกัดฟันเอ่ย “ในเมื่อแกไม่เห็นสมาคมไฮกิงบุงเกียวอยู่ในสายตา ไอ้หนุ่ม วันนี้แกตายแน่!”
หญิงสาวคนนั้นตกใจมาก เธอรีบร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว “คุณรีบไปเถอะค่ะ! พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกของสมาคมไฮกิงบุงเกียว! สมาคมไฮกิงบุงเกียวเป็นองค์กรความรุนแรงที่ใหญ่ที่สุดในเขตไฮกิง คุณไปหาเรื่องพวกเขาไม่ได้!”
เย่เฉินแตะจมูกของตน เขามองไปที่ โอนิซึกะ ดันมะอย่างยิ้มๆและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าในโตเกียวมี 23 เขต หรือนี่จะบอกว่า องค์กรที่คล้ายสมาคมไฮกิงบุงเกียวของพวกนาย ทั่วทั้งโตเกียวมีอย่างน้อย 23 องค์กรงั้นหรือ?”
โอนิซึกะ ดันมะเอ่ยถามอย่างโมโห “แล้วไง? พวกเราสมาคมไฮกิงบุงเกียว อยู่หนึ่งในห้าอันดับแรกของโตเกียว! นายหาเรื่องไหวหรือไง?”
เย่เฉินแค่นยิ้ม “หาเรื่องได้หรือไม่ได้ ก็ต้องหาเรื่องก่อนแล้วถึงจะรู้!”
“ไอ้เวรเอ๊ย!” สมาคมไฮกิงบุงเกียวอีกกลุ่มหนึ่งตะโกนอย่างโกรธจัด “ไอ้หนุ่ม แกมันอวดดีเกินไปแล้ว!”
โอนิซึกะ ดันมะส่งสายตาให้คนเหล่านั้นและตะโกนขึ้น “จัดการมันซะ!”
ทันทีที่คนอื่นๆ ได้ยิน ก็หยิบแท่งเหล็กที่มีความยาวเท่าท่อนแขนเล็กๆ ออกมาจากเอวทันที จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปหาเย่เฉิน
คนเหล่านี้ ล้วนเป็นแค่พวกอันธพาลทั่วไปทั้งหมด ความแข็งแกร่งของพวกเขาในสายตาของเย่เฉินแล้วเกือบจะเท่ากับศูนย์
ดังนั้น ต่อให้คนจำนวนมากขนาดนี้พุ่งเข้าใส่เขา เขาก็ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวที่ถูกโอนิซึกะ ดันมะจับเอาไว้แน่นก็ตะโกนว่า “คุณคะ ระวัง! รีบวิ่งหนีไป!”
“วิ่งหนี?” เย่เฉินหัวเราะ “บุรุษชาวจีนทั้งแท่ง จะวิ่งหนีไปได้ยังไง?”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันใด
จากนั้น คนทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาหาเขาจู่ๆก็รู้สึกว่าดวงตาพร่ามัวขึ้นมา พวกเขารู้สึกแค่ว่าขาขวาของเย่เฉินดูเหมือนจะเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมากและเตะขาทั้งสี่ลงในคราวเดียว
ยังไม่รอให้พวกเขาได้ทันมองเห็นร่างของเย่เฉิน ท้องของพวกเขาก็ถูกกระแทกด้วยแรงอันมหาศาล คนทั้งสี่ถูกเย่เฉินเตะเข้าที่หน้าท้อง จนทั้งหมดสูญเสียความควบคุมและบินกระเด็นออกไปในท่าพาราโบล่าทันทีก่อนจะตกลงในพื้นที่สีเขียวริมถนน
แม้ว่าเย่เฉินจะจงใจเก็บพลังที่เท้าส่วนใหญ่ขึ้นมาแล้ว เนื่องจากไม่ต้องการเอาชีวิตพวกเขาโดยตรง แต่คนทั้งสี่ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาตกลงไปในพื้นที่สีเขียวทีละคนๆและไม่สามารถลุกขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าโดนเตะจนสูญเสียชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง
โอนิซึกะ ดันมะ และหญิงสาวที่ถูกเขาจับเอาไว้ล้วนตกตะลึงไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอนิซึกะ ดันมะ
เขาไม่เคยคิดฝันว่าเย่เฉินจะมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ทันทีที่ชายสี่คนพุ่งเข้าไปก็ถูกเตะกระเด็นทันที นี่เขาดันเตะเจอแผ่นเหล็กเข้าให้แล้วใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็รีบหยิบกริชเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นจึงเล็งไปที่คอของหญิงสาวและขู่อย่างลนลาน “แกแกแก… แกอย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ!”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้านายปล่อยเธอไปตอนนี้ ฉันจะไม่ทุบตีและไม่ดุด่านาย”
เมื่อโอนิซึกะ ดันมะ ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาก็ฉายความยินดีที่ยังเหลือทางรอดขึ้นมา
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยถามเย่เฉินว่าที่พูดมาจริงหรือไม่
ก็ได้ยินเย่เฉินกล่าวต่อขึ้นมาก่อน “ฉันแค่ต้องการแขนขวาเพียงข้างเดียวของนายเป็นการลงโทษ แบบนี้ภายหลังนายก็ยังเหลือแขนอีกข้างได้ใช้ในอนาคต”
“อะไรนะ?!” โอนิซึกะ ดันมะแทบทรุดไปทั้งร่างทันที
ไม่ตีฉัน ไม่ด่าฉัน “แค่” ต้องการแขนข้างขวาของฉัน?!
นี่แกเป็นปีศาจหรือไง!
ในเวลานี้ เย่เฉินยังคงพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ฉันให้โอกาสนายแล้ว แต่ถ้านายยังคงดื้อรั้น อย่างนั้นฉันก็จะหักแขนทั้งสองข้างของนายทิ้งซะ ให้ต่อจากนี้ไปแม้แต่ความสามารถจะเข้าห้องน้ำเช็ดก้นตูดของนายก็ไม่มี! ฉันจะนับแค่สามวินาที นายคิดเอาเอง!”