ตอนที่ 3642

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3642 : ว่านเทพลายมังกร

 

“หม?”

 

พอเห็นต้วนหลิงเทียนส่งลูกแก้ววิญญาณกลับมา สีหน้าถูเฟิงก็มืดลงทันใด สองตายังเผยประกายเยียบเย็น เรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “ต้วนหลิงเทียน เจ้าไม่ไว้หน้าข้าถูเฟิง? หรือที่เท้าเจ้าไม่ไว้หน้าอาจารย์ของข้า?”

 

“หากเจ้าคิดแบบนั้น ข้าเองก็ช่วยไม่ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ พลางมองถูเฟิงด้วยสีหน้าแววตาสงบ กล่าวคําด้วยน้ําเสียงไร้อารมณ์ “ชีวิตข้าต้วนหลิงเทียน ข้าต้วนหลิงเทียนตัดสินใจเองได้ ไม่จําเป็นต้องให้ใครมาก่าหนด”

 

“ไอ้หนู หรือเจ้าคิดจริงๆว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้า?”

 

ถเฟิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเย็นชาท่าทางเอาเรื่อง เสียงกล่าวถามยังยะเยือกปานจะแช่แข็งผู้คน

 

ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังทําลายล้างอันน่าหวาดหวันขุมหนึ่งก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างของมัน เห็นได้ชัดว่ากฏที่ถูเฟิงผู้นี้ช่าชองก็คือกฎทําลายล้าง

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากพิจารณาจากกลิ่นอายพลังเทพของถูเฟิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังเทพของมันหาได้ง่ายดาย เหมือนพลังเทพของตัวตนขอบเขตเทพไม่ แต่สมควรเป็นกลิ่นอายพลังระดับราชาเทพ

 

ถูเฟิง ศิษย์สายในคนโตของอาวุโส 2 นิกายหมอกเร้นลับคนนี้ เป็นราชาเทพขั้นต่ําที่ยังมีอายุไม่ถึง 10,000 ปี ถือได้ว่าในบรรดาชนรุ่นหลังของนิกายหมอกเร้นลับ แม้มันจะไม่ได้เป็นผู้ที่มีอัจฉริยะภาพสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ําทราม และถือว่าอยยู่ในระดับแนวหน้าเลยทีเดียว

 

“อะไร? หรือเจ้ากล้าลงมือในเขตสถานศึกษาหมอกเร้นลับ?”

 

พอเห็นว่าถูเพิ่งเริ่มเร่งเร้าพลังขึ้นมาทั่วร่าง มุมปากต้วนหลิงเทียนก็เริ่มยกยิ้มเย้ยหยัน ในแววตาไม่มีแม้แต่เสี้ยวเศษความกลัวใดๆ

 

เขาย่อมเข้าใจกฎของสถานศึกษาหมอกเร้นลับชัดเจน

 

หากคนนอกหาญกล้าลงมือก่อการอะไรในเขตสถานศึกษาล่ะก็ จะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องลงมือทําร้ายนักศึกษาเลย

 

ศิษย์ของนิกายหมอกเร้นลับอาจได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสถานศึกษาจริง แต่ถ้าพวกมันกล้าลงมือทําร้ายนักศึกษาโดยพละการล่ะก็ โทษคือตายสถานเดียว!

 

“ศิษย์พี่!”

 

พอเห็นถูเพิ่งเริ่มเร่งเร้าพลังขึ้นมาด้วยท่าที่ดุร้ายคล้ายจะลงมือเพราะโทสะ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทาที่ลอ ยอยู่ด้านหลัง ก็เร่งห้ามปรามขึ้นมาทันที

 

ขณะเดียวกันชายหนุ่มชุดเทายังเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหามันว่า “กฎของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเข้มงวดนัก ถึงแม้ศิษย์นิกายหมอกเร้นลับอย่างพวกเราจะมีสิทธิ์เข้ามาที่นี้ แต่หากกล้ลงมือทําร้ายคนในเขตสถานศึกษาโดยพละการ จะถูกฆ่าทิ้งอย่างไร้ปราณี…ในอดีตก็มีศิษย์สายในไม่น้อยที่ตกตายเพราะไม่สนใจกฏเหล่า

 

“หนึ่งในนั้นยังเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่อีกด้วย”

 

“ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น รองประมุขได้ลงมือประหารศิษย์ที่ท่าผิดกฏผู้นั้นด้วยตัวเอง และไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสใหญ่จะไม่มีโทสะเท่านั้น แต่ยังต้องมาขอขมารองประมุขด้วยตัวเอง…”

 

รองประมุขที่ชายหนุ่มชุดเทาผู้นี้กล่าวถึง ก็คือมู่หรงสุยเฟิงที่ไม่เพียงจะมีตําแหน่งเป็นคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับเท่านั้น แต่ยังมีตําแหน่งเป็นถึงรองประมุขนิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่ง…

 

พอได้ยินเสียงผ่านพลังกล่าวเตือน พลังทั่วร่างที่ถูเฟิงเร่งเร้าขึ้นมาก็เริ่มหดหายกลับไปทันที อย่างไรก็ตาม สายตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนยังคงเยียบเย็นไม่เปลี่ยน “ต้วนหลิงเทียน สักวันเจ้าก็ต้องเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ…ถึงตอนนั้นข้าจักมาคิดบัญชีเรื่องในวันนี้กับเจ้า!”

 

“แน่นอนว่าก่อนอื่นเลย…เจ้าต้องรอดชีวิตอยู่จนถึงวันที่จะเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับเสียก่อน!”

 

กล่าวถึงประโยคนี้ มุมปากของกูเฟิงก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา

 

ภูเฟิงเองก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนล่วงเกินตระกูลจังที่เป็นตระกูลระดับราชาเทพของเมืองวายุสวรรค์มาแล้ว และเท่าที่มันรู้จัก ตระกูลจังนั่นเกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆแน่นอน

 

เผลอๆต้วนหลิงเทียนคนนี้อาจจะตกตายก่อนจะมีอายุถึงเกณฑ์เข้านิกายหมอกเร้นลับด้วยซ้ํา

 

ต้วนหลิงเทียนมองถูเฟิงจากไปอย่างสงบ ใบหน้าไร้ซึ่งความยินดียินร้ายใดๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจคําพูดของอีกฝ่ายเลย

 

หลังจากนั้น ก็มีคนของนิกายหมอกเร้นลับทยอยกันมาหาต้วนหลิงเทียนถึงหน้าประตูบ้าน แต่ต้วนหลิงเทียนคร้านจะสนใจหรือเข้าพบใครอีก เลือกจะจัดวางค่ายกลเพื่อปิดกันทุกเสียงรบกวนใดๆ

 

จนถึงวันที่นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะต้องออกไปทดสอบ ต้วนหลิงเทียนค่อยเปิดประตูบ้านและก้าวออกมายังโลกภายนอกอีกครั้ง

 

หลังจากออกมาแล้ว เขาก็มุ่งตรงไปยังโถง 10 ดาวทันที

เมื่อถึงคราวที่นักศึกษา 10 ดาวต้องออกไปทดสอบนอกสถานศึกษาทางโถง 10 ดาวก็มีโอสถเทพที่ใช้รักษาและฟื้นฟูพลังเทพแจกเสมอ

 

แน่นอนว่าไม่ใช่นักศึกษา 10 ดาวทุกคนจะได้รับแจกโอสถเทพเหมือนกัน

 

อย่างที่รู้กันว่านักศึกษา 10 ดาวนั้น เสมือนแบ่งออกเป็น 4 ระดับกลายๆตามระดับของหอพัก

 

ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับแจกโอสถเทพมากขึ้นเท่านั้น

 

อย่างเช่นต้วนหลิงเทียนเอง ตอนนี้เขาก็จะได้รับแจกโอสถเทพจํานวนมากที่สุดเท่าที่นักศึกษา 10 ดาวจะได้รับ แน่นอนว่าถึงจะได้รับแจกโอสถเทพมากเป็นจํานวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณภาพของมันจะเลิศล้ําที่สุด เขายังไปหาซื้อโอสถเทพที่มีคุณภาพสูงกว่านี้ได้

 

“ต้วนหลิงเทียนมาแล้ว!”

 

“หลังจากหายหน้าหายตาไปหลายเดือน ทั้งยังไม่เข้าชั้นเรียนที่อาจารย์ทั้งหลายมาชี้แนะด้วยตัวเองสักครั้ง ในที่สุดวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!”

 

ก่อนที่จะเดินเข้ามาด้านในโถง 10 ดาว ต้วนหลิงเทียนก็เดินสะดวกอยู่หรอกก แม้จะมีพบเจอนักศึกษา 10 ดาวระหว่างทางบ้าง แต่ก็มีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจเขา เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้หน้าค่าตาเขา

 

อย่างไรก็ตามพอเข้ามาในโถง 10 ดาวแล้ว ก็มีนักศึกษาหลายคนจดจ่าเขาได้และโพล่งออกมา ทําให้บรรยากาศายในโถงเอะอะขึ้นมาทันที

 

“ศิษย์พี่ท่านมาแล้ว?”

 

หลิวจินเองที่อยู่ในโถง 10 ดาวพอดี ก็รีบแจ้นมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนพลางถามด้วยรอยยิ้มทันที อย่างไรก็ตามสีหน้าแววตาของมันแลดูกังวลใจอยู่บ้าง

 

พอเห็นท่าที่เป็นกังวลของหลิวจิน ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายกําลังกังวลเรื่องอะไร จึงพยักหน้าให้มันพลางถามด้วยรอยยิ้มว่า”ข้าก็พึ่งออกมานี่ล่ะ เจ้าเล่า คงมารับโอสถเทพเหมือนกันกระมัง?” “เป็นเช่นนั้นศิษย์พี่!”

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อมันอย่างในวันแรกที่พบเจอไป หลิวจินก็แลดูโล่งใจไม่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้ากลายเป็นสดใสร่าเริงขึ้นมาโดยพลัน

 

“ต้วนหลิงเทียน!

 

จากนั้นก็มีร่างหนึ่งเอ่ยทักพลางก้าวอาดๆมาหาต้วนหลิงเทียน เป็นคนรู้จักอีกคน ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือติงเหยียน ที่เคยพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียนมาก่อน

 

“เจ้าก็มาแล้วรี”

 

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าทักกทายยิ่งเหยียนด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เพราะวันนั้นติงเหยียนเองก็เดือนเขาด้วยความหวังดี เช่นนั้นแม้ก่อนหน้าเขากับติงเหยียนจะคลุ้งกลิ่นดินปืนอยู่บ้าง แต่นับว่าคําไม่ต่อยที่ไม่รู้จักยังใช้ได้อยู่..

 

อย่างไรก็ตาม หลังติงเหยียนเดินมาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว มันที่หันรีหันขวางเล็กน้อย ก็ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงด้วยหลิงเทียนด้วยน้ําเสียงจริงจังทันที ใบหน้ายังเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมนัก”ต้วนหลิงเทียน การทดสอบครั้งนี้ ข้าว่าเจ้าอย่าออกไปเลยจะดีกว่า…ถึงเจ้าจะไม่ไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรลับหลังเจ้าแน่” “พลังฝีมือของเจ้า ตอนนี้ทุกคนในสถานศึกษาไม่มีใครกล้ากังขาแน่นอน”

 

ถึงเหยียนพอส่งเสียงผ่านพลังมา สิ่งแรกที่กล่าวก็คือโน้มน้าวให้ต้วนหลิงเทียนไม่ออกไปทําการทดสอบทันที

 

ปกติตามกฏแล้ว นักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับทุกคนต้องเข้าร่วมการทดสอบ

 

หากไม่เข้าร่วมก็จะถูกไล่ออกจากสถานศึกษา

 

อย่างไรก็ตาม ติงเหยียนเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมา ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เข้าร่วมการทดสอบ แต่สถานศึกษาหมอกเร้นลับก็ไม่กล้าไล่ต้วนหลิงเทียนออกแน่นอน

 

“ทําไมเล่า?

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามถึงเหยียนแววตายังแลดูหยอกล้ออยู่บ้าง

 

“ต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องมาแกล้งโง่ต่อหน้าข้าหรอก”

 

ติงเหยียนถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างอึดฮัด ตอนนี้เรื่องที่เจ้าล่วงเกินตระกูลจังไม่ใช่ความลับอะไรในเมืองวายุสวรรค์แล้ว” “การทดสอบนอกสถานศึกษาครั้งนี้ ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าสิบในสิบตระกูลจังต้องหาทางเล่นงานเจ้าแน่!” “และต่อให้ตระกูลจังไม่ลงมือกับเจ้าเอง แต่ตระกูลราชาเทพอื่นๆก็ต้องลงมือกับเจ้าแน่…” “แน่นอน ว่าที่พวกมันลมือกับเจ้า ไม่ใช่เพราะแค้นเคืองอะไรเจ้า…แต่เพราะพวกมันคิดโยนหม้อกันดําให้ตระกูลจังแบกรับ หมายให้คณบดีมีโมโหและลงมือกับตระกูลจังด้วยโทสะ

 

เสียงผ่านพลังรอบนี้ของติงเหยียน เคร่งเครียดจริงจังนัก

 

“หม? พวกมันจะกล้าถึงขนาดลงมือกับข้าตอนออกไปทดสอบเชียว?”

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว แม้เขาจะพอเดาได้ว่าตระกูลจึงต้องหาทางเล่นงานเขาแน่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เมื่อได้ยินติงเหยียนบอกว่าพวกมันถึงกับกล้าลงมือกับเขาในการทดสอบนักศึกษา 10 ดาว

 

“หากในสถานการณ์ปกติ ข้าก็ไม่กล้าพูดว่าพวกมันจะลงมือหรอก…”

 

ติงเหยียนส่ายหัวพลางกล่าวอย่างไรก็ตาม การทดสอบของนักศึกษา 10 ดาวมันจะเกิดขึ้นนอกสถานศึกษา และอาจารย์ที่ไปคุม ก็มิใช่ว่าจะติดตามอยู่กับเจ้าตลอดเวลา..ข้าจึงเชื่อว่าผู้คนจากตระกูลจังรวมถึงตระกูลอื่นๆที่ไม่พ้นป่านนี้ต้องไปแฝงตัวอยู่ในเขตพื้นที่ทดสอบแล้ว ต้องหาโอกาสลงมือกับเจ้าได้แน่!” “และพอถึงตอนนั้น จริง ขอเพียงมันทําลายหลักฐานให้หมด เจ้ายังไม่ตายอย่างโง่งมอีกหรือ?!”

 

ติงเหยียนเร่งกล่าวชี้แจงเหตุผลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทําให้ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนนิ่งคิดอะไรไปครู่หนึ่ง คล้ายนึกอะไรได้ออกจึงหันถามถึงเหยียนทันทีเท่าที่ขาทราบมา…พื้นที่ทดสอบของนักศึกษา 10 ดาว เหมือนจะมีค่ายกลปิดกั้นอาณาเขตเอาไว้ และในอาณาเขตดังกล่าวผู้ที่ด่านพลังเหนือกว่าขอบเขตราชาเทพก็เข้าไปไม่ได้ใช่หรือไม่? “ก็ไม่เชิง…”

 

ติงเหยียนพยักหน้า”ในเขตพื้นที่ทดสอบ มีค่ายกลจัดวางไว้อย่างดีก็จริง แต่มิได้ถึงขั้นปิดกั้นราชาเทพให้ เข้าไปไม่ได้ ทว่าหากมีตัวตนขอบเขตพลังตั้งแต่ราชาเทพขึ้นไปผ่านเข้ามาในเขต ค่ายกลจะส่งสัญญาณเดือน ให้คณบดีและอาจารย์ผู้คมทุกคนล่วงรู้ตําแหน่งที่ถูกบุกรุกทันที” “อย่างไรก็ตาม ตัวตนตั้งแต่ขอบเขตราชาเทพ ขึ้นไปอาจเข้าไปไม่ได้…แต่เทพขั้นสูงยังเข้าไปได้! “แล้วตระกูลจังกับตระกูลอื่นๆ ไหนเลยจะขาดเทพขั้นสูง?” “ข้าก็รู้อยู่หรอกว่าเจ้าร้ายกาจมาก และหากเป็นแค่เทพขั้นสูงคนสองคนเจ้าคงไม่เห็นอยู่ในสายตา…แต่ถ้ามีเทพขั้นสูงเป็นฝูงเล่า?” “เทพขั้นสูงพวกนั้น เผลอๆพวกมันอาจมากันเป็นสิบ และไม่พ้นต้องสามารถจัดตั้งค่ายกลเสริมการโจมตีได้แน่ ถึงตอนนั้นให้เจ้าร้ายกาจแค่ไหน แต่ดังคํากล่าวสองหมัดยากต้านทานสี่ฝ่ามือ ข้าเกรงว่าเจ้าจะเพลี่ยงพล้ําจนเสียท่าพวกมันเอา

 

ติงเหยียนเร่งกล่าวเตือนไม่หยุด

 

“หมายความว่า…ต่อให้มีผู้ที่คิดลงมือฆ่าข้าจริง แต่ไม่มีทางที่จะเป็นตัวตนระดับราชาเทพหรือเหนือกว่านั้นได้?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง เพื่อยืนยัน

 

“นั้นมันแน่อยู่แล้ว”

 

ตงเหยียนพยักหน้า”ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่พวกเราที่ไปยังมีอาจารย์ที่ทําหน้าคุมความเรียบร้อยในสถานที่ทดสอบอีก…ขอเพียงเจ้าไม่ออกนอกเขตพื้นที่ทดสอบ ย่อมไม่มีราชาเทพคนไหนสามารถปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าโดยที่อาจารย์ไม่รู้ได้” “และอาจารย์ที่ไป ก็มิใช่สัตว์กินพืช…

 

พอได้ยินคํายืนยันของถึงเหยียน ใจต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบลง และเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวครั้งนี้ด้วย

 

หากไม่เข้าร่วม ไม่พ้นเขาต้องถูกคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรียกพบ และอาจโดนลงโทษอะไรจนเสียประวัติอยู่บ้าง

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาเข้าร่วมและสามารถทําผลงานได้ดีจนเป็นอันดับต้นๆล่ะก็ ไม่พ้นต้องได้รับรางวัลดีๆแน่นอน

 

เป็นธรรมดาว่ารางวัลดีๆดังกล่าวก็คงเป็นสิ่งของล้ําค่าสําหรับขอบเขตเทพ แต่คงไม่อาจนับเป็นอะไรต่อหน้า ตัวตนระดับราชาเทพได้

 

“ว่าแต่เจ้ารู้รึเปล่า ว่าของรางวัลในการทดสอบครั้งนี้มีอะไรบ้าง?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปถามติงเหยียนทันที

 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับทราบจากสิ่งเหยียนว่า ของรางวัลที่จะมอบให้นักศึกษา 10 ดาวที่ท่าผลงานได้โดดเด่นคราวนี้…สิ่งที่ล้ําค่าที่สุดก็คือ “ว่านเทพลายมังกร ซึ่งเป็นสมุรไพรเทพชนิดหนึ่ง สามารถช่วยปรับปรุงระดับพลังบ่มเพาะของตัวตนในขอบเขตเทพได้ไม่น้อย

 

ถึงแม้ว่าพลังอํานาจของมันจะเทียบกับการใช้ โอสถเทพเจียอี้ซึ่งพร้อมๆกัน 3 เม็ดไม่ได้ แต่ก็ให้ผลดีอยู่

 

ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนเองก็เคยใช้โอสถเทพเจี้ยอียิ่งมาแล้ว หากใช้อีกก็คงไม่ได้รับผลอะไรเช่นนั้น ว่านเทพลายมังกรที่เขายังไม่เคยใช้ ย่อมมีคุณค่าสูงกว่ากันมาก

 

“ว่านเทพลายมังกรที่ว่า…ถึงแม้พลังของมันจะไม่น่าพอให้ข้าสามารถทะลวงถึงเทพขั้นสูงได้ในคราวเดียว แต่ก็คงช่วยให้ระดับพลังข้าใกล้ทะลวงถึงเทพขั้นสูงเต็มที่…ข้าต้องเอามันมาให้ได้!”

 

พอรู้ว่าของรางวัลที่ดีที่สุดครั้งนี้คือว่านเทพลายมังกร ทําให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวมากขึ้นไปอีก

 

สําหรับภัยคุกคามจากตระกูลจังและตระกูลราชาเทพอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนแม้จะรู้ว่าหนีไม่พ้น…แต่เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นเทพขั้นสูงนับสิบ และสามารถก่อค่ายกลเสริมพลังอะไรกันได้ ตราบใดที่เขาใช้ทักษะทั้งหมดที่เขามี เขาเชื่อว่าคงไม่ยยากที่จะจัดการกับพวกมัน

 

ในห้วงเวลาคับขัน ต่อให้ต้องใช้ความสามารถทั้งหมด ขอแค่ไม่เปิดเผยอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดอย่างกระบี่ หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มีหวงเฮ้อออกมา ก็คงไม่มีปัญหา

 

ตอนนี้เขาบรรลุถึงเทพขั้นกลางแล้ว หากเขาใช้กระบหลิงหลง 7 เปลี่ยน พลังอํานาจหนุนเสริมที่ได้ น่ากลัวต่อให้มีเทพขั้นสูงนับร้อยๆ ก็สามารถเข่นฆ่าได้ในไม่กี่กระบี่…

นอกจากนั้นเกรงว่าหากควักกระบออกมาใช้ เขาคงไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ํา แค่ปล่อยให้หวงเฮ้อออกไป “เล่น” ทุกอย่างก็คงจบลงในไม่กลมหายใจ…

 

“ต้วนหลิงเทียน แม้ว่านเทพลายมังกรจะเป็นสมุนไพรเทพที่ค่อนข้างหายาก…แต่ด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจของเจ้า ข้าเชื่อว่าเพียงเจ้าไปหาคณบดีมู่หรงเพื่อขอมันโดยตรง ก็น่าจะได้มาโดยไม่มีปัญหา…”

 

พอเห็นท่าทีของต้วนหลิงเทียน ที่คล้ายจะถูกว่านเทพลายมังกรล่อลวงใจจนตาลุกวาว ติงเหยียนที่รู้ว่า ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องเลือกเข้าร่วมการทดสอบเป็นแน่ จึงอดกล่าวเดือนออกมาอีกครั้งไม่ได้