ตอนที่ 1954 หักหลัง
คำพูดของหวังถู ทำให้ประกายเย็นเยียบวาบผ่านดวงตากระจ่างของจินเทียนเสวียนเยวี่ย ขณะหมายจะพูดอะไรสักอย่างก็ถูกหลินสวินยกมือห้ามเอาไว้
“พวกเราไปกันเถอะ”
หลินสวินหมุนตัวจากไป
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเห็นเช่นนี้ก็เหลือบมองพวกหวังถู ลู่ตู๋ปู้แวบหนึ่ง กล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก พวกเจ้าไปตามทางของพวกเจ้า พวกเราก็ไปตามทางของเรา”
พูดจบนางหมุนตัวตามหลินสวินไป
ลู่ตู๋ปู้อยากพูดอะไรสักหน่อยแต่ก็หยุดไป แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว อึดอัดใจอยู่บ้าง
การคัดเลือกถกมรรคหนึ่ง กลับทำให้ความสัมพันธ์แตกหักกัน นี่ทำให้ลู่ตู๋ปู้เองยังอดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเขาทำเช่นนี้ไม่มีเหตุผลเกินไปหรือเปล่า
หวังถูกลับยิ้มเยาะ “ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกอะไรกัน ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว คิดเองเออเองจริงๆ”
เซี่ยอวี่ฮวาสีหน้าอึมครึม ในใจเกิดโทสะอย่างไม่ทราบสาเหตุ กล่าวว่า “หวังถู ในใจเจ้ามีความขุ่นเคือง แต่อย่าเหมารวมพวกเรา!”
ลู่ตู๋ปู้และซูมู่หานรีบเกลี้ยกล่อม เหลิ่งซิวเจียจากไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับจินตู๋อีและจินเทียนเสวียนเยวี่ยไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ ระหว่างพวกเขาจะมีความขัดแย้งอะไรไม่ได้อีก
ครู่ใหญ่หลังจากนั้น พวกเขาทั้งกลุ่มจึงจากไป
……
“หวังถูนั่นน่าชังเกินไปแล้วจริงๆ!”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยซึ่งตามอยู่เบื้องหลังหลินสวินทันอดพูดไม่ได้ ไม่ปกปิดความรังเกียจของตนสักนิด
หลินสวินพูดอย่างสบายๆ “ล้วนเพื่อเอาตัวรอด เข้าใจได้”
“คุณชายเจ้าไม่โกรธหรือ” จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้ง
หลินสวินอดยิ้มพูดไม่ได้ “เขาหรือ ยังไม่ควรค่าให้ข้าโกรธ ข้าเคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มานานมากแล้ว หากไม่เห็นข้าเป็นตัวกาลกิณีก็เห็นข้าเป็นตัวหายนะ กลัวแต่ว่าจะหลบไม่ทัน พลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่เคยคิดว่าจะให้ใครมาช่วยข้า และหวังถูนี่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
พูดถึงตรงนี้จู่ๆ หลินสวินก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง “เสวียนเยวี่ย พวกเราต้องกลับไปหาพวกเขาสักรอบ”
“เพราะเหตุใด”
“เหลิ่งซิวเจียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้า แต่กลับเลือกจะช่วยข้า นี่เป็นบุญคุณครั้งใหญ่ และในมือลู่ตู๋ปู้คงจะครอบครองวิธีที่สามารถติดต่อเหลิ่งซิวเจียได้ ข้าอยากไปหาเหลิ่งซิวเจีย”
หลินสวินว่าแล้วก็หมุนตัวกลับไป
“ได้”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยตอบรับอย่างรวดเร็ว
……
“พี่ซู พวกเราพักที่นี่กันเถอะ”
ตรงหน้าเนินเขาเตี้ยไม่สะดุดตา ลู่ตู๋ปู้สังเกตสภาพรอบๆ บนใบหน้าเผยความพอใจ
“ดี”
ซูมู่หานตอบรับ เขาบาดเจ็บสาหัส ต้องการการพักฟื้นโดยไวจริงๆ
แน่นอนว่าเซี่ยอวี่ฮวาและหวังถูไม่มีความเห็น
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาตัดสินใจจะเปิดถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน พลันมีเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ
สวบๆๆ!
เงาร่างผู้ฝึกปราณมากมายดุจลำแสงสว่างไสวเป็นสายๆ ทะยานมาจากไกลๆ อานุภาพยิ่งใหญ่
ผู้นำคือถูเชียนเจวี๋ยแห่งเรือนมรรคจักรวาล จู่เฟยอวี่แห่งเรือนมรรคเหล่ามาร เยียนอวี่โหรวแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ด้านหลังพวกเขา ยังมีผู้แข็งแกร่งติดตามอีกกลุ่มหนึ่ง
“แย่แล้ว!”
พวกลู่ตู๋ปู้แข็งทื่อไปทั้งตัว ราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง มีหรือจะคิดว่าในพื้นที่รกร้างเช่นนี้ กลับเจอขบวนผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ตระการตาขนาดนี้
“หนี!”
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล
เพียงแต่ระหว่างทางก็ถูกปิดล้อมแล้ว พลังต่างกันเกินไป อีกฝ่ายล้วนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของขุมอำนาจใหญ่ระดับหกเรือนมรรคใหญ่
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แค่จู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรว ก็สามารถทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังแล้ว
จบกัน!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวพวกลู่ตู๋ปู้โดยพร้อมเพรียง สีหน้าซีดเซียว
“เพราะจินตู๋อีนั่นคนเดียว เมื่อครู่นี้เจอเขาแวบเดียวเท่านั้นก็ทำให้พวกเรากำลังจะถูกคัดออกแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นตัวกาลกิณีจริงๆ!”
ชั่วขณะนี้หวังถูอดร้องตะโกนออกมาไม่ได้ เต็มไปด้วยความไม่จำยอมและเคียดแค้น
“เอ๋”
ตอนแรกจู่เฟยอวี่ไม่ได้เห็นพวกลู่ตู๋ปู้อยู่ในสายตา มองเป็นเพียงเหยื่อที่เจอระหว่างทางจึงหมายจะลงมือ กำจัดพวกลู่ตู๋ปู้ซะ
แต่พอได้ยินคำพูดของหวังถู เขาเผยสีหน้าพิกลทันที โบกมือพูด “อย่าเพิ่งลงมือ”
การกระทำของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ล้อมพวกลู่ตู๋ปู้อยู่ชะงักไปทันที
“เจ้าบอกว่าเมื่อครู่นี้เจ้าเจอจินตู๋อีหรือ”
แววตาของจู่เฟยอวี่ราวกับสายฟ้า หยุดอยู่ที่หวังถู
พวกเยียนอวี่โหรว ถูเชียนเจวี๋ยเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา หลายวันมานี้พวกเขาตามหาเบาะแสของหลินสวินทั่วแดนลับโลกาสวรรค์ เหลือก็แต่พลิกแผ่นดินตามหาแล้ว
ถึงขั้นที่ระหว่างทางยังไปรบกวนคนน่ากลัวอย่างหมีอู๋หยาเข้า ทำเอาจนตอนนี้พวกเขานึกถึงทีไรในใจก็ยังไม่หายกลัว
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ จนตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจอตัวหลินสวิน นี่ทำให้พวกเขาต่างไฟสุมอกไม่มีที่ระบาย
ตอนนี้คำพูดที่แฝงความเดือดดาลของหวังถู ทำให้พวกเขาตระหนักได้ในทันทีว่าโอกาสมาแล้ว!
สีหน้าของลู่ตู๋ปู้เปลี่ยนไป รีบส่ายหน้า “เปล่า”
ขวับ!
แววตาจู่เฟยอวี่ราวกับดาบ กวาดมองลู่ตู๋ปู้คราหนึ่ง พูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “ขืนเจ้ายังกล้าพูดมาก อย่าโทษว่าข้าส่งเจ้าไปลงนรกก่อน”
สีหน้าของลู่ตู๋ปู้มืดทะมึนไม่สามารถสงบได้ ในใจเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด ในแคว้นเมฆา เขาเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ที่สะดุดตาที่สุด
แต่เผชิญกับปีศาจชั้นยอดที่อยู่ในสิบอันดับแรกบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อย่างจู่เฟยอวี่ ก็ยังไม่เอาไหนจริงๆ
“ข้าจำได้แล้ว พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากแคว้นเมฆาเหมือนจินตู๋อี”
จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น เปิดโปงฐานะของพวกลู่ตู๋ปู้
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกลู่ตู๋ปู้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ส่วนจู่เฟยอวี่ เยียนอวี่โหรว ถูเชียนเจวี๋ยสบตากัน ต่างเผยความดีใจ
“บอกข้ามาว่าจินตู๋อีอยู่ไหน ข้าไม่เพียงแค่ปล่อยพวกเจ้าไป จะไม่ชิงยันต์ชีวิตของพวกเจ้าด้วย หรือไม่เช่นนั้น ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรพวกเจ้าคงรู้ดี”
จู่เฟยอวี่พูดเสียงขรึม สาบเสื้อของเขาเปิดออก ผมยาวสยาย หลังสะพายกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนดุดัน
“เจ้าว่ามา”
สายตาของจู่เฟยอวี่จับจ้องหวังถู
หวังถูสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กล่าวว่า “จะปล่อยพวกเราไปจริงๆ หรือ”
“หวังถู บอกไม่ได้เด็ดขาด!”
ซูมู่หานตวาด “ทุกอย่างในแดนลับโลกาสวรรค์ล้วนอยู่ในสายตาของระดับจักรพรรดิที่อยู่โลกภายนอก หากเจ้าหักหลังพี่จิน แม้หนีเคราะห์ครั้งนี้ได้ ก็ถูกกำหนดให้ชื่อเสียงฉาวโฉ่ในสายตาของคนทั้งโลก!”
ตูม!
ทันใดนั้นถูเชียนเจวี๋ยลงมือ กดฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศ
ซูมู่หานบาดเจ็บอยู่แล้ว ถูกฝ่ามือหนึ่งกำราบตรงๆ ร่างกายก็กระแทกพื้นอย่างแรง ปากจมูกกบเลือด สีหน้าขาวซีดจนแทบโปร่งแสง
“ไม่รู้ดีชั่ว!”
ถูเชียนเจวี๋ยพ่นคำพูดนี้ออกมาเบาๆ
ลู่ตู๋ปู้และเซี่ยอวี่ฮวาอดร้อนรนไม่ได้ ในใจสิ้นหวัง แต่ล้วนเคลื่อนสายตาไปที่หวังถู ใช้สายตาห้ามอีกฝ่าย
เพียงแต่หวังถูกลับเหมือนหูทวนลม ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “จินตู๋อีทำให้พวกเราลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้พวกเจ้าไม่ถาม ข้าก็จะบอกเบาะแสของเขากับพวกเจ้าอยู่แล้ว”
จู่เฟยอวี่ยิ้มพูด “ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญาเป็นเลิศ สหายยุทธ์เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง”
“รีบบอกมาเถอะ”
ถูเชียนเจวี๋ยอดเร่งไม่ได้
“หนึ่งถ้วยชาก่อนหน้านี้ พวกเราเจอเขาในทุ่งร้างที่ห่างออกไปร้อยลี้ ตอนจากไปเขากับนางสารเลวจินเทียนเสวียนเยวี่ยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หากพวกเจ้าตามไปตอนนี้จะต้องตามทันแน่”
หวังถูหักหลังหลินสวินอย่างไม่ลังเล
ได้ยินเช่นนี้ลู่ตู๋ปู้อ เซี่ยอวี่ฮวาต่างถอนหายใจในใจ มือเท้าเย็นเฉียบ การกระทำของหวังถูทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเยือกในใจ
ส่วนซูมู่หานที่ถูกกำราบลงพื้นยิ่งตาถลน โกรธจนสั่นไปทั้งตัว สำหรับเขา แม้จะแยกทางไม่ข้องเกี่ยวกับหลินสวิน แต่จะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด
นี่เป็นการหักหลังนะ!
เพื่ออยู่รอดในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้ แม้แต่ศักดิ์ศรีและความละอายก็ไม่ต้องการแล้วหรือ
“ดี!”
กลับเห็นจู่เฟยอวี่เงยหน้าหัวเราะลั่น “สหายยุทธ์ตรงไปตรงมานัก เจ้าไปได้แล้ว”
หวังถูเองก็ยิ้มแล้ว จากนั้นเขาพลันชะงักไป เอ่ยว่า “สหายพวกนี้ของข้าล่ะ”
“พวกเขาหรือ”
ถูเชียนเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเย็นชา “พวกเขาไม่ควรค่า ก็ทำได้เพียงส่งพวกเขาไปลงนรก”
หวังถูพูดอย่างเดือดดาล “ไหนบอกว่าจะปล่อยพวกเราทุกคนไง”
“ทำไม เจ้าไม่อยากไปหรือ” ถูเชียนเจวี๋ยพูดอย่างเหลืออด
สีหน้าของหวังถูทั้งขึ้งโกรธทั้งหวาดกลัว ในใจขัดแย้งอย่างที่สุด
แน่นอนว่าเขาอยากไป ไม่เช่นนี้คงไม่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ แต่เขารู้ดีว่าแม้ตนจากไปอย่างปลอดภัยเพียงลำพัง แต่อีกไม่นานก็จะต้องถูกคัดออกไปอย่างแน่นอน
เหตุผลง่ายมาก เขาคนเดียว ไม่มีคุณสมบัติสู้กับผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ!
“รีบไสหัวไป!”
“ทุกท่าน… ข้า…”
หวังถูไม่กล้าหันมองสายตาของพวกลู่ตู๋ปู้อยู่บ้าง
“เจ้าไปเถอะ พวกเราดันจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมเคลื่อนไหวกับคนอย่างเจ้า ช่างตาบอดจริงๆ!”
ลู่ตู๋ปู้โกรธจนหน้าเขียว
เซี่ยอวี่ฮวาเมินหวังถูตรงๆ
“ผู้อื่นให้เจ้าไสหัวไปแล้ว ยังไม่ไปอีกหรือ”
ซูมู่หานที่อยู่บนพื้นตวาด
“หึ!”
หวังถูกัดฟัน พลันหมุนตัวเดินออกไป
“พี่ถู เจ้าจัดการต่อ ข้าจะพาคนอื่นๆ ไล่ตามจินตู๋อี”
จู่เฟยอวี่พูดจบก็พาผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเยียนอวี่โหรวมุ่งหน้าทะยานห่างออกไป
ในที่นั้นเหลือเพียงถูเชียนเจวี๋ยและผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลหกคน
“ทุกท่านขอโทษด้วย นี่เป็นการคัดเลือกถกมรรค คู่ต่อสู้ถูกคัดออกเพิ่มคนหนึ่ง ก็เพิ่มความหวังที่จะประสบความสำเร็จสำหรับพวกเรา”
ถูเชียนเจวี๋ยสีหน้าเหี้ยมโหด พลันโบกมือ “ส่งพวกเขาไปลงนรก”
ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคจักรวาลหกคนที่อยู่ข้างๆ เขาล้วนเดินมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน เต็มไปด้วยไอสังหารทั่วทั้งตัว
หวังถูที่ตอนแรกจากไปแล้ว ยังคงยืนมองอยู่ไกลๆ บนดวงหน้าอ่อนเยาว์ราวเด็กน้อยปรากฏความดุร้าย “ขนาดนี้แล้ว พวกเจ้ายังจะทำเพื่อจินตู๋อี สมควรแล้วที่ถูกคัดออก!”
และก็เป็นตอนนี้เอง…
นัยน์ตาเขาหดรัดทันที
ก็เห็นว่าที่ตรงนั้น เบื้องหน้าลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานที่ถูกปิดล้อม จู่ๆ ก็มีประกายคมสายหนึ่งเพิ่มเข้ามา
นั่นเป็นดาบหักเล่มหนึ่ง แสงมรรคคลุมเครือไหลหลั่ง เก็บซ่อนประกายคมพร้อมกวาดเบาๆ คราหนึ่ง
ห้วงอากาศบริเวณนั้นถูกกรีดออกเป็นรอยแยกกลมขนาดใหญ่
ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลหกคนที่จู่โจมเข้ามา แข็งแกร่งและน่ากลัวเพียงใด กลับถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างแรง ภายใต้การวาดกวาดนี้ของดาบหัก!
ตูมโครม…
พื้นที่บริเวณนั้นสะเทือนไหวอึงอล ประกายศักดิ์สิทธิ์สาดกระเซ็น เสียงร้องตกใจและเดือดดาลระลอกหนึ่งดังขึ้น
และในครรลองสายตาของพวกถูเชียนเจวี๋ย หวังถู ลู่ตู๋ปู้ซึ่งกระจายอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน เงาร่างที่สูงสง่าไม่รู้ว่าปรากฏตัวในที่นั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ดาบหักเล่มหนึ่งวนเวียนอยู่รอบตัวเขา บินว่อนอย่างเบิกบาน