ตอนที่ 3650

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3650 : สิ้นสุดการทดสอบ

 

ระหว่างลาดตระเวนเข่นฆ่าสัตว์อสูรในพื้นที่ทดสอบนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่เจอจ้งเค่อฉีเท่านั้น กระทั่งติงเหยียน โหวชิ่งหนิง รวมถึงหลิวจินเขาก็ไม่เจอ เพียงเจอนักศึกษา 10 ดาวคนอื่นกว่าโหลแทน

 

นักศึกษา 10 ดาวกว่าโหลที่ว่า กล่าวไปก็แทบจะเป็นครึ่งหนึ่งของนักศึกษา 10 ดาวแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

พอต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงจุดรวมพล เขาก็พบว่ามีนักศึกษาที่กลับมาก่อนเขาจับกลุ่มคุยกันกลางหาวเกินโหลแล้ว จากนั้นไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงเรียกหาหนึ่งดังมาแต่ไกล มองไปก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นติงเหยียนเอง

 

ด้านติงเหยียนพอเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาโดยสวัสดิภาพ มันก็อดระบายลมหายใจออกมาอยางโล่งอกไม่ได้

 

และรอยยิ้มโล่งใจที่คลี่กางขึ้นบนใบหน้ามันพอตกอู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว

 

ถึงแม้เขากับติงเหยียนอาจพูดได้ว่าเป็นสหายกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนัก

 

การที่ติงเหยียนจะหวังดีกับเขาแบบนี้ มันเป็นอะไรที่หาได้ยากไม่น้อย

 

“เจ้ากลับมานานแล้ว?”

 

หลังต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปหาติงเหยียนพลางยิ้มถาม เขาก็สัมผัสได้ว่า สายตา 4 คู่ของอาจารย์สถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้นจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา

 

ในดวงตาอวี๋เชียนซานยังเผยประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่งไม่ทราบคิดอ่านอะไรอยู่ ส่วนแววตาของอาจารย์อีก 2 คนก็เผยความประหลาดใจให้เห็นชัด

 

จะมีก็แต่สายตาของจู้ชุนที่ยังคงสงบ แต่อันที่จริงในใจจู้ชุนตอนนี้เสมือนมีมรสุมโหมกระหน่ำ

 

“ก็ไม่นานนักหรอก ยังกลับมาก่อนเจ้าไม่ถึง 2 เค่อด้วยซ้ำ”

 

ติงเหยียนส่ายหัวพลางกล่าว

 

“แต่หลังข้ากลับมาก็ได้ยินคนพูดกันว่า…เจ้า 2 คนนั่นมันกลับมาก่อนใคร”

 

ขณะกล่าวประโยคนี้ สายตาติงเหยียนก็เบือนไปตกยังร่าง จ้งเค่อฉีกับจ้งเฮ่อเหลียงที่ลอยร่างอยยู่ด้านหลังจู้ชุน “เท่าที่ข้าฟังมาเห็นว่าพวกมันทั้งคู่บาดเจ็บสาหัส…อย่างไรก็ตาม ดูสารรูปอยู่ดีของพวกมันตอนนี้ คงมีแต่ผีเท่านั้นล่ะที่เชื่อ!”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็หันไปมองตามสายตาติงเหยียนทันที จนเห็นร่าง 2 ร่างคุ้นตาหลังจู้ชุน

 

เขาไม่แปลกใจนักที่ทั้งคู่จะกลับมาเร็ว

 

เพราะทันทีที่ตระกูลจ้งทราบเรื่องที่หน่วยเดนตายทั้ง 17 คนถูกฆ่าหมดสิ้น ไม่พ้นต้องเร่งส่งข้อความบอกให้ทั้งคู่ถอนตัวจากการทดสอบทันทีแน่ เพื่อไม่ให้ถูกเขาพบเจอแล้วฆ่าเอา!

 

ถึงแม้ว่าคราวนี้หน่วยเดนตายตระกูลจ้งจะตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเดนตายเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็ตกตายลงแทบจะทันที ทำให้ไม่มีใครสามารถรายงานกลับไปยังตระกูลจ้งได้ทัน เช่นนั้นตระกูลจ้งเองก็ไม่รู้เลยว่าที่แท้พวกมันตายเพราะเขาหรือใครกันแน่

 

อย่างไรก็ตาม จะตายเพราะเขาก็ดีหรือด้วยน้ำมือคนอื่นก็ดี ทางตระกูลจ้งก็ไม่กล้าปล่อยให้จ้งเค่อฉีรั้งอยู่ในการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวแน่นอน เพราะจ้งเค่อฉีไม่เหลือมือดีคอยคุ้มกันแล้ว

 

“พวกเจ้า หนีไวดีนี่…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจ้งเค่อฉี เขาก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังไปถึงมัน “สักวันทั้งหมดที่ตระกูลจ้งทำกับข้า ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้พร้อมดอกเบี้ย…และหวังว่าเจ้าจะโชคดีเหมือนครานี้ทุกครั้ง”   หลังส่งเสียงผ่านพลังเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็เพียงม้องจ้องจ้งเค่อฉีด้วยสายตาลึกล้ำปราดหนึ่งก่อนจะเลิกสนใจมัน ด้านจ้งเค่อฉีพอได้ยยินเสียงผ่านพลังรวมถึงสายตาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ในใจก็เสมือนมีไอเย็นเยียบปกคลุมทันที ยังเริ่มคิดขึ้นมาว่าไม่น่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายหนุ่มผู้นั้นเลย…

 

อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในหัวมันไม่ทันไร มันก็สะกดเอาไว้ทันที

 

จากนั้นมันก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียน และหันไปส่งข้อความหาอา 3 จ้งซัน รวมถึงจ้งเอ้อผู้เป็นบิดาของมันทันที เนื้อความก็คือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวข่มขู่มัน “อา 3 ต้วนหลิงเทียนมันต้องตาย…หาไม่แล้ววันหน้าข้ารวมถึงตระกูลจ้งของพวกเรา ต้องตกเป็นเป้าล้างแค้นของมันแน่!”

 

“ท่านพ่อ หากต้วนหลิงเทียนไม่ตายในเร็ววัน วันหน้าไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้นที่จะมีอันเป็นไป…กระทั่งตระกูลจ้งของพวกเรามีหวังได้ถูกฆ่าล้างหมดสิ้นแน่!”   และข้อความที่จ้งเค่อฉีส่งไปรอบนี้ ก็ทำให้จ้งซันกับจ้งเอ้อคิดหนักทันที ดวงตาแต่ละคนยังฉายชัดถึงจิตสังหารขึ้นมาโดยพลัน

 

ทั้งคู่ล้วนเป็นตัวตนขอบเขตราชาเทพ เมื่อบังเกิดจิตสังหารเช่นนี้ ผู้คนรอบกายย่อมสัมผัสได้ทันที

 

“พี่รอง ท่านเป็นอันใดไป?”

 

ข้างกายของจ้งเอ้อ ก็พอดีมีจ้งต้า ผู้นำตระกูลจ้งอยู่ใกล้ๆ พอมันตระหนักได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย ก็เลยอดถามออกมาไม่ได้

 

“พี่ใหญ่….”

 

และหลังจากจ้งเอ่อเล่าเรื่องราวออกมา สองตาจ้งต้าก็เผยจิตสังหารอำมหิตเช่นกัน “หลังข้ากับไปถึงตระกูลเมื่อใด ข้าจักส่งมือดีขอบเขตราชาเทพออกไปทุกคน เพื่อหาทางฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้จงได้…หาไม่แล้วเกรงว่าคราวนี้ตระกูลจ้งของเราต้องประสบกับภัยพิบัติแล้วจริงๆ!”

 

หากบอกว่าตอนแรกมันไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องต้วนหลิงเทียนล่ะก็…   มาตอนนี้พอได้รับทราบว่า ต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกมู่หรงสุยเฟิงใช้สิทธิ์แนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า รวมถึงอาจถูกเสนอชื่อให้พิจารณาเป็นศิษย์หลัก ในใจจ้งต้าก็ตระหนักถึงวิกฤตกาลทันที

 

เพราะหากอีกฝ่ายได้เป็นศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้น ตระกูลจ้งไม่พ้นถูกอีกฝ่ายย้อนกลับบมาย่ำจนราบเป็นหน้ากลองแน่!

 

ด้านต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ก็ไม่รู้เลยว่าระดับสูงของตระกูลจ้งตอนนี้กำลังร้อนใจกันแค่ไหน

 

แต่เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

ตั้งแต่ที่ตระกูลจ้งส่งพวกเดนตายมาฆ่าเขา เขากับตระกูลจ้งก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ เข้าทำนอง ‘ไม่ท่านตายก็ข้าม้วย!’

 

ตั้งแต่มาถึงดินแดนดาราพิศวง นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาบังเกิดจิตคิดฆ่าล้างตระกูลใดตระกูลหนึ่ง!  

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนที่เกิดเรื่องในละแวกเมืองหลินซาน แม้หมู่บ้านตระกูลต้วนทิศใต้จะถูกฆ่าล้างโดยนายน้อยในเมืองหลินซาน เขาเองก็เพียงไปหาความและคิดบัญชีกับนายน้อยผู้นั้นรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ได้คิดจะระบายโทสะโดยการฆ่าล้างตระกูล

 

แต่คราวนี้มันต่างออกไป

 

อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะคิดฆ่าเขา ยังใช้กำลังของตระกูลเพื่อฆ่าเขาด้วย!

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

ไม่นานนักโหวชิ่งหนิงก็กลับมาถึงจุดรวมพล และพอเห็นต้วนหลิงเทียนปลอดภัยดี ใบหน้ามันก็ปรากฏรอยยิ้มคลี่กางขึ้น “พอเห็นว่าเจ้ายังปลอดภัยดีอยู่ ข้าก็พอได้โล่งใจขึ้นมาหน่อย…ครั้งนี้ข้ากลัวเจ้าจะเกิดเรื่องด้านในไม่น้อย ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างเล่า แล้วเจ้ากลับมานานหรือยัง?”

 

พอโหวชิ่งหนิงเปิดปาก มันก็กล่าวถามออกมาอย่างเปิดเผยไม่อ้อมค้อม  ถึงแม้ตระกูลจ้งจะเป็นขุมกำลังระดับราชาเทพ อีกทั้งยังเป็นดั่งงูดินเจ้าที่ในเมืองวายุสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้กลัวตระกูลจ้งแม้แต่นิดเดียว เพราะมันรู้ดีว่าตระกูลจ้งเองหากไม่ถึงที่สุดก็ไม่กล้าแตกหักกับนิกายหมื่นจันทราที่อยู่เบื้องหลังมัน

 

“อย่างที่เจ้าว่าไว้ไม่มีผิด คราวนี้มีพวกเดนตายแห่กันมาอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว…แต่พวกมันก็ล้วนไปเมืองผีกันหมดสิ้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ

 

“ตายหมดเลยรึ?”

 

ได้ยินคำพูดเคล้าเสียงหัวเราะของต้วนหลิงเทียน โหวชิ่งหนิงก็ถึงกับอึ้ง “นี่เจ้า…ฆ่าพวกมันทั้งหมดเพียงลำพัง?”

 

มันไม่ได้แปลกใจอะไรหากพบว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเทพขั้นสูง 1-2 คนได้…แต่คราวนี้ ตระกูลจ้งไหนเลยจะส่งพวกเดนตายมาแค่ไม่กี่คนเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน

 

แต่กระนั้น ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าพวกมันหมดสิ้น?

 

“ตอนแรกก็มีพวกมันเล่นมาทำลับๆล่อๆอยู่ใกล้ๆข้าไม่กี่คน พอข้าพบพวกมัน ข้าก็ชิงฆ่าพวกมันทันที…หลังจากนั้นพวกมันก็ทยอยกันมาทีละคนๆ ข้าเองก็ค่อยๆไล่ฆ่าไปทีละคนๆ สุดท้ายไปๆมาๆก็ฆ่าพวกมันจนหมด”

 

ฟังจากคำพูดไม่อีนังขังขอบของต้วนหลิงเทียนแล้ว ราวกับเรื่องราวที่กล่าวเป็นแค่เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร

 

“เอ่อ…พวกมันซุ่มอยู่ แต่เจ้ากลับพบตัวพวกมันหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงที่จับใจความสำคัญได้ กล่าวถามไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

อันที่จริงมันก็มีคาดเดาไว้บ้างแล้ว ว่าหากมีพวกเดนตายมาตามฆ่าต้วนหลิงเทียนในพื้นที่ทดสอบ จะอย่างไรก็ต้องกระจายตัวแยกย้ายกันออกค้นหาก่อนแน่…

 

ทว่ามันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะค้นพบพวกเดนตายที่ซุ่มอยู่ และชิงลงมือฆ่าพวกมันก่อน…

 

ต้องทราบด้วยว่าพวกเดนตายของตระกูลจ้งหรือตระกูลไหนๆ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพขั้นสูง!

 

“พวกมันซ่อนตัวไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว

 

“เจ้านี่นะ…ช่างโชคดีจริงๆ!”

 

โหวชิ่งหนิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

มันคิดแค่ว่าครั้งนี้เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนโชคดี ที่พบเจอพวกเดนตายฝีมือต่ำทรามของตระกูลจ้งก่อน จากนั้นก็ฉกฉวยโอกาสเข่นฆ่าอีกฝ่ายไปทีละคนๆก่อนที่จะทันได้รวมกลุ่มกัน เพราะหากโชคไม่ดี พวกเดนตายที่พบเจอต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรกมีฝีมือสูงเข้าหน่อย จนสามารถซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด ถึงตอนนั้นถ้าเรียกระดมพลมากลุ้มรุมได้ ต้วนหลิงเทียนก็รอดยากแล้ว…

 

“พวกเดนตายที่ตระกูลจ้งส่งมาครานี้ คงไม่มีชนชั้นหัวหน้าหน่วยกระมัง…หาไม่แล้วหากมาสักคน เจ้าเองก็คงยากจะเป็นคู่มือมันได้”

 

โหวชิ่งหนิงกล่าวออกมาสืบต่อ

 

หัวหน้าหน่วยเดนตาย?

 

ได้ยินคำพูดของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็เพียงคลี่ยิ้มบางๆเท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพราะหากเขาไม่ผิดพลาด สมควรมีหัวหน้าหน่วยเดนตายของตระกูลจ้งถูกเขาฆ่าด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะพูดออกไป

 

เพราะสุดท้ายการจะฆ่าชนชั้นหัวหน้าหน่วยของพวกเดนตายได้ พลังที่ใช้อย่างน้อยๆก็ต้องมากกว่าตอนที่เผยออกมาขณะประมือกับหงจวินในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

 

ไม่นานนัก เหล่านักศึกษา 10 ดาวก็ทยอยกันออกมาจากพื้นที่ทดสอบทีละคนๆ มองไปก็พบเห็นนักศึกษาบาดเจ็บไม่กี่คนเท่านั้น และทุกคนล้วนกลับออกมาจากพื้นที่ทดสอบทั้งยังมีชีวิต

 

“พวกเจ้าส่งป้ายเก็บคะแนนมาให้ข้า”

 

เมื่อเห็นว่านักศึกษามากันครบแล้ว อวี๋เชียนซานก็กวาดตามองต้วนหลิงเทียนรวมถึงนักศึกษา 10 ดาวทั้งหมดรอบหนึ่ง ค่อยกล่าวออกมา

 

ตอนที่รับป้ายเก็บคะแนนของคนอื่นมาตรวจก็ไม่นับเป็นอะไร ทว่าพอรับป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมา และตรวจพบคะแนนในป้าย อวี๋เชียนซานก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งไปอย่างเสียอาการ จากนั้นก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอยอยู่นาน…

 

และฉากดังกล่าว ก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคน

 

”เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ไฉนอาจารย์อวี๋เชียนซานถึงแลดูประหลาดใจนักเล่า?”

 

“สวรรค์! ที่แท้ในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียนมันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มกันแน่ ไฉนถึงทำให้อาจารย์อวี๋เอ๋อไปเช่นนั้น?!”

 

 

นักศึกษา 10 ดาวหลายคนอดโพล่งขึ้นมาด้วยความอยากรู้ไม่ได้  และจังหวะนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น กระทั่งจู้ชนรวมถึงอาจารย์คนอื่นๆอีก 3 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็มองอวี๋เชียนซานด้วยสายตาอยากรู้เช่นกัน อาจารย์บางคนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอวี๋เชียนซานออกมาตรงๆ “อาจารย์อวี๋ มิทราบในป้ายเก็บคะแนนของต้วนหลิงเทียน…มันมีคะแนนทดสอบกี่แต้มหรือ?”

 

“รอให้กลับไปก่อน พอข้าติดป้ายประกาศแล้ว เดี๋ยวก็รู้เอง”

 

อวี๋เชียนซานกล่าวพลางคลี่ยิ้มมีเลศนัย ออกอาการให้ผู้คนสงสัยว่าในน้ำเต้าขายยาอันใด

 

เพราะอวี๋เชียนซานทำเป็นลี้ลับ ยังผลให้ทุกคนบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกาขึ้นมาตงิดๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไร และติดตามอวี๋เชียนซานที่เหินร่างนำ กลับสู่สถานศึกษาอย่างค้างคาใจ

 

ระหว่างเดินทางกลับโหวชิ่งหนิงที่เหินร่างอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็อดถามต้วนหลิงเทียนออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน…ที่แท้เจ้าเก็บคะแนนได้เท่าไหร่กันแน่?”   

 

“อาจารย์อวี๋ไม่ได้บอกไปแล้วหรือไร…เดี๋ยวกลับไป รอให้ติดประกาศเมื่อไหร่ก็รู้เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ พลางยืมคำพูดของอวี๋เชียนมากล่าว

 

ก่อนที่เขาจะกับมาจุดรวมพล เขาก็เชื่อมั่นว่าคะแนนทดสอบของเขาสมควรสูงกว่าผู้อื่นแน่นอน…เพราะสุดท้ายแล้วความเร็วในการล่าสัตว์อสูรของเขา ก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะเทียบได้ ให้เป็นโหวชิ่งหนิงกับหงจวินก็เทียบไม่ได้

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนตอบมาอย่างยียวน โหวชิ่งหนิงก็ได้แต่เบ้ปากมองบน “เจ้ามันโจรน้อยชัดๆ กระทั่งคำพูดอาจารย์อวี๋ยังโขมยมาได้!”

 

“เฮ่ ติงเหยียน”

 

โหวชิ่งหนิงที่ขัดใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียน ก็หันไปมองถามติงเหยียนที่เหินร่างอีกข้างของต้วนหลิงเทียนแทน “ว่าแต่เจ้าเล่า คราวนี้ได้คะแนนทดสอบกี่แต้ม?”

 

“8,000 กว่าๆ”   ติงเหยียนกล่าวตอบตรงๆ

 

โหวชิ่งหนิงพยักหน้า “ไม่เลวเลยนี่…ใกล้ถึงหมื่นแต้มแล้ว!”

 

“แล้วเจ้าเล่า?”

 

ติงเหยียนถามกลับด้วยความสงสัย

 

“ข้าหรือ?”

 

โหวชิ่งหนิงคลี่ยิ้มพลางกล่าวตอบออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างภาคภูมิใจ “นับว่าดีกว่าครั้งที่แล้วมาก…ข้าทำคะแนนได้เกิน 20,000 แต้ม”

 

“อะไร! เกิน 20,000 แต้ม!?”

 

ใบหน้าติงเหยียนฉายความตะลึงออกชัด “การทดสอบครั้งก่อน…ไม่ใช่ว่าคนที่ได้คะแนนทดสอบสูงสุด ยังได้ไม่ถึง 20,000 แต้มมิใช่หรือ?”