ตอนที่ 3656

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3656 : แผนร้ายตระกูลจัง

 

ถังชงนั้นเป็นคนตรงไปตรงมาแม้ถ้อยคําวาจาจะฟังดูโผงผาง แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งดี คนเช่นนี้ไม่ชอบทําอะไรลับหลังหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร กระทั้งหลังออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ พ้นจากสายตาอวินขี่ยไปแล้ว ก็ยังคงแลดูกกระตือรือร้นกับต้วนหลิงเทียนมาก

 

“เจ้าหนต้วนหลิงเทียน เจ้านี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ รู้หรือไม่ว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษา หมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์เลยที่ปรากฏอัจฉริยะระดับเจ้าขึ้นมา ดูเหมือนผู้คนในสายเมืองวายุสวรรค์เรา ในนิกายหมอกเร้นลับ จักได้มีหน้ามีตาขึ้นมาก็คราวนี้ล่ะ!”

 

หลังออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้ว ยังชุนก็ไม่ได้รับร้อนพาต้วนหลิงเทียนกลับไปยังนิกายหมอกเร้นลับแต่อย่างใด ทว่าเลือกพาต้วนหลิงเทียนเดินหาเหลาอาหารเพื่อดื่มกินกันก่อน

 

“อาวุโสถังชุนก็กล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม

 

“หากเจ้าสามารถรักษาอัตราก้าวหน้าเช่นนี้ไว้ได้ ต่อให้เจ้าจะโชคร้ายไม่ได้เป็นศิษย์หลักในขอบเขตเทพ แต่ยามใดที่เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ เรื่องจะได้เป็นศิษย์หลักหรือไม่ย่อมไม่ใช่ปัญหาสําหรับเจ้าแน่”

 

ถังชุนกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส “ถึงตอนนั้นเมื่อเจ้าเป็นศิษย์หลักแล้ว เจ้าก็จักได้รับการส่งเสริมจากนิกายหมอกเร้นลับเราอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันเจ้าก็จะได้รับสิทธิพิเศษจนมีอภิสิทธิ์ไม่ต่างอะไรจากอาวุโสสายในเช่นข้าด้วย”

 

กล่าวถึงจุดนี้ แววตาของถังชุนก็ฉาความอิจฉาขึ้นมา “เจ้าดูข้ากับอขึ้นสู่ยเถอะ ในนิกายหมอกเร้นลับนั้น พรสวรรค์ของพวกเราทั้งคู่เรียกว่าอยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น กว่าพวกเราจักมีวันนี้กันได้ก็ต้องบากบั่นเพียรพยายามกันมาไม่น้อย…แต่ทันทีที่เจ้าเป็นศิษย์หลักได้ เจ้าก็จักมีความสําเร็จเท่าวันเวลานานปีที่พวกเราบากบั่นกันมา!”

 

พอกล่าวจบคํา ถังชุนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน จากนั้นมันก็กวาดตามองไปยังร้านรวงทั้ง 2 ข้างถนน จนในที่สุดก็แลเห็นเหลาใหญ่โตมากล้นไปด้วยผู้คน ไม่ต่างอะไรจากภัตตาคารชั้นนําในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียน “ข้าจําได้ว่าอาหารจานเด็ดร้านนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ทุกคราที่ข้ามาเมืองวายุสวรรค์ ข้าก็จะมาหาอะไรกินที่นี่ตลอด”

 

“เช่นนั้นพวกเราไปหาอะไรเพิ่มท้องก่อนค่อยเดินทางเถอะ”

 

ได้ยินคําพูดถึงชง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร

 

“เอ้า ไม่มีห้องส่วนตัวว่างเลยรึ?”

 

หลังเดินเข้ามาในเหลาอาหาร ถังชุนก็ไปถามบริกรว่ายังมีห้องส่วนตัวว่างหรือไม่ อนิจจาค่าตอบที่ใดกลับท่าให้มันผิดหวัง “ท่านลูกค้า ต้องขออภัยด้วย…ช่วงนี้ของทุกวันเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านเรามากที่สุด ห้องส่วนตัวจึงมีแขกเข้าใช้เต็มหมดแล้วขอรับ กระทั่งโถงรวมของพวกเรายังเหลือโต๊ะว่างไม่กี่ที่เท่านั้น กระทั้งยังพึ่งว่างก่อนหน้าท่านลูกค้าจะเดินเข้ามาไม่กี่ลมหายใจ”

 

“ท่านลูกค้า สนใจนั่งรับประทานอาหารในโถงรวมหรือไม่ขอรับ?”

 

ได้ยินค่าขอโทษด้วยท่าทางจนปัญญาของบริกร ถังชุนเพียงย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนคลายออก ไม่ได้ว่าอะไร “ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าหาโต๊ะให้พวกเรา 2 คนเถอะ”

 

“เชิญท่านลูกค้าตามข้ามาทางนี้ขอรับ”

 

พอได้ยินคําตอบถึงชุน บริกรก็รีบพาโวนหลิงเทียนกับถังชุนไปยังโต๊ะที่นั่งว่างลงหลังเก็บกวาดแล้วเสร็จ จากนั้นก็น่ารายการอาหารออกมา พลางเรียกชุดน้ําชาออกมาในเทให้อีกทั้งสอง

 

“รายการอาหารแนะนําของร้านนี้นับว่าไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดูสิ”

 

ถังชุนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

 

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับค่า “หากกระทั่งอาวุโสถังชุนยังแนะนํามาถึงขนาดนี้ ข้าเองก็ไม่ลองไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็จัดมาชุดใหญ่เลยเถอะ”

 

หลังต้วนหลิงเทียนกับถังชุนสั่งอาหารจานเด็ดของเหลาไปหลายจาน ทั้งคู่ก็นั่งรอเพียงครู่เดียวก่อนบริกรจะยกมาจัดวาง

 

และในห้องส่วนตัวของเหลาอาหารแห่งนี้ ก็พอดีกับมีกลุ่มคนที่พึ่งดื่มกินเสร็จเดินออกมาจากด้านในพอดี

 

หากต้วนหลิงเทียนบังเอิญผ่านมาหน้าประตูห้องส่วนตัวห้องนี้ ก็คงจดจําได้ทันทีเพราะทุกคนที่ออกมามีคนหน้าคุ้นไม่น้อย ไม่ใช่ใครอื่น เป็นนักศึกษา 10 ดาวของตระกูลจังในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ที่ถูกยอมรับว่าเป็นนายน้อยตระกูลจัง จังเค่อนี้

 

“นายน้อยฉี นานๆที่ท่านจะออกมาสักครั้ง เช่นนั้นก็อยู่เล่นกับพวกเราสักสองสามวันเถอะ จะรีบกลับไปไย”

 

จังเค่อเดินนํากลุ่มคนออกมาจากห้องส่วนตัว โดยใน 5 คนที่ติดตามออกมา ก็มีคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายมันเดินตามอยู่ด้านหลังคนสองคน หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้ที่กล่าวชวนออกมา

 

“ไม่ได้หรอก”

 

จังเค่อฉีส่ายหัวไปมา “ข้าขอลาหยุดแค่ 2 วันเท่านั้น วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว ข้าต้องกลับไป…ครั้งหน้าที่ข้าออกมาจะพาพวกเจ้าทั้งหมดไปเลี้ยงทั้งหาอะไรสนุกๆเล่นกันเอง”

 

คนที่อยู่กับจังเค่อฉนั้นก็ไม่ใช่จะเป็นคนของตระกูลจังทั้งหมด แต่พวกมันก็เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ในเมืองเช่นกัน ปกติแล้วก็ชมชอบติดตามจังเค่อฉีต้อยๆ ทําราวกับการได้ติดตามจังเค่อนี้เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง…และจังเค่อฉีเองก็ชมชอบที่มีคนติดตามมันเช่นนี้ไม่น้อย

 

“นายน้อย”

 

ตอนนี้เองพลันมีคนหนึ่งเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “ตระกูลจังรวมถึงท่าน เกลียดชังต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเข้ากระดูกดํา พวกเรามาหาวิธีฆ่ามันกันดีหรือไม่? หาไม่แล้วหากมันไปถึงนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา ต่อให้ตระกูลจังของท่านจะยิ่งใหญ่ ข้าก็เกรงว่ายากจะรอดพ้นหายนะกระมัง?”

 

“แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราไม่อยากฆ่ามันหรือไร?”

 

จังเค่อฉีหันไปมองถลึงตาใส่ผู้พูด “หากสารเลวนั้นมันไม่โผล่หัวออกมาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เจ้าคิดว่าพวกเราจะมีโอกาสฆ่ามันหรือไม่?”

 

“การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวที่พึ่งจบไป แม้มันจะออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาจริง แต่ด้วยมือ เชียนซานผู้นั้นอยู่ตระกูลจังข้าคิดจะส่งราชาเทพไปฆ่ามันก็ทําไม่ได้”

 

เหตุผลที่จังเค่อฉีขอลาหยุด และออกมานอกสถานศึกษานั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนอะไร เพียงแค่มันอยู่ในสถานศึกษาแล้วรู้สึกหดหู่

 

ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าล้อมันเรื่องถูกต้วนหลิงเทียนแย่งที่พักไปต่อหน้า แต่ลับหลงไม่ทราบผู้คนคุยกันสนุกปากขนาดไหน และช่วงนี้ด้วยทุกคนเอาแต่พูดถึงความยอดเยี่ยมของต้วนหลิงเทียนหลังคะแนนทดสอบออก มันก็หงุดหงิดนัก เพราะทุกครั้งที่ได้ยินคนกล่าวชมต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงใจ สุดท้ายก็เลยลาหยุดออกมา 2 วัน เพื่อหารือกับคนที่บ้านว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนอย่างไร

 

และวันนี้ก่อนออกจากบ้านมา มันก็ได้รับข้อสรุปว่า คนในตระกูลเลือกจะรอให้ต้วนหลิงเทียนไปถึงนิกายหมอกเร้นลับก่อน ค่อยหาทางจัดการอีกฝ่ายทีหลัง ทําให้มันอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก สุดท้ายก็เลยชวนพวกออกมาดื่มกินกันด้านนอก

 

ตอนนี้เมื่ออิ่มหน้าแล้ว ก็เลยคิดจะกลับ

 

จังเค่อเดินนํากลุ่มคนออกจากห้องส่วนตัว ไปตามช่องทางเดินเฉพาะที่มุ่งหน้าไปยังโถงรวม

 

เหลาอาหารแห่งนี้ก็เป็นกิจการของตระกูลจังเอง และหากจะออกจากห้องส่วนตัวเพื่อไปข้างนอก ก็ต้องผ่านโถงรวม

 

“นายน้อย!”

 

“นายน้อย!”

 

ขณะเดินออกมา ไม่ว่าจังเค่อฉีผ่านไปที่ใด พนักงานในเหลาอาหารก็ล้วนโค้งคารวะมันอย่างนอบน้อม เห็นได้ชัดว่าพวกมันรู้จักนายน้อยตระกูลจังอย่างจังเค่อฉีดี

 

จังเค่อฉีไม่ได้แยแสอะไรพยักงานตัวเล็กๆ เพียงก้าวอาดๆเข้ามาในห้องโถงรวม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก

 

“นายน้อยฉี กิจการเหลาอาหารตระกูลจังท่านนับวันยิ่งรุ่งเรือง…กระทั่งโถงรวมยังไม่มีที่ให้ผู้คนนั่งกันแล้ว

 

ชายหนุ่มที่ติดสอยห้อยตามด้านหลัง เมื่อเห็นโถงรวมแน่นขนัดไปด้วยลูกค้า ก็อดกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจไม่ได้

 

จังเค่อฉีพอได้ฟัง ก็กวาดตามองไปรอบๆโถงรวมรอบหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันที่คิดชมดูบรรกาศผู้คนมาใช้บริการเหลาอาหารตระกูลมันด้วยความพอใจ ไม่คิดเลยว่าเมื่อเหลือบไปเห็นโต๊ะหนึ่ง กลับทําให้มันไม่อาจละสายตาออกมาได้อีก เพราะมันเห็นร่างหนึ่ง ที่มักทําให้มันฝันร้ายอยู่ทุกค่ําคืน

 

ก่อนหน้า มันยังฝันว่าถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย!

 

“นั่นมันต้วนหลิงเทียน! ไฉนมันถึงออกมาได้เล่า!?

 

“หรือมันก็ขอลาออกมาเหมือนกัน?

 

นี้เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวจังเค่อฉี ขณะเดียวกันมันก็เหลือบไปมองร่างชายชราที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้วนหลิงเทียน และไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ไม่คุ้นหน้าเลย จึงสรุปได้ทันที่ว่านั้นไม่น่าจะใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ดูเหมือนนั้นจะเป็นอาวุโสในบ้านมัน…หรืออาวุโสของมันผ่านมาเมืองวายุสวรรค์พอดี มันก็เลยขอ ลาออกมาเพื่อพบเจออีกฝ่าย?

 

“แถมมีที่ไหนไม่ไป มันดันเลือกจะมาใช้บริการเหาอาหารตระกูลจังข่า?

 

จังเค่อฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปยังช่องทางเดินที่มุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวทันที

 

และการกระทําดังกล่าวของมัน ไม่เพียงทําให้พนักงานในเหลาที่อยู่ 2 ข้างทางสงสัยเท่านั้น คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็สับสนไม่แพ้กัน “นายน้อยฉี ท่านเป็นอะไรไป?”

 

“หุบปาก!”

 

จังเค่อฉี สบถค่าตําหนิออกมาเสียงหนัก และด้วยความจริงจังไม่เว้นสีหน้าขึงขังของจังเค่อฉี ก็ทําให้คนอื่นๆไม่กล้าพูดอะไรอีก

 

ครูต่อมา ท่ามกลางสายตาทุกคน จึงเค่อฉีก็นิ่งไป เพราะมันกําลังส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณมากมายในแหวนพื้นที่…และคนที่มันส่งข้อความไปหา ก็ไม่ใช่ใคร เป็นบิดาของมัน นายคนที่ 2 ของตระกูลจัง จังเอ้อ นอกจากนั้นยังมีอา 3 อา 4 ไม่เว้นลุงใหญ่ที่เป็นผู้นําตระกูลจัง

 

และตอนนี้ไม่ว่าจะจังตาหรือจังเอ้อก็กลับมาจากการไปทําธุระด้านนอกแล้ว ทุกคนล้วนอยู่กันพร้อมหน้าที่ตระกูลจัง

 

หลังจากทั้ง 4 ได้รับแจ้งจากจังเค่อฉีว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับกล้าพาติมานั่งดื่มกินในเหลาอาหารที่เป็นกิจการของตระกูลจังพวกมัน พวกมันไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนหรือทําอะไร ทั้งหมดล้วนหยุดมือ จากนั้นสองตาก็เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน

 

และผู้นําตระกูลจัง จังต้า ก็เร่งส่งข้อความไปหาจังซื้อทันที “เจ้า 4 เจ้าอยู่ที่เหลาของเจ้าหรือไม่?”

 

“ข้าอยู่พี่ใหญ่”

 

จังชื่อก็เร่งตอบกลับเร็วไว “ตอนนี้ข้าอยู่กับเค่อฉีแล้ว”

 

“ตอนนี้เจ้าเร่งส่งคนของเจ้าไปจัดตั้งค่ายกลเสีย พวกเราจะปิดผนึกพื้นที่รอบๆเหลาอาหาร ป้องกันไม่ให้ผู้ใดติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้…ให้ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ต่างอะไรจากสัตว์ติดบ่วงแล้วฆ่ามันเสีย!”

 

“ว่าแต่ ตอนนี้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันนั่งกินในโถงรวมรี?”

 

“เจ้าลองไปจัดการดูว่าจะพามันไปยังห้องส่วนตัวได้หรือไม่ จากนั้นค่อยเปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นการสื่อสาร

 

ในฐานะผู้นําตระกูลจัง มันนับว่าตัดสินใจเร็วนัก และตั้งใจจะฆ่าต้วนหลิงเทียนในเหลา!

 

“ทราบแล้วพี่ใหญ่”

 

จังซื่อตอบกลับอย่างเชื่อฟัง

 

“เค่อฉี เจ้ามั่นใจหรือ ว่าคนที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนนั่นมิใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ?”

 

จังต้าถามจังเค่อฉียาอีกครั้ง

 

ด้านจังเค่อฉีก็ตอบกลับอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ท่านลุงข้าอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาเกือบ 2,000 ปีแล้ว ข้ารู้จักอาจารย์ทุกคนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับดี..มีเพียงคนนี้เท่านั้นที่ข้าไม่เคยเห็นหน้า! หมายความว่ามันไม่ใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแน่นอน!!”

 

“เข้าใจแล้ว

 

จังต้ารับคํา จากนั้นก็ส่งข้อความมานัดหมาย “ข้าจะให้บิดาของเจ้าไปด้วยตัวเอง…บอกอา 4 ของเจ้าว่าให้รอบิดาเจ้าไปถึงก่อนค่อยลงมือ!”

 

“นอกจากนั้นก่อนที่จะจัดตั้งค่ายกลผิดปั้นการสื่อสารแล้วเสร็จ เจ้าอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด…และหลังจากฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นได้แล้ว เจ้าก็ก่าจัดศพของมันให้สิ้นซากเสีย อย่าได้ให้เหลือร่องรอยใดๆเด็ดขาด!”

 

“ด้วยวิธีนี้ต่อให้วันหน้าจะมีคนออกมาพูดว่าจําได้ว่าต้วนหลิงเทียนเดินเข้าเหลาของพวกเรา แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน ก็เป็นไปไม่ได้ที่คณบดีของสถานศึกษาจะสอดมือเข้ามายุ่งได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเล่นงานตระกูลจังของพวกเราโดยตรง”

 

“ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันประเสริฐนัก…ไม่แน่ วันนี้พวกเราอาจขจัดภัยซ่อนเร้นของตระกูลจังเราได้อย่างถาวร!”

 

ฟังจากคําพูดของจังต้าแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันระมัดระวังไม่น้อย ขณะเดียวกันฟังจากน้ําเสียงจริงจังของมัน เห็นได้ชัดว่าจังต้าเองก็ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลจัง!

 

หลังได้ยินค่ากําชับและกําหนดการลงมือของจังตา ลูกตาจังเค่อฉีก็เปล่งแสงจ้า ขณะเดียวกันก็เร่งกล่าวกับจังซือทันที ว่าจังด้สั่งอะไรไว้บ้าง

 

ขณะเดียวกันกับที่จังซื่อรับทราบ มันก็หันไปถามลูกน้องอันเป็นชายชราด้านข้าง จนในที่สุดก็สืบทราบว่าต้วนหลิงเทียนกับชราชราผู้นั้น เดิมที่ต้องการใช้ห้องส่วนตัว แต่พอดีห้องเต็ม มันก็เลยให้บริกรออกไปแจ้งต้วนหลิงเทียนกับชายชรานั้นว่าตอนนี้ห้องส่วนตัวว่างแล้ว “ไป เจ้าไปบอกคนที่เจ้าจึงต้อนรับก่อนหน้าเสีย แขกที่เป็นชาหนุ่มชุดม่วงกับชายชราผู้นั้น ว่าบัดนี้ห้องส่วนตัวของพวกเราว่างแล้ว…และแจ้งทั้งคู่ไปด้วยว่าห้องส่วนตัวนี้ พวกเราจักมอบให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นการขอโทษที่ก่อนหน้าไม่มีห้องว่างให้พวกมัน”

 

อันที่จริงขอแก้ตัวดังกล่าวมันฟังไม่ขึ้นจริงๆ

 

อย่างไรก็ตามจังซื้อเชื่อว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าเหลาอาหารแห่งนี้เป็นกิจการของตระกูลจัง อีกฝ่ายย่อมไม่สงสัยแน่นอน

 

ปรากฏว่าจ้งชื่อเดาถูก

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สงสัยอะไร เพราะในโลกเก่าเขาก็เจอเรื่องทํานองนี้มาไม่น้อย ยิ่งถ้าสั่งของแพงๆบางที ค่าห้องส่วนตัวก็ไร้สําคัญจนไม่นํามาคิด…บ้างยังจะเลือกเสนอโปรโมชั่นต่างๆเป็นการดึงดูดลูกค้าที่ใช้จ่ายมือเย็บ

 

ด้านถังชุนที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สงสัยอะไร