ตอนที่ 3659 : ระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของถังชุน
พอถังชุนเปิดปากโพล่งคำออกมารอบนี้ จ้งเค่อฉีก็ถึงกับอึ้งไปไม่น้อย
ชายชราคนนี้ กระทั่งลุงใหญ่ของมันยามพบเจอ ก็ยังต้องก้มหัวคารวะ?
จ้งเค่อฉีรู้สึกเสมือนได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตามหลังถังชงพูดจบ ไม่ทันที่จ้งเค่อฉีจะได้พูดอะไรออกมา ก็เป็นจ้งเอ้อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “ตาแก่ เจ้ามันก็แค่เทพขั้นสูงไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ยังหาญกล้ากล่าววาจาเขื่องโขต่อหน้าพวกเรา…นี่เจ้าไม่กลัวผู้คนหัวเราะจนฟันร่วงบ้างหรือ?”
ด้านจ้งซื่อเองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกคน “อาศัยเทพขั้นสูงคนหนึ่ง…ข้าคิดจะฆ่าเจ้ายยังลำบากเพียงยกมือเท่านั้น!”
แทบจะพร้อมกันกับที่จ้งซื่อกล่าวจบคำ พลังเทพก็ปะทุขึ้นมาทั่วร่างมันปานเพลิงไฟ กลิ่นอายพลังสุดไพศาลเริ่มกำจายไปทั่วห้องส่วนตัว พาลให้ห้วงอากาศเสมือนหยุดนิ่ง
แถมกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้น มันต่างจากกลิ่นอายพลังขอบเขตเทพโดยสมบูรณ์
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดหรี่ลงไม่ได้ ใจยังเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ‘จ้งซื่อคนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเทพขั้นสูงหรือไร? แต่กลิ่นอายพลังระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่เทพขั้นสูงจะมีได้…’
‘มันทะลวงด่านพลังถึงขั้นราชาเทพแล้วรึ?’
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ ตอนที่อยู่ในโรงประมูลตระกูลโจว เขาก็ได้ยินผู้คนกล่าวถึงระดับพลังบ่มเพาะของจ้งซื่อ นายท่าน 4 แห่งตระกูลจ้งหนาหู จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเทพขั้นสูง
ทว่าตอนนี้ จากกลิ่นอายพลังเทพที่แผ่ออกมาทั่วร่างของจ้งซื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่ขอบเขตเทพขั้นสูงแน่นอน
“โฮ่? นาย 4 แห่งตระกูลจ้ง ก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้วรึ?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพทั่วร่างจ้งซื่อ ถังชุนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “แต่กระนั้น ข้ายังอยากรู้นัก…ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใด? เจ้าคิดว่าอาศัยระดับพลังราชาเทพขั้นต่ำ สามารถฆ่าข้าได้เพีงแค่พลิกฝ่ามือ?”
พอจ้งซื่อได้ยินวาจาเย้ยเยาะของถังชุน ใบหน้ามันก็ฉายชัดถึงความรังเกียจ “ตาแก่ รู้ทั้งรู้ว่าข้าบรรลุถึงราชาเทพแล้ว…อาศัยเทพขั้นสูงเช่นเจ้า คิดว่าข้าฆ่าไม่ได้เช่นนั้นรึ?”
กระทั่งจ้งเค่อฉีที่อยู่ด้านหลังเอง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา ท่าทางแลดูตลกขบขันมาก “ตาแก่ หากเจ้ารีบคุกเข่าร้องขอความเมตตาตอนนี้ยังทัน…ไม่น่าว่าอา 4 ของข้าอาจเมตตาเฒ่าชราเช่นเจ้า จนเหลือซากศพสมบูรณ์ไว้ให้!”
ถังชุนไม่แยแสรุ่นหลังอย่างจ้งเค่อฉี เพียงมองไปยังจ้งซื่อด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งหาญกล้าวางท่าโอหังต่อหน้าข้าถังชุนผู้นี้”
แทบจะพร้อมๆกันกับที่ถังชุนกล่าวจบคำ จ้งซื่อ ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรหากทว่าจ้งเอกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ ด้วยเพราะมันรู้สึกว่านาม ‘ถังชุน’ คุ้นๆหูพิกล ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
อนิจจาแม้จะรู้สึกคุ้นๆ แต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก
ซัววว!!
และในขณะเดียวกันกับที่จ้งเอ้อขมวดคิ้วครุ่นคิดนั้นเอง กลิ่นอายพลังเทพอันทรงพลังสุดไพศาลเหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของจ้งซื่อก็ระเบิดออกมาจากร่างถังชุน และพริบตาที่มันปรากฏ ก็ได้กลบไอพลังของจ้งซื่อเสียมิด!
ด้านจ้งซื่อเองที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่าย สีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
เพราะกระทั่งพี่ใหญ่ของมัน ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบัน ยามเร่งเร้าพลังเทพทั้งหมดออกมา แต่กลิ่นอายพลังเทพของอีกฝ่ายยังไม่กล้าแข็งเท่านี้เลย!
และต้องทราบด้วยว่า พี่ใหญ่ของมัน จ้งต้า เป็นถึงราชาเทพขั้นกลางแล้ว!
“สูง…ราชาเทพขั้นสูง!?”
มองไปยังถังชุนอีกครั้ง สีหน้าจ้งเอ้อก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าชายชราเบื้องหน้าจะเสแสร้งเป็นหมูกินเสือเช่นนี้!
อีกฝ่ายไม่ใช่เทพขั้นสูงเลย แต่เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!
เพราะมีแต่พลังเทพของขอบเขตราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะมีกิ่นอายพังกล้าแข้งถึงขั้นนี้!
ในระนาบเทพมีหลายสิ่งอย่างที่สามารถปกปิดพลังฝึกปรือของผู้ใช้ได้ แต่ในเมืองวายุสวรรค์นั้น ไม่เคยปรากฏว่ามีใครครอบครองสมบัติดังกล่าว
และต่อให้มี ก็เกรงว่าจะมีน้อยมากที่ใช้มัน
ในโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการยอมรับนับถือ มีก็แต่ผู้อยากแสดงตัวว่าเข้มแข็ง หากไม่จำเป็นยังจะมีใครตั้งใจซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง?
อนิจจา วันนี้มันกับบังเอิญพบพานตัวตนเช่นนั้นเข้าให้…
ราชาเทพขั้นสูงที่ซุกซ่อนพลังฝึกปรือของตัวเอง!
จังหวะนี้ไม่ใช่แค่จ้งเอ้อเท่านั้นทีมีสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก กระทั่งจ้งซื่อยังหน้าเปลี่ยนสีไป
แม้มันจะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ แต่มันก็เคยสัมผัสกลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันหลายรอบแล้ว และกลิ่นอายพลังเทพของชายชราเบื้องหน้า ก็เหนือกว่ากลิ่นอายพลังเทพของพี่ใหญ่มันโดยสมบูรณ์!
อีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูงไม่ผิดแน่!
พอคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันกล่าววาจาวางท่าขู่ข่มอีกฝ่ายไป ใบหน้าจ้งซื่อก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์หาใดเปรียบ มันคิดไม่ถึงจริงว่าคนที่มันตอแยจะไม่ใช่เทพขั้นสูง แต่ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง!
จังหวะนี้แววตาของจ้งซื่อเริ่มฉายให้เห็นถึงความสิ้นหวังแล้ว
“ตะ…ใต้เท้า”
จ้งซื่อหมอกถังชุนด้วยสายตาหวาดผวา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวว่า “ข้า…เมื่อครู่…ข้าเพียงล้อท่านเล่น…ขอท่าน…อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย”
“ล้อข้าเล่น? เหอะๆ…”
ถังชุนยิ้มเยาะ “เจ้า…หรือคิดว่าข้าเป็นเด็ก 3 ขวบ?”
พอจ้งซื่อได้ยินดังนั้น ร่างมันก็สะท้านไป สีหน้ายังซีดลงปานไก่ต้ม แววตาเริ่มฉายชัดถึงความสิ้นหวังอับจน จากนั้นก็หันไปมองจ้งเอ้อที่อยู่ข้างๆ และเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปว่า “พี่รอง ช่วยข้าด้วย!”
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่า พี่รองของมันก็ไม่มีปัญญาช่วยเหลือมัน…
สุดท้ายแล้วเมื่อพิจารณาจากความเป็นมาของโฉมงามผู้ติดตามเด็กหญิงที่เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าพี่ชายคนนั้น เบื้องหลังของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวว่าต้องเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพแน่แล้ว และราชาเทพขั้นสูงคนนี้ ก็ไม่พ้นต้องเป็นผู้ติดตามของต้วนหลิงเทียน และเป็นคนของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพนั่นแน่
มันก็เลยบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ และรู้สึกว่า 9 ใน 10 มันต้องตายที่นี่วันนี้แน่ ยากจะรอดชีวิตไปได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับความตาย มันก็ได้แต่เอื้อมมือไขว่คว้าหาฟางเส้นสุดท้ายไปทั่ว ก็เลยขอความช่วยเหลือจากพี่รองของมัน
ขณะเดียวกัน ด้านจ้งเค่อฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งเอ้อก็ตกใจจนหน้าถอดสี ร่างมันยังสั่นระริกไปอย่างแรง กระทั่งสองขาอยู่ๆก็รู้สึกอ่อนกำลัง คนทรุดลงนั่งก้นจ้ำเบ้บากับพื้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นกลิ่นปัสสาวะก็เริ่มเหม็นคลุ้งไปทั่วห้องส่วนตัว
ราชาเทพขั้นสูง!?
คนที่มันกล่าวประชดเย้ยหยันเมื่อครู่ ที่แท้เป็นถึงราชาเทพขั้นสูง?
เพราะมันอยู่ใกล้กับบิดาของมันมาก แม้เมื่อครู่บิดาของมันจะเพียงกล่าวพึมพำออกมากับตัว มันก็ยังได้ยินชัดถนัดหู ด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นราชาเทพขั้นสูง!
ด้านจ้งเอ้อเองก็หน้าซีดปานขี้เถ้า
อย่างไรก็ตามพอนึกถึงชื่อที่อีกฝ่ายพึ่งกล่าวออกมา ในที่สุดก็คล้ายมีแสงส่องสว่างขึ้นในหัว จากนั้นมันก็หันไปมองถังชุนโดยไม่รู้ตัว ยังถามออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “ท่านผู้อาวุโส…ท่านก็คือผู้อาววุโสถังชุนแห่งนิกายหมอกเร้นลับ?” มันนึกออกแล้ว!
ครั้งก่อนตอนที่มีอาวุโสนิกายหมอกเร้นลับที่เป็นคนของตระกูลจ้งกลับมาเยี่ยมตระกูล อีกฝ่ายก็เคยเอ่ยถึงชื่อ ถังชุน ขึ้นมา และดูเหมือนความสัมพันธ์กับถังชุนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็ล้วนเป็นอาวุโสของนิกายหมอกเร้นลับดุจเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังอยู่ในแวดวงคนของเมืองวายุสวรรค์ไม่ต่าง ทำให้ถึงไม่ชอบขี้หน้ากันแค่ไหนก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
ในขณะที่กล่าวถามออกไป จ้งเอ้อก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มันเร่งส่งข้อความไปหาพี่ใหญ่ของมันโดใช้ลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่เป็นสื่อทันที
เร่งบอกเล่าพี่ใหญ่ให้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่
นอกจากนั้นจ้งเอ้อไม่เพียงสลายข่ายอาคมจากจานค่ายกลที่มันใช้ปกคลุมไปทั่วห้องส่วนตัวแห่งนี้ ยังเร่งส่งเสียงผ่านพลังบอกให้จ้งซื่อสลายข่ายอาคมที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเหลาอาหารเช่นกัน
เมื่อค่ายกลทั้ง 2 ถูกปิด ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง
หลังจากส่งข่าวรางานสถานการณ์ให้พี่ใหญ่แล้วเสร็จ จงเอ้อยังไม่ลืมเตือนว่า “พี่ใหญ่ ท่านเร่งติดต่อไปหาท่านทวดเถอะ
“ตอนนี้มีเพียงท่านทวดคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้”
ท่านทวดที่จ้งเอ้อกล่าวถึงนั้น ก็คือบิดาของปู่แท้ๆจ้งต้าและจ้งเอ้อ มีลำดับอาวุโสในตระกูลจ้งสูงมาก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคนตระกูลจ้งที่มีฐานะดีที่สุดในนิกายหมอกเร้นลับ
ด้านจ้งต้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าครั้งนี้น้องรองกับน้อง 4 ของมันจะไปตอแยถังชุนเข้าให้ มันย่อมไม่กล้าละเลยรอช้า เร่งส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณทันที
ลูกแก้ววิญญาณของท่านทวดตระกูลจ้งผู้นั้น มีเพียงผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันเช่นมันเท่านั้นที่มี ทำให้มีมันเพียงคนเดียวที่สามารถติดต่อไปหาอีกฝ่ายได้
…
ภายในเหลาอาหารของตระกูลจ้ง
บัดนี้ภายในห้องส่วนตัว ด้วยมีจ้งเอ้อเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะจ้งซื่อก็ดี จ้งเค่อฉีก็ดี อีกทั้งชายชราที่เป็นมือดีของจ้งซื่อบัดนี้ต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้น ร่างสั่นระริกปานลูกนกตกน้ำ
“ผู้อาวุโสถังชุน ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเราจดจำท่านไม่ได้จึงเผลอล่วงเกินท่านไป เป็นพวกเราผิดเอง…ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยผู้ไม่รู้ ทั้งเห็นแก่หน้าท่านทวดของพวกเรา โปรดเมตตาละเว้นชีวิตพวกเราด้วยเถอะ”
จ้งเอ้อที่คุกเข่าบนพื้นห้อง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“อะไร? แล้วเจ้านั่นเล่า ไม่คิดอาศัยการพลิกฝ่ามือฆ่าข้าแล้วรึ?”
ถังชุนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หันไปมองจ้งซื่อพลางถามเคล้าเสียงหัวเราะ
“ขอผู้อาวุโสถังชุนโปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย”
ร่างจ้งซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสั่นไปอย่างแรง ได้แต่กล่าวอ้อนวอนร้องขอชีวิตออกมาเสียงอ่อน
“ไฉนถึงยอมเร็วนักเล่า?”
ถังชุนเย้ยเยาะ จากนั้นสองตามันก็ฉายแววเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ไอพลังเทพทั่วร่างพลั่นสั่นไหวพุ่งพล่าน จากนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มปั่นป่วนไปทั่วห้องส่วนตัว
ถังชุนจะอย่างไรก็เป็นราชาเทพขั้นสูงคนหนึ่ง
แต่วันนี้กลับมีราชาเทพขั้นต่ำคนหนึ่งปากดี กล่าวบอกว่าคิดฆ่ามัน อาศัยแค่พลิกฝ่ามือก็พอ…
จะให้มันทนไหวได้อย่างไร
หากวันนี้ไม่ใช่เพราะพลังมันกล้าแข็งกว่าผู้อื่นเขา ไม่ใช่ว่าคงถูกผู้อื่นเข่นฆ่าเอาจริงๆหรือไร?
“ผู้อาวุโสถังชุน ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”
เมื่อจ้งซื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของถังชุน มันก็เร่งโขกศีรษะลงพื้นห้องส่วนตัวอย่างแรงจนเลือดโชกโดยไม่รู้ตัว
ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงนั่งอยู่เพียงใช้ตะเคียบคีบอาหารกินไปพลางชมดูเรื่องราวไปพลาง สีหน้าแววตาช่างเฉยเมไร้แยแสนัก ราวกับทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง เพราะในสายตาเขา ที่คนของตระกูลจ้งต้องตกอยู่ในสภาพอนาถแบบนี้ ทั้งหมดเพราะพวกมันหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น
อีกฝ่ายกล้าขู่ว่าจะฆ่าเขาต่อหน้าถังชุนไม่พอ ยังกล้าพูดทำนองจะฆ่าถังชุนซึ่งเป็นอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับออกมาอย่างอุกอาจอีก
‘อย่างไรก็ตามวันนี้เต็มที่อาวุโสถังชุนก็แค่ฆ่าคนที่ล่วงเกินเท่านั้น…ส่วนด้านตระกูลจ้งนั่น ต่อให้จะมีอาวุโสถังชุนเป็นพยานว่าพวกมันคิดฆ่าข้า แต่ด้วยฐานะของผู้อาวุโสนิกายหมอกเร้นลับ ก็คงไม่อาจลงมือฆ่าล้างทั้งตระกูลเพียงเพื่อศิษย์สายในคนใหม่เช่นข้าแน่นอน’
‘ต่อให้ข้าจะผ่านการทดสอบจนได้เป็นศิษย์หลักแล้ว แต่ถ้าตระกูลจ้งไม่ก่อการจนมีหลักฐานมัดตัว ทางงิกายหมอกเร้นลับก็คงเอาผิดพวกมันยาก’
‘สุดท้ายแล้วในบรรดาอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ ก็สมควรมีคนของตระกูลจ้งอยู่ไม่น้อย กระทั่งอาวุโสฝ่านอกเองก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 20 คน’
ตอนที่ยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทราบารายละเอียดของตระกูลจ้งจากติงเหยียนและโหวชิ่งหนิง จึงรู้ว่าตระกูลจ้งเองก็มีเส้นสายไม่น้อย และในนิกายหมอกเร้นลับเองก็มีความสัมพันธ์ซับซ้อน
ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่าตระกูลจ้งไม่ใช่อะไรที่จะโค่นล้มได้ง่ายๆ
หากเขาคิดจะฆ่าล้างตระกูลจ้ง เห็นทีจะมีแต่พึ่งกำลังของตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พอคิดว่าจะได้เห็นคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 ถูกฆ่าลงต่อหน้าต่อตาเขาก็รู้พึงพอใจไม่น้อย แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความเมตตาใดๆให้พวกมัน
ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นพวกมันคิดฆ่าเขา!