ตอนที่ 3660

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3660 : ขอขมา

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดเมตตาต่อศัตรูที่คิดฆ่าเขาแน่นอน

 

ดังนั้นเขาก็เลยชมดูเรื่องราวทั้งหมดเบื้องหน้าด้วยความเฉยเมย

 

ซู่มมม!!

 

ครืนน!!

 

 

ทันใดนั้นพลังเทพทั่วร่างถังชุนก็ปะทุขึ้นมา ผสานเข้ากับความลึกซึ้ง ก่อเกิดแรงกดดันพลังอันน่าสะพรึงกลัว กลิ่นอาพลังยังยิ่งใหญ่สุดไพศาล ปานจะทลายความว่างเปล่า จากนั้นกลิ่นอายพลังก็เพ่งเล็งไปยังร่างจ้งซื่อ

 

ทันใดนั้น แววตาของถังชุนก็ฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน!

 

แม้แต่ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของถังชุนชัดเจน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าคนของตระกูลจ้งทั้ง 3กำลังจะประสบเคราะห์แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พลังทั่วร่างถังชุนได้เร่งเร้าสภาวะถึงขีดสุด และกำลังจะลงมือสังหาร อยยู่ดีๆพลังสภาวะก็ลดทอนลงมากว่าครึ่ง!

 

กล่าวให้ชัด ยังลดทอนลงไปกว่า 7 ส่วน!

 

ปงงงง!!

 

เสียงซัดกระแทกดังขึ้นถนัดถนี่ เป็นพลังเทพที่ถูกลดทอนลงแล้วของถังชุนแถมยังถอนรั้งการผสานรวมความลึกซึ้งออกไป ได้ซัดกระแทกเข้าร่างจ้งซื่ออย่างจัง จนทำให้ร่างจ้งซื่อปลิวละลิ่วทะลุห้องส่วนตัวไปกระแทกผนังห้องด้านนอก

 

ร่างจ้งซื่อค่อยๆเลื่อนไหลออกจากผนังตกไปกองกับพื้น คนกระอักโลหิตออกมาหลายคำ อย่างไรก็ตามใบหน้ามันกลับปรากฏรอยยิ้มโล่งใจคลี่กางขึ้นมา “ขอบคุณอาวุโสถังชุนที่เมตตาไว้ชีวิต!”

 

เห็นฉากดังกล่าวสองตาจ้งเอ้อก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

 

และในขณะเดียวกันกับที่สองตาจ้งเอ้อลุกวาว พลังเทพของถังชุนก็ซัดกวาดออกมาอีกครั้ง กระแทกเข้าร่างจ้งเคอ่ฉี ทำให้มันปลิวละลิ่วทะลุห้องไปฝังตัวลงบนกำแพงห้องอีกห้อง ก่อนจะร่วงตกลงมาราวสุนัขป่ว

 

จ้งเค่อฉีนั้นระดับพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าทุกคนในที่นี้มาก ถึงแม้มันจะพยายามเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตก็แล้ว แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก เลือดยังกระอักออกปากไม่หยุด ราวกับจะสิ้นใจได้ทุกเมื่อ

 

“เค่อฉี ยังไม่รีบขอบคุณอาวุโสถังชุนที่ไว้ชีวิตอีก!?”

 

จ้งเอ้อหันไปมองจ้องจ้งเค่อฉีตาเขม็ง เร่งตะโกนเตือนเสียงดุ

 

จ้งเค่อฉีที่กลับมารู้สึกตัว ก็พยายามยกมือขึ้นป้องประสานกล่าวคำขอบคุณต่อถังชุน “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสถังชุนที่เมตตาไว้ชีวิต!”   

 

จากนั้นสายตาของจ้งเอ้อก็เริ่มหันกลับมามองไปทางต้วนหลิงเทียนที่นั่งตรงข้ามถังชุน ในแววตาเริ่มฉายชัดถึงความยินดีที่รอดตาย เพราะมันรู้ดีว่าภัยพิบัติของมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว…

 

ตั้งแต่ที่ถังชุนหยุดยั้งการสังหารเลือกที่จะไว้ชีวิตน้อง 4 ของมัน มันก็รู้ได้ทันทีว่าท่านทวดของมันได้ส่งข้อความมาหาถังชุน และเกลี้ยกล่อมถังชุนให้ไว้ชีวิตน้อง 4 ไม่เว้นลูกชายของมันกับตัวมันเองเป็นที่เรียบร้อย

 

หาไม่แล้วด้วยจิตสังหารของถังชุนเมื่อครู่ อย่าว่าแต่มัน กระทั่งจ้งเค่อฉีลูกชายมันและ จ้งซื่อ น้อง 4 ของมันไม่พ้นต้องตกตายไปแล้วแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม ความสุขความยินดีที่รอดตายมาได้ของมันก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะหลังจากมันมองต้วนหลิงเทียนได้สักพัก และนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับตัวตนแบบใด สีหน้ามันก็หวนกลับมามืดลงทันที

 

เพราะถึงวันนี้พวกมันจะเก็บกู้ชีวิตมาได้แต่ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะปล่อยให้มันมีลมหายใจได้นาน

 

และพอคิดถึงจุดนี้ หนังศีรษะของมันก็เริ่มรู้สึกด้านชาขึ้นมา

 

ปงงง!!

 

เสียงซัดกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง เป็นจ้งเอ้อที่โดนซัดเหมือนคนอื่นๆ สร้างรอยแตกที่ผนังอีกรอย กระอักเลือดเพราะบอบช้ำภายในไม่น้อย อย่างไรก็ตามมันไม่แยแสอาการบาดเจ็บใดๆ หลังขอบคุณถังชุนที่ไม่ฆ่าแล้ว มันก็เร่งส่งข้อความไปหาจ้งต้า พี่ใหญ่ของมันอีกครั้ง น้ำเสียงยังหนักอึ้งนัก “พี่ใหญ่ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะรอดมาได้…แต่ข้าเกรงว่าต้วนหลิงเทียนนั่นต้องฆ่าล้างทั้งตระกูลจ้งของพวกเราแน่!!”

 

หลังเกริ่นหัวข้อดังกล่าวขึ้นมาแล้ว จ้งเอ้อก็เร่งอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟงจากจ้งซื่อทันที

 

“ว่าอะไร!?”   

 

หลังจ้งต้าทราบว่าต้วนหลิงเทียนคือชายหนุ่มลึกลับที่ปรากฏตัวในโรงประมูลตระกูลโจววันนั้น ตัวตนที่ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าอาจจะมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหรือแม้แต่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ และออกตามหากันให้ควั่ก สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปทันที

 

“ไฉนเป็นมันไปได้?”

 

มันคิดไม่ออกจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับหรือไร? ไฉนถึงมีตัวตนเช่นนี้ได้?

 

“เจ้ารอง คนของเจ้า 4 ผิดพลาดอะไรหรือไม่ หากมันมีความเป็นมายิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นจริง ไฉนต้องไปเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และคิดเข้านิกายหมอกเร้นลับด้วย?”

 

จ้งต้าเอ่ยถามเข้าประเด็น

 

“พี่ใหญ่ เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ…ว่าแต่ตอนนี้ข้าสมควรทำอย่างไรดี เพื่อติดต่อท่าน ข้ากับเจ้า 4 ได้ปิดค่ายกลทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้มันสมควรติดต่อกับคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกระทั่งอาจจะเป็นถึงขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลังมันแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง…”

 

“หรือ พวกเราลองเสี่ยงส่งข้อความถึงท่านทวด ให้ท่านทวดเร่งติดต่อขอความร่วมมือจากถังชุน ร่วมมือกันฆ่ามันเพื่อตัดปัญหาเภทภัยในภายภาคหน้าดี?”

 

“เพราะหากมันยังไม่ได้ติดต่อผู้ใด พวกเราก็ชนะเดิมพัน!”

 

จ้งเอ้อเร่งเสนอความคิดเร็วไว

 

“นี่มันก็นานพอให้มันส่งข้อความไปถึงไหนต่อไหนแล้ว…”

 

อย่างไรก็ตาม จ้งต้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของจ้งเอ้อ “ตอนนี้…เจ้าลองขอขมาลาโทษมันดูก่อนเถอะ สำหรับตัวตนเช่นมัน พวกเราอย่าได้หาเรื่องหรือเป็นศัตรูกับมันเสียประเสริฐสุด”

 

“หากมันยินดีละวางเรื่องราวบาดหมางทั้งหมด ไม่ว่ามันต้องการอะไร พวกเราก็ให้มันเถอะ”

 

“ต่อให้ข้อเรียกร้องของมันจะเกินกว่าที่พวกเราจะจ่ายไหว ก็ขออนุโลมผ่อนผันจากมันและบอกมันไปว่าพวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเถอะ”

 

เสียงกล่าวประโยคท้ายของจ้งต้า เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังจับใจ “ตั้งแต่วันนี้ไป ตระกูลจ้งของพวกเราไม่มีปัญญาตั้งตัวเป็นศัตรูกับมันได้ไหวแล้ว…”

 

ถึงแม้มันจะไม่รู้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ หรือขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพกันแน่

 

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายนั้นมีความสัมพันธ์กับเด็กหญิงคนนั้นในห้องส่วนตัวของโรงประมูลตระกูลโจว มือดีของจ้งซื่อยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้ว และมือดีดังกล่าวก็เป็นคนของตระกูลจ้ง ย่อมไม่คิดโกหก และไม่จำเป็นต้องโกหก

 

นั่นไม่ใช่ประเด็น.  

 

ประเด็นคือ เด็กหญิงที่เรียกหาต้วนหลิงเทียนอย่างสนิทสนมนั่น ถูกเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ โดยยอดฝีมือระดับจอมราชันเทพอันทรงพลัง ที่สมควรเป็นแค่ผู้ติดตาม… 

 

การที่จะมีตัวตนระดับจอมราชันเทพอันทรงพลังเป็นผู้ติดตามได้ เกรงว่า ‘คุณหนู’ ที่ว่าต้องมีฐานะสูงส่งในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเท่านั้น กระทั่งยังมีแต่ทายาทของตัวตนสำคัญในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพขั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ที่จะมีผู้ติดตามระดับนั้น

 

ตัวตนดังกล่าว แค่เอ่ยวาจาเพียงหนึ่งคำ ไม่ทราบจะมียอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางไม่เว้นขั้นสูงมากมายเท่าไหร่คิดออกหน้าฆ่าล้างตระกูลจ้ง ลบตระกูลจ้งให้หายไปจากดินแดนดาราพิศวงเพื่อเอาใจนาง…

 

‘หลงคิดว่าอาวุโสถังชุนจะฆ่าพวกมันทั้งหมดเสียอีก…หรือต่อให้เลวร้ายที่สุดอย่างน้อยๆก็ต้องฆ่าสักคน ไม่คิดเลยว่าจะไม่ฆ่าใครสักคนแบบนี้’   

 

ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ ก็ยังคงมองดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไร้แยแส

 

ถึงแม้ถังชุนจะไม่ได้ฆ่าทั้ง 3 ก็ตาม

 

สุดท้ายเขาเองก็สังเกตเห็นได้ชัด ว่าก่อนลงมือเมื่อครู่ อยู่ๆถังชุนก็ได้ถอนรั้งพลังส่วนใหญ่คืนกลับ เขาจึงเดาได้ไม่ยากว่าถังชุนต้องได้รับข้อความจากใครสักคน และมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่อาจฆ่าคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 ได้…

 

“ครั้งนี้เพราะเห็นแก่หน้า จ้งเทียนฉิง ข้าจักไม่ฆ่าพวกเจ้า…แต่วันหน้าหากพวกเจ้ากล้าดูหมิ่นข้าอีก ต่อให้จ้งเทียนฉิงจะร้องขอชีวิตพวกเจ้าให้ตาย ข้าก็ไม่มีวันละเว้นพวกเจ้าแน่!”

 

หลังถังชุนซัดพลังทำร้ายคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 จนบาดเจ็บไปตามๆกันแล้ว มันก็นั่งลง จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับคนตระกูลจ้งทั้ง 3 เสียงหนัก

 

ด้านคนของตระกูลจ้งทั้ง 3 ก็เร่งรับคำเร็วไว สัญญาว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก  “ว่าแต่…พวกเจ้าคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”

 

ถังชุนเหลือบมองทั้ง 3 พลางกล่าว “หากข้าได้ยินไม่ผิด…พวกเจ้ากระทั่งทั้งตระกูลจ้ง คิดฆ่าต้วนหลิงเทียน?”

 

“อาวุโสถังชุน ท่านได้ยินผิดแล้ว พวกเราจะไปฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อย่างไร?”

 

ในขณะที่จ้งซื่อกับจ้งเค่อฉีกำลังแตกตื่นกับคำถามดังกล่าว ก็เป็นจ้งเอ้อที่รีบโพล่งคำพลางส่ายหน้าโบกมือไปมา “พวกเราตระกูลจ้ง ยังเร่งต้อนรับขับสู้นายน้อยต้วนหลิงเทียนและเชิญให้นายน้อยต้วนหลิงเทียนมาเป็นแขกแทบไม่ทันด้วยซ้ำ”

 

“หากเป็นเช่นนั้น ไฉนเจ้าไม่ขอโทษต้วนหลิงเทียนสักคำ?”

 

ถังชุนเอ่ยถามเสียงหนัก

 

หลังได้ยินคำถามของถังชุน ต้นหลิงเทียนเองก็รู้ดีว่าเรื่องที่ตระกูลจ้งคิดฆ่าเขาวันนี้ ถึงกาลยุติแล้ว  

 

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ หากเขาคิดเอาคืน ก็ทำได้แค่พึ่งพาตัวเองในวันหน้าเท่านั้น

 

เรื่องพึ่งพาถังชุน เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจอะไรถังชุนเพราะสาเหตุนี้ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับถังชุน และการที่อีกฝ่ายให้ตระกูลจ้งกล่าวคำขอโทษเขาได้ ก็หรูแล้ว

 

อีกฝ่ายไม่ได้มีภาระผูกพันใดๆ ที่ต้องช่วยเหลือเขา

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จ้งซื่อกับจ้งเค่อฉีกำลังจะขอโทษต้วนหลิงเทียนนั้น ก็เป็นจ้งเอ้อที่หันมามองต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็ป้องมือประสานไว้เบื้องหน้าก้มหัวคารวะพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “นายน้อยต้วน พี่ใหญ่ของข้า ผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบันให้ข้าบอกกล่าวต่อท่านว่า…หากตระกูลจ้งเรามีความเข้าใจผิดใดๆต่อท่านในอดีต พวกเรายินดีชดใช้ขอเพียงท่านปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านเลยไปไม่ติดใจเอาความ…”   “มิว่าสิ่งใดที่ท่านต้องการ หากยังอยู่ในขอบเขตที่ตระกูลจ้งทำได้ พวกเรายินดีกระทำเพื่อท่านไม่อิดออด…”

 

จ้งเอ้อกล่าวย้ำเสียงดังฟังชัด

 

คำพูดของจ้งเอ้อนั้น จ้งเค่อฉีย่อมไม่เข้าใจ หว่างคิ้วของมันจึงอดขมวดย่นเป็นปมไม่ได้

 

แม้แต่ถังชุนเองก็อึ้งไปไม่น้อย ไม่ใช่มันแค่บอกให้ตระกูลจ้งขอโทษต้วนหลิงเทียนเท่านั้นหรือไร? ไหนเลจะคิดว่าจ้งเอ้อจะกล่าววาจาทำนองนี้ออกมา…หรืออีกฝ่ายไม่เข้าใจคำพูดของมัน?

 

มันพูดแค่ว่า ให้ขอโทษ ไม่ใช่หรือไร?

 

หรือตระกูลจ้ง มีพลังล้นเหลือ?

 

จังหวะนี้แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเอง ก็ไม่คิดว่าอยู่ๆจ้งเอ้อจะพูดออกมาแบบนั้น อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากสีหน้าของจ้งซื่อ จ้งเค่อฉี และชายชราที่อยู่ด้านหลังสุดแล้ว…

 

เห็นชัดว่า คนที่แลดูแปลกใจและไม่เห็นด้วยก็มีแต่ จ้งเค่อฉี เท่านั้น

 

สำหรับจ้งซื่อกับชายชรา ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของจ้งเอ้อ และไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ!

 

เรื่องนี้ทำให้เขาสนใจไม่น้อย

 

‘จริงสิ!’

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนที่กวาดตามองสีหน้าทุกคน ก็หันกลับไปมองยังร่างชายชราที่อยู่ด้านหลังสุดอีกครั้ง สองตายังทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เพราะใบหน้าอีกกับใบหน้าคนๆหนึ่งได้ซ้อนทับกันโดยสมบูรณ์

 

เขาจำได้แล้ว

 

ในอดีตก่อนที่จะเข้าสู่สถานศึกษาหมอกเร้นลับนั้น เขาเคยอู่กับต้วนเฉียวอวี่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ของโรงประมูลตระกูลโจว และหลังจากชนะประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งทั้ง 3 เม็ดมา ตระกูลโจวก็ส่งคนำของมาให้และเก็บเงินจากเขา

 

โดยปกติแล้ว สมควรมีพนักงานนำโอสถเทพและมามอบและเก็บค่าใช้จ่ายแค่คนเดียว…

 

อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายกลับไม่ได้มาคนเดียว แต่มีคนติดสอยห้อยตามมาด้วย เป็นชายชราคนหนึ่ง

 

วันนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะคิดว่าปกติทางตระกูลโจวก็ทำแบบนี้

 

มาตอนนี้เขานึกได้แล้ว

 

ชายชราที่เขาเคยเห็นในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ของโรงประมูลตระกูลโจววันนั้น เป็นคนๆเดียวกัชายชราที่อยู่ด้านหลังจ้งเค่อฉีคนนี้ ‘ดูเหมือนว่า ที่มันไปปรากฏตัวในห้องส่วนตัววันนั้น สมควรเป็นจ้งซื่อส่งมันมาตรวจสอบผู้ที่แย่งประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไปจากมัน…สุดท้ายข้าที่ชนะประมูลเม็ดยามา ก็นับว่าหักหน้ามันต่อหน้าผู้คนทั้งโรงประมูล’

 

เขายังจดจำได้ว่าหลังจากเขา ‘ประมูลแย่ง’ โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งมาจากจ้งซื่อไป จ้งซื่อก็แลดูมีโมโหนัก หลายคนยังบอกว่าจ้งซื่อต้องเอาเรื่องเขา และเขาต้องโชคร้ายแน่

 

อย่างไรก็ตาม เขายังทราบอีกว่า…

 

ภายหลัง เมื่อโฉมงามข้างเด็กหญิงลึกลับนาม ต้วนเฉียวอวี่ ได้ลงมือจัดการผู้ที่มาก่อกวนถึงหน้าห้องส่วนตัวหมายเลข 9 โดยเผยให้เห็นถึงพลังขอบเขตจอมราชันเทพออกมา จ้งซื่อ ก็ไม่กล้ามาหาความกับเขาแน่

 

ตอนนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขาสังเกตเห็นว่าชายชราด้านหลังจ้งซื่อมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เห็นชัดว่ามันจำเขาได้นี่เอง

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่แปลกใจอีกต่อไป ที่ไฉนจ้งเอ้อ นายรองตระกูลจ้งถึงเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

เห็นได้ชัดว่าตระกูลจ้งเริ่มคิดหาทางสร้างสันติกับเขา และไม่กล้าที่จะตอแยล่วงเกินเขาอีก

 

เหตุผลทั้งหมดเป็นเพราะโฉมงามนางนั้นกับต้วนเฉียวอวี่

 

เพราะในตอนที่ชายชราผู้นั้น ติดตามคนของโรงประมูลตระกูลโจวเข้ามาในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ต้วนเฉียวอวี่ก็นั่งข้างเขาแถมกอดแขนเขาและเรียกหาเขาว่า ‘พี่ชาย’ อย่างสนิทสนม…