คืนนี้ พวกเขาสี่คนแบ่งการทำงานเป็นสองกะ ทุกๆสี่ชั่วโมงจะเปลี่ยนคนไปเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ เพื่อให้พวกเข้าทั้งสี่คนได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ

พวกเขาคิดว่าตัวเองทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบและไม่มีใครรู้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของเย่เฉินตลอด

เหตุผลที่เย่เฉินไม่เปิดโปงพวกเขา เพราะเขาต้องการใช้แผนซ้อนแผน ในเวลาเดียวกันก็ไม่อยากให้ศัตรูรู้ตัวก่อน

เขาไม่อยากลงมือกับนินจาเหล่านี้ที่โตเกียว เหตุผลหลักเพราะเขายังต้องเดินทางไปหลายเมือง ตอนนี้ถ้าเขาฆ่านินจาของตระกูลทากาฮาชิพวกนี้ทั้งหมด ตระกูลทากาฮาชิคงจะส่งคนตามไปประกบเขาตลอดเวลา มันจะทำให้เขาไม่ค่อยสะดวกและมีปัญหามากมายตามมาทีหลัง

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ให้นินจาสี่คนนี้คอยจับตาดูตัวเองจะดีกว่า แล้วหาโอกาสจัดการพวกเขาทีละคน

ตอนเช้าแปดโมง

เย่เฉินลุกขึ้นจากเตียงและอาบน้ำแต่งตัว หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ขบวนรถยนต์ของเฉินจื๋อข่ายก็เตรียมพร้อมอยู่ชั้นล่าง

งานของพอลเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้นเย่เฉินจึงตัดสินใจให้เขากลับไปที่จินหลิง เพื่อไม่ให้งานอื่นๆที่เขาต้องกลับไปทำที่สำนักงานกฎหมายต้องล่าช้า

หลังจากขบวนรถยนต์ไปส่งพอลแล้ว รถยนต์ก็พาเย่เฉิน หงห้า เว่ยเลี่ยงกับเฉินจื๋อข่ายและโคบายาชิอิจิโร่เดินทางออกจากโตเกียวมุ่งหน้าไปที่โยโกฮามา

ฟูจิบายาชิมาสะกับศิษย์น้องของเขาแบ่งกันนั่งรถตู้สองคันและสะกดรอยตามอยู่ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่เฉินแค่มาส่งพอลที่สนามบินเฉยๆ แต่กลับคิดไม่ถึงจริงๆ ขบวนรถยนต์ไม่ได้เดินทางกลับไปที่ตัวเมืองโตเกียว แต่มุ่งหน้าตรงไปที่โยโกฮามา

ดังนั้นเขาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาทากาฮาชิมาจิทันที รายงานเรื่องที่เย่เฉินเดินทางออกจากโตเกียว

ทากาฮาชิมาจิกำชับให้เขาสะกดรอยตามเย่เฉินต่อไป แต่อย่าพึ่งลงมือ

ในเวลาเดียวกัน ซูจือเฟยกับซูจือหยูก็มาพบทากาฮาชิมาจิอย่างเป็นทางการ

พวกเขานัดเจอกันที่กินซ่าซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลทากาฮาชิในโตเกียว ทากาฮาชิมาจิเชิญพวกเขาสองคนเข้ามานั่งในห้องทำงานด้วยความกระตือรือร้น

จากนั้น เขาก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า:”เดิมทีเมื่อวานฉันก็อยากจะพูดคุยกับพวกคุณสองคน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าลูกชายของฉันจะได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ฉันเสียมารยาทกับพวกคุณสองคนมากๆ ฉันต้องขอโทษจริงๆ”

ซูจือเฟยในฐานะหลานชายคนโตของตระกูลซู เขายิ้มและพูดว่า:”คุณทากาฮาชิไม่ต้องเกรงใจ ไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายคุณเป็นยังไงบ้าง?”

ทากาฮาชิมาจิถอนหายใจและพูด:”แขนทั้งสองข้างต้องรักษาด้วยการผ่าตัด และเข้าเฝือกแล้ว คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะกลับมาหายเป็นปกติ”

ซูจือเฟยพยักหน้าเบาๆและพูดอย่างสุภาพ:”ฉันเสียใจด้วยที่ลูกชายของคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าคุณทากาฮาชิต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลซู คุณก็พูดออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราจะช่วยอย่างสุดความสามารถ!”

ถึงแม้ว่าทากาฮาชิมาจิจะเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าซูจือเฟยใช้คำพูดสภาพเท่านั้น แต่เขาก็ยังพูดด้วยความซาบซึ้งว่า:”ขอบคุณ คุณชายซู ที่เป็นห่วงพวกเรา!”

ซูจือเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม:”คุณทากาฮาชิ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเราสองตระกูลร่วมมือกันจริงๆ พวกเราก็จะเป็นพันธมิตรกัน ตระกูลซูของพวกเราให้ความสำคัญกับพันธมิตรมากๆ และเมื่อคืนฉันก็ได้โทรคุยกับคุณพ่อ คุณพ่อของฉันเป็นห่วงลูกชายของคุณมากๆ และคุณพ่อก็ให้ฉันถามคุณ ว่าต้องการให้ตระกูลซูช่วยเหลือด้านไหนหรือเปล่า ถ้าศัลยแพทย์ด้านกระดูกที่ญี่ปุ่นยังไม่เก่งพอ คุณพ่อจะส่งแพทย์ผู้เชี่ยวด้านกระดูกหลายๆคนจากเย่นจิงมาที่ญี่ปุ่น

ทากาฮาชิมาจิไม่คาดฝันว่าตัวเองจะได้รับความสำคัญขนาดนี้ และเขาก็พูด:”คุณซู ขอบคุณมากๆ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคุณทันที!”

หลังจากพูดจบ ทากาฮาชิมาจิก็ถอนหายใจและพูด:”ตระกูลซูมีความจริงใจต่อพันธมิตร ทำให้ฉันนับถือตระกูลซูจริงๆ ในเวลาเดียวกันฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตระกูลของฉันจะมีโอกาสได้เป็นพันธมิตรกับตระกูลซู ตระกูลทากาฮาชิจะทำทุกอย่างจนสุดความสามารถ และจะไม่ทำให้ตระกูลซูต้องผิดหวัง!”

ซูจือเฟยพยักหน้าเบาๆและพูดด้วยรอยยิ้ม:”ดีมาก! ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเรามาคุยรายละเอียดความร่วมมือกันเถอะ”

ในเวลานี้ จู่ๆทากาฮาชิมาจิก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา:”คุณชายซู คุณหนูซู ก่อนที่จะเริ่มคุยกัน ฉันอยากจะเพิ่มเงื่อนไขข้อหนึ่ง สำหรับการร่วมมือและเป็นพันธมิตรของพวกเรา!”

ซูจือหยูขมวดคิ้ว:”คุณทากาฮาชิ เพิ่มเงื่อนไขตอนนี้ มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่?”

ทากาฮาชิมาจิพูดอย่างจริงใจ”คุณหนูซู เงื่อนไขของผมไม่ได้กระทบผลประโยชน์ของตระกูลซู แต่ฉันอยากขอร้องให้ตระกูลซูรับปากเงื่อนไขของฉัน หลังจากพวกเราสองตระกูลร่วมมือกัน ช่วยพวกเรากำจัดตระกูลอิโตะ!”