หลินสวินนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น

พอมองดูเงาร่างที่ยืนผยองกลางฟ้าดินนั้น ความสั่นสะท้านยากจะกล่าวผุดขึ้นในจิตใจ

ชนะแล้ว!

ศิษย์พี่ใหญ่ชนะแล้ว!

เรื่องนี้เป็นดั่งปาฏิหาริย์ไร้ใดเปรียบ หลินสวินได้ประจักษ์แก่สายตาตน ถึงกับไม่อาจหาคำใดมาบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของตนได้ไปชั่วขณะหนึ่ง

“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่สู้ทีไรชนะทุกครั้ง เขาไม่เคยทำให้ผิดหวัง ไม่เคยเลย!”

หลี่เสวียนเวยหัวเราะร่า

พวกรั่วซู่ ผู่เจิน ชื่อจวิน เฉิงอวี่ จิ่งจงเยวี่ยต่างก็ยิ้ม

ความกดดันและตื่นเต้นที่ปกคลุมใจเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น แต่ละคนสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความโล่งอกและปรีดา

ศิษย์พี่ใหญ่แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังบนเศษซาก แม้ว่าร่างกายอาบเลือด แม้บาดแผลเต็มตัว แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับเหิมเกริมและสะใจ สะท้านสะเทือนจนท้องฟ้านั้นปั่นป่วนอื้ออึง

คนเรามีความสุขต้องสุขให้สุด ความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังที่สั่งสมมาแสนปี ในที่สุดเช้านี้ก็ได้รับการชดเชย เหิมเกริมแล้วจะเป็นไรไป

เฒ่าโดดเดี่ยว ราชครูก็ยิ้ม ความรู้สึกในใจถั่งโถม ทอดถอนใจไม่สิ้น

“ฟ้านี้ บังตาเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ดินนี้ ไม่อาจกักร่างเจ้าได้อีก ความเปรมปรีดิ์ของสหายยุทธ์ ข้าก็สัมผัสได้บ้างเช่นกัน”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยเสียงนุ่มนวล

เสียงหัวเราะของศิษย์พี่ใหญ่เงียบลง เอ่ยว่า “จักจั่นทอง เจ้าพูดผิดไปเรื่องหนึ่ง พลังระเบียบต้องห้ามนั่นยังอยู่ ที่แพ้ข้าเป็นเพียงหมาเฝ้าประตูตัวหนึ่งเท่านั้น!”

สายตาเขามองไปยังเวิ้งฟ้าอีกครั้ง เผยพลานุภาพต่อสู้อันเดือดพล่านลุกโชน “รอกำจัดต้นกำเนิดของพลังระเบียบต้องห้ามนั่นได้เมื่อไร ถึงเรียกสะใจจริงๆ!”

ชายหนุ่มจักจั่นทองพูด “อยากไปฟากฝั่งฟ้าดารานั่นจริงๆ หรือ”

ศิษย์พี่ใหญ่พยักหน้า ไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยคล้ายทอดถอนใจ “เป็นดังคาดจริงๆ”

ศิษย์พี่ใหญ่หันตัวไปแล้วมองพวกรั่วซู่ เก็บท่าทางหยิ่งผยองจองหองลงไปบ้างอย่างหาได้ยาก

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยิ้ม รอยยิ้มนั้นเทียบเท่ากับคำพูดนับหมื่นพันไปแล้ว

เมื่อสายตามองไปที่หลินสวิน เขาก็โยนน้ำเต้าสุราใบหนึ่งไปให้

“ดื่มเหล้าไหม””

“ดี!”

หลินสวินรับน้ำเต้าสุราไว้ แหงนหน้าดื่มเต็มที่

“คนในมรรคข้านี่ ฮ่าๆๆ”

ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะลั่น แล้วก็เอาน้ำเต้าสุราใบหนึ่งออกมาดื่มอย่างเบิกบาน

นี่ เป็นการยอมรับจากเขา

……

ฟ้าดินมืดหม่น กลิ่นอายพ่ายแพ้และพังพินาศกำลังพวยพุ่ง

ศึกนี้ในที่สุดก็จบลงแล้ว แต่พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมท้องฟ้ายังอยู่ เพียงแค่ไม่มีคนไปควบคุมหรือใช้มันแล้ว

เพราะจอมจักรพรรดิไร้นามตายไปแล้ว!

เขาเป็นใคร มีที่มาที่ไปเช่นไรกันแน่

ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้บอก เพียงแค่มองอย่างดูแคลนว่าเป็น ‘หมาเฝ้าประตู’

หลังจากดื่มเหล้าในน้ำเต้าจนหมดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับหลินสวิน ศิษย์พี่ใหญ่โบกมือแล้วสาวเท้าเดินออกไป เขามีเรื่องถามอยากจักจั่นทอง

“ศิษย์น้องเล็ก ที่ชนะการประชันหมากครั้งนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะเจ้า!”

จู่ๆ รั่วซู่ก็เอ่ยปาก เนตรกระจ่างเจือรอยยิ้ม

คนอื่นต่างพยักหน้า

หลินสวินอึ้งไป สีหน้างุนงง

ในการประชันหมากครั้งนี้ ตนอยู่ในฐานะผู้ชมมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้ช่วยอะไรสักนิดเลยนะ!

ต่อมารั่วซู่ก็ไขข้องกังขาให้เขา

การประชันหมากครั้งใหญ่นี้ สามารถไล่ย้อนไปตั้งแต่หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิปิดฉากลงสมัยบรรพกาล

ในช่วงเวลาเกือบแสนปีนี้ ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลระหกระเหินไปตามที่ต่างๆ เหมือนวิญญาณเร่ร่อน เพื่อหลบเลี่ยงการคุกคามของพลังระเบียบต้องห้าม

ไม่เพียงภูเขาสำนักถูกทำลาย ยังถูกศัตรูเหล่านั้นมองว่าเป็น ‘เศษเดน’!

แสนปีมานี้พวกเขาเสาะหาแดนปริศนา เก็บงำซุ่มซ่อน เพียงเพื่อรอวันล้างความอับอายในอดีต ชำระความแค้น

มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง

หลินสวินก็คือ ‘หนึ่ง’ นี้

ในอดีตแทบไม่มีใครรู้ว่าหลินสวินเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล กอปรกับเขายังไม่ได้แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ จึงยากนักที่จะอยู่ในสายตาขุมอำนาจพวกนี้

และการประชันหมากคราวนี้ ความจริงแล้วเริ่มขึ้นอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินได้มรดกของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลชิ้นนั้นมาจากแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว

ตอนนั้นยามแหล่งสถานคุนหลุนปิดฉากลง หลี่เสวียนเวยปรากฏตัวเงียบๆ มาคุ้มครองหลินสวินขึ้นยานสมบัติ สังหารระดับจักรพรรดิตามทาง ทำให้หลินสวินเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราได้อย่างปลอดภัย

ตอนนั้นหลินสวินขึ้นยานข้ามโลกไปยังโลกต้าอวี่ ถูกแดนกษิติครรภ์หมายหัว เป็นจวินหวนที่ปลอมตัวเป็นชายปรากฏตัวจัดการไอสังหารซึ่งซ่อนอยู่ลับๆ ให้เขา

ตอนที่หลินสวินข้ามฟ้าดารา ผู่เจินปรากฏตัวขึ้นบนยานลมกรดที่มุ่งหน้าไปยังโลกใหญ่หงเหมิง สังหารภิกษุเฒ่าตู้คง ขจัดอุปสรรคให้เขา

เมื่อหลินสวินมาถึงโลกใหญ่หงเหมิงในที่สุด หลังจากเข้าไปในสำนักยุทธ์เสวียนจีแล้ว หลี่เสวียนเวยก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แล้วบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ‘มหาสมบัติแรกกำเนิด’ ให้เขารู้

จากนั้นเขาก็เข้าร่วมศึกถกมรรคแคว้นเมฆา และเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค…

จนกระทั่งเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ ชิงเอามหาสมบัติแรกกำเนิดเขาปู้โจวมาได้ หลินสวินเท่ากับได้ช่วยคีรีดวงกมลชิงโอกาสชนะการประชันหมากยิ่งใหญ่คราวนี้มาได้โดยไม่รู้ตัว!

เป็นเพราะคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ที่เก็บตัวเงียบเกือบแสนปีบุกทะลวงออกมา เอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามในส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้นได้ในคราวเดียว!

หลินสวินเป็นผู้ที่อยู่ในกระดาน จึงมองเรื่องนี้ไม่ชัด แต่พวกรั่วซู่จะไม่รู้ได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้ขุมอำนาจเหล่านั้นมองหลินสวินเป็นเหยื่อล่อ หมายจะล่อผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเขาเข้ามาในการประชันหมากครั้งใหญ่คราวนี้

แต่ความจริงแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกรั่วซู่อยากเห็น

ดังนั้นรั่วซู่ถึงบอกหลินสวินก่อนเขาเข้าไปในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องฐานะเปิดเผยมากนัก!

นี่ก็คือการวางหมาก!

การประชันหมากครั้งใหญ่ที่ต่อเนื่องมาเกือบแสนปี ใช้หมากลับ ‘รอดพ้นเพียงหนึ่ง’ อย่างหลินสวินในการเดินครั้งหนึ่ง

ดังนั้น ดูเหมือนในการประชันหมากที่แท้จริง หลินสวินที่คล้ายเป็นผู้ชมที่ไม่มีความสำคัญ ความจริงแล้วเขาถึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ชนะการประชันหมากครั้งนี้ได้!

เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้ หลินสวินยังเหม่อไปครู่หนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่

พอหวนนึกถึงการเคลื่อนไหวบนทางเดินโบราณฟ้าดาราหลายปีมานี้ เขาถึงเข้าใจได้ในที่สุดว่าตนรับบทเช่นไรในการประชันหมากครั้งนี้

แล้วสุดท้ายก็เข้าใจว่าหลายปีนี้ เหตุใดเมื่อศิษย์พี่ชายหญิงเหล่านั้นได้พบตน ถึงพูดประโยคนั้นอยู่เสมอ…

รอภายหน้าเจ้าก็จะเข้าใจ

ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วจริงๆ!

“ศิษย์น้อง ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้กับเจ้า ก็เพราะกังวลว่าจะรั่วไหล ถ้าเจ้าไม่สบายใจ ก็โทษพวกเราก็พอ”

ผู่เจินที่เงียบเชียบไม่พูดจามาตลอด ขณะนี้กลับอดไม่ได้เอ่ยปากแล้ว สีหน้าเจือความรู้สึกผิด

พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวยต่างก็มองไปที่หลินสวิน

การประชันหมากคราวนี้แม้ได้สุดท้ายได้ชัยชนะไป แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบกลับไม่ได้เปิดเผยเบื้องหลังให้หลินสวินรู้มากมาย ทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของเขา เรื่องนี้ทำพวกเขาออกจะกังวลใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ความรู้สึกหลินสวินไหวหวั่น เอ่ยสีหน้าจนใจว่า “ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าตัวเองไร้ประโยชน์นัก แม้จะเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล แต่กลับไม่มีกำลังช่วยอะไรได้ ตอนนี้ในที่สุดก็รู้สึกว่ามีประโยชน์บ้างแล้ว ยังไม่ทันดีใจ จะไม่สบายใจได้อย่างไร”

เขาพูดพลางส่งน้ำเต้าสุราให้ผู่เจิน “ศิษย์พี่ ถ้าเจ้ารู้สึกเกรงใจจริงๆ ก็ดื่มเหล้าในน้ำเต้านี้ให้หมด”

ผู่เจินฉีกยิ้มเอ่ย “นี่มันจะไปยากตรงไหน”

เขาพูดพลางแหงนหน้าดื่มอึกใหญ่

ทุกคนต่างยิ้มอย่างห้ามไม่ได้

จวินหวนกระพริบตาปักษาเพลิงที่งดงามเป็นที่สุด แล้วพูดว่า “ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าอาหูสวยไหม นางเป็นศิษย์ชั่วคราวที่ข้าพลั้งมือรับมา ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะจับคู่นางให้เจ้า รินชายกน้ำ ซักเสื้อพับผ้าห่มให้เจ้าไปทั้งชีวิต”

แล้วหลินสวินจึงรู้ว่าเดิมทีอาหูเป็นศิษย์ชั่วคราวของศิษย์พี่จวินหวน!

มิน่าอาหูถึงมอบยานขนส่งอวกาศให้ตนตั้งแต่ตอนพบกันครั้งแรกที่ทะเลกลืนวิญญาณนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

และมิน่า ในหลายปีนั้น ยางถึงเชื่อมั่นและช่วยเหลือตนขนาดนั้น…

พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่ ตอนนี้อาหูอยู่ที่ไหน”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา ก็ดึงดูดให้พวกรั่วซู่หัวเราะหยอกล้อขึ้นมาทันที

“ดูสิ ศิษย์น้องเล็กของพวกเราหวั่นไหวแล้ว”

จวินหวนยิ้มตาหยี เดิมนางก็งดงามจนเรียกได้ว่าเกินไป พอตอนนี้ยิ้มเข้า รอยยิ้มนั้นเหมือนทำให้ฟ้าดินราวกับซากปรักหักพังแห่งนี้แปรเปลี่ยนเป็นสวยงามขึ้นมา

ครู่สั้นๆ รั่วซู่พูดขึ้นทันทีว่า “ศิษย์น้อง อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะจากไปยังฟากฟ้าฝั่งดารา เจ้าอยากไปกับพวกเราไหม”

สายตาของคนอื่นก็มองมาที่หลินสวิน

จอมจักรพรรดิไร้นามพ่ายแพ้ แต่พลังระเบียบต้องห้ามไม่ได้สลายไป ถ้าไม่ถือโอกาสนี้จากไป เมื่อ “จอมจักรพรรดิไร้นาม” คนต่อไปปรากฏตัว ก็จะไปไม่ได้อีกแล้ว

“เขาไปกับพวกเจ้าไม่ได้”

ไม่ทันรอให้หลินสวินตอบ ชายหนุ่มจักจั่นทองที่กำลังพูดคุยกับศิษย์พี่ใหญ่ไกลออกไปก็เดินมาทางนี้

“ทำไมล่ะ”

รั่วซู่นิ่วหน้า

“ตอนนี้ถ้าเขาไปฟากฝั่งฟ้าดารา ก็เท่ากับพาตัวเองไปติดกับ”

เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูก็เดินมา แววตาซับซ้อน

ในกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาจำศีลอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า จะไม่รู้ชาติกำเนิดของหลินสวินได้อย่างไร

หลินสวินสั่นสะท้านในใจ สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

พาตัวเองไปติดกับ!

นื่ทำให้เขานึกถึงเรื่องในอดีตช่วงหนึ่ง

นานมาแล้ว เพื่อหลบหนีการตามฆ่า มารดาของเขาลั่วชิงสวินก็ข้ามฟ้าดาราจากฟากฝั่งฟ้าดารามาด้วยการคุ้มครองของจักรพรรดิสงครามดับดาราผ้เป็นลุงกับท่านลู่!

และการตามฆ่าคราวนี้ จวบจนตอนนี้ก็ยังดำเนินอยู่ หาไม่แล้วบิดามารดาของเขากับท่านลู่ไม่มีทางหายสาบสูญไปอย่างประหลาดเช่นนั้น

“พวกเขาพูดถูก”

ศิษย์พี่ใหญ่ก็มาแล้ว ร่างกายโอบล้อมด้วยเปลวเพลิงสงครามแผดเผาเป็นริ้วๆ แม้ยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่มีใครเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา

“อยู่ต่อถึงจะเป็นการคุ้มครองศิษย์น้องเล็กได้อย่างดีที่สุด รอภายหน้าเขามีสามารถไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา จะไปเองก็ได้”

เสียงศิษย์พี่ใหญ่ต่ำลง เขาเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเช่นกัน

พวกรั่วซู่ต่างอึ้งไปอย่างห้ามไม่อยู่

“ด้วยพลังของพวกเรา ยังไม่อาจคุ้มครองศิษย์น้องเล็กได้อย่างครอบคลุมหรือ”

รั่วซู่ถามอย่างอดไม่ได้

เฒ่าโดดเดี่ยวเอ่ย “ฟากฝั่งฟ้าดารา ไม่ได้เพียงแค่มีพลังต้นกำเนิดระเบียบต้องห้าม ยังเป็นโลกที่เป็นปริศนาแห่งหนึ่งด้วย ถ้าข้าสันนิษฐานถูกต้อง ชาติกำเนิดของสหายน้อยหลินสวิน ก็ต้องเกี่ยวโยงกับขุมอำนาจใหญ่คับฟ้าของฟากฝั่งฟ้าดาราบางกลุ่ม ขอเพียงปรากฏตัวในฟากฝั่งฟ้าดารา ก็จะดึงดูดภัยพิบัติทลายฟ้า ทุกคนอย่างทำแบบนี้จะดีที่สุด”

ราชครูที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า

เขากับเฒ่าโดดเดี่ยวต่างรู้จักลั่วชิงสวิน ทั้งยังได้พบหากับลู่ป๋อหยา ล่วงรู้ชาติกำเนิดของหลินสวินระดับหนึ่งมานานแล้ว รู้ดีว่าทันทีที่หลินสวินปรากฎตัวที่ฟากฝั่งฟ้าดารา จะต้องเป็นหายนะไม่ใช่โชค

ขณะนี้หลินสวินสีหน้าปนไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

คำพูดของเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครู เขาจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ แต่ในใจเขากลับยังเต็มไปด้วยความกังขา

ตน…มีชาติกำเนิดเช่นไรกันแน่

——