ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
แคว้นกลางมรรค เมืองนครเยี่ยน
ที่นั่งริมหน้าต่างในหอสุราแห่งหนึ่ง หลินสวินนั่งดื่มคนเดียวพลางคิดเรื่องในใจ
ตอนที่เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูจากไปได้ทิ้งม้วนหยกเล่มหนึ่งเอาไว้ ในม้วนหยกบันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับลั่วชิงสวินมารดาของหลินสวินและท่านลู่
เมื่อรวมกับสิ่งที่หลินสวินรู้ ในหัวเขาจึงได้อนุมานเรื่องราวบางส่วนออกมาได้คร่าวๆ แล้ว
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เพื่อหลบหนีการตามฆ่า ลั่วชิงสวินนำห้องโถงมรรคาสวรรค์ข้ามฟ้าดาราภายใต้การคุ้มกันของจักรพรรดิสงครามดับดาราและท่านลู่ เดินทางจากฟากฝั่งฟ้าดารามาถึงจักรวรรดิจื่อเย่าในโลกชั้นล่างของดินแดนรกร้างโบราณ
แต่ระหว่างกำลังหนี ลั่วชิงสวินบาดเจ็บสาหัส จมสู่การหลับใหลไม่รู้นานเท่าไหร่
จนกระทั่งหลังจากลั่วชิงสวินฟื้น ความทรงจำขาดหาย ลืมเรื่องราวมากมายในอดีตไป…
ภายหลังนางเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักรของจักรวรรดิจื่อเย่า ได้อันดับหนึ่งในการทดสอบระดับอาณาจักรปีนั้น และเข้าไปฝึกปราณในสำนักศึกษามฤคมรกต
และเป็นตอนนั้นที่ลั่วชิงสวินได้รู้จักกับหลินเหวินจิ้งบิดาของหลินสวิน ชายหญิงคู่นี้ก็ตกหลุมรักกันเช่นนี้
ลั่วชิงสวินและหลินเหวินจิ้งได้แต่งงานกัน
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ลู่ป๋อหยาไม่ได้ขัดขวาง และไม่อาจขัดขวางได้ ลั่วชิงสวินในตอนนั้นสูญเสียความทรงจำ ลืมเรื่องในอดีตมากเกินไป ถึงขั้นจำไม่ได้ว่าลู่ป๋อหยาคือใคร…
ลั่วชิงสวินเองเองก็ไม่รู้ว่าในตอนที่นางหลับใหลไปไม่รู้กี่ปี ลู่ป๋อหยาอาศัยฝีมือเหนือธรรมดา สำแดงความสามารถในจักรวรรดิจื่อเย่าจนเปิดสำนักศึกษามฤคมรกต สร้างภาคีนักสลักวิญญาณ และก่อตั้งตำหนักแสงทมิฬที่มีราชินีรัตติกาลนิรันดร์เป็นผู้นำ
ตอนนั้นเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูซึ่งจำศีลอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าล้วนสัมผัสได้ว่าที่มาของลู่ป๋อหยาไม่ธรรมดา และเคยได้พูดคุยกัน
น่าเสียดายที่ลู่ป๋อหยาไม่ได้เปิดเผยมากนัก พูดเพียงว่าเขาเป็นเพียงคนผ่านทางคนหนึ่ง ทำทุกอย่างเพื่อคุ้มครองคนผู้หนึ่ง
ปฐมจักรพรรดิผู้บุกเบิกจักรวรรดิจื่อเย่าในตอนนั้นก็เคยคบหากับลู่ป๋อหยา
หลังจากนั้นลู่ป๋อหยาก็กลายเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับบุตรชายคนโตของปฐมจักรพรรดิ หรือก็คือจ้าวหยวนจี๋บิดาของจ้าวจิ่งเซวียน…
ตอนที่รู้ข้อมูลนี้จากม้วนหยก หลินสวินอดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้ แม้ท่านลู่ไม่เคยมีชื่อในตำราประวัตศาสตร์ของจักรวรรดิจื่อเย่า แต่เขากลับส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิจื่อเย่าอย่างอ้อมๆ มากยิ่งนัก!
จากนั้นเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูจึงรู้ว่า คนที่ลู่ป๋อหยาต้องการคุ้มครองคือลั่วชิงสวินที่ออกเรือนไปกับหลินเหวินจิ้ง บุตรชายคนโตตระกูลหลิน
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างล้วนสงบเงียบไร้คลื่นลม
ทว่าคดีนองเลือดที่เกิดขึ้นในตระกูลหลินกะทันหันนั่น ได้ทำลายทั้งหมดนี้อย่างสิ้นเชิง
ความจริงของเรื่องนี้หลินสวินรู้นานแล้ว ตอนนั้นแม้คนร้ายที่บุกฆ่าคนตระกูลหลิน ช่วงชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของตนจะเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋ ทว่าตัวการเบื้องหลังกลับเป็นกึ่งจักรพรรดิปาฉีที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพ!
หากเป็นเมื่อก่อน หลินสวินย่อมไม่สงสัยว่าความจริงนี้ผิดปกติตรงไหน
ทว่าหลังได้เห็นพลังต่อสู้อันน่ากลัวที่เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูครอบครองในการประชันหมากครั้งนี้ หลินสวินเพิ่งจะตระหนักได้ถึงคำถามหนึ่ง
หากเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูรู้จักมารดาของตนกับท่านลู่ จะมองดูกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งฆ่าล้างตระกูลหลินตาปริบๆ โดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร
ในม้วนหยกเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูได้ให้คำตอบแล้ว…
ตอนที่เกิดคดีนองเลือดกับตระกูลหลิน เหนือฟ้านครต้องห้ามถูกพลังระเบียบปกคลุม ทำให้เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูที่ซ่อนตัวอยู่ในนครต้องห้ามจำต้องเก็บสัมผัสทั้งหมด จำศีลอย่างระมัดระวัง
จนกระทั่งหลังจากพลังระเบียบต้องห้ามสลายไป คดีนองเลือดตระกูลหลินก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนคืนได้อีก…
และหลังจากได้รู้คำตอบนี้ หลินสวินกลับตระหนก
ข้ากล้ามั่นใจว่าเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูไม่ได้โกหก เพราะทั่วหล้าบนล่างนี้ มีเพียงพลังระเบียบต้องห้ามที่สามารถคุกคามพวกน่ากลัวอย่างสองคนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง!
แต่ก็มีข้อสงสัยหนึ่งเช่นกัน ทำให้ในใจหลินสวินยิ่งสะท้านไหว
ปาฉีเป็นเพียงกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพ จะมีคุณสมบัติใช้พลังระเบียบต้องห้ามได้อย่างไร
ถ้าอย่างนั้น ตอนนั้นพลังระเบียบต้องห้ามมาเยือนโลกชั้นล่างได้อย่างไร
เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูได้บอกการคาดเดาของพวกเขาไว้แล้ว…
พลังระเบียบต้องห้าม มาเพื่อจับลั่วชิงสวินที่หนีจากฟากฝั่งฟ้าดารามายังโลกนี้!
และกึ่งจักรพรรดิปาฉีที่ดูเหมือนเป็นตัวการเบื้องหลัง ความจริงก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น เพราะบนโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถควบคุมและใช้พลังระเบียบต้องห้ามได้
นั่นก็คือจอมจักรพรรดิไร้นาม!
การคาดเดานี้ก็ทำให้หลินสวินหนาวเยือกไปทั้งตัวเช่นกัน
เขาเพิ่งจะตระหนักได้ ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ตนจะถูกจอมจักรพรรดิไร้นามหมายหัวตั้งแต่เกิดแล้ว และการหายตัวไปของบิดามารดาก็เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับจอมจักรพรรดิไร้นาม!
คิดๆ แล้ว ต้นกำเนิดของพลังระเบียบต้องห้ามมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา ส่วนลั่วชิงสวินก็หนีมาจากฟากฝั่งฟ้าดาราเมื่อนานมาแล้ว
ลั่วชิงสวินบาดเจ็บ หลับใหลไม่รู้นานเท่าไหร่
และพลังระเบียบต้องห้ามสายนั้นก็ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้มาเนิ่นนานเช่นกัน!
บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร
ในนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน!
นี่ก็คือการคาดเดาของหลินสวิน
และยามคดีนองเลือดตระกูลหลินเกิดขึ้นได้ไม่นาน หลินสวินที่ยังเป็นทารกและถูกชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดไปถูกลู่ป๋อหยาพาหนี ไปซ่อนอยู่ในคุกใต้เหมืองที่ไม่มีใครรู้จัก
อิงตามที่เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูพูด คุกใต้เหมืองนั่นลู่ป๋อหยาสร้างขึ้นเองกับมือ การจัดวางมีกระบวนผนึกลายมรรคที่ลึกลับและน่ากลัว
ทว่าสิบกว่าปีหลังจากนั้น คุกแห่งนั้นก็ถูกทำลาย
ผู้ที่ลงมือ ก็คือผู้แข็งแกร่งในขุมอำนาจที่ตามฆ่าลั่วชิงสวินและลู่ป๋อหยาในปีนั้น
จนถึงตอนนี้นับว่าหลินสวินเรียบเรียงเรื่องราวในอดีตได้อย่างไหลลื่นแล้ว
ทว่าความจริงที่ได้กลับทำให้เขารู้สึกหวั่นหวาดอย่างที่สุด พร้อมกันนั้นก็มีความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจด้วย
เช่นว่า ตอนนั้นหลังจากมารดาและลู่ป๋อหยาหนีมายังทางเดินโบราณฟ้าดารา เหตุใดจึงไม่ไปที่อื่น แต่กลับมาที่โลกเล็กๆ อย่างจักรวรรดิจื่อเย่า
แต่เท่าที่หลินสวินรู้ โลกเล็กๆ นี้ไม่ได้ธรรมดา ชายหนุ่มจักจั่นทอง มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตน่ากลัวมากมายล้วนเคยจำศีลอยู่ที่ ‘สมรภูมิกระหายเลือด’ ของโลกนี้
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถาน ก็ตั้งอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณของโลกนี้เช่นเดียวกัน
ในอดีต อาณาเขตของสำนักคีรีดวงกมลก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!
ทว่าตอนที่หลินสวินเปิดประตูสวรรค์ เคยพบพลังเจตจำนงที่ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งเอาไว้ ยิ่งรู้ชัดว่าเมื่อนานมาแล้วลั่วทงเทียนก็เคยเข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!
และลั่วทงเทียน ก็คือบรรพบุรุษต้นตระกูลของลั่วชิงสวิน!
เบาะแสที่กระจัดกระจายราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ นี้ ทำให้หลินสวินอดคาดเอาอย่างสุดโต่งไม่ได้
ว่าตอนนั้นมารดาและท่านลู่มายังโลกชั้นล่าง ไม่ใช่แค่เพื่อหลบหนีการตามฆ่าเท่านั้น แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเพื่อเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!
เพราะเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ลั่วทงเทียนที่ถูกขนานนามว่ากรำศึกทั่วหล้า ไม่เคยพ่ายแพ้ ทว่าหลังจากเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กลับถอยทัพกลับไปเพราะตกใจเสียงสายหนึ่ง
เสียงนั้นมาจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมล!
สามารถทำให้คนเช่นลั่วทงเทียนตกใจจนถอยทัพได้ สำหรับลั่วชิงสวินกับลู่ป๋อหยา ย่อมเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่สุดยอดมากคนหนึ่ง
บางทีการตามหาเจ้าแห่งคีรีดวงกมล จึงจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่พวกเขามายังโลกชั้นล่าง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของหลินสวินเองเท่านั้น
ความจริงเป็นอย่างไร คงมีเพียงแค่มารดาของเขาและท่านลู่ที่รู้
‘ท่านลู่ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เพียงไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน…’
หลินสวินรินเหล้าให้ตนเองจอกหนึ่งแล้วดื่มรวดหมดจอก
เขาไม่คุ้นเคยกับบิดามารดาอย่างมาก พูดไม่ได้ว่ามีความรู้สึกอะไร เพราะเขาโตมากับท่านลู่ ถึงได้รู้สึกผูกพันกับท่านลู่มากกว่า
นี่จะโทษว่าหลินสวินเลือดเย็นก็ไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิดามารดาหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วจะมีความรู้สึกลึกซึ้งได้อย่างไร
นี่คือความเสียดายอย่างหนึ่งในใจเขา
ในฐานะบุตร ใครบ้างไม่อยากให้บิดามารดาอยู่ข้างกาย
หลังดื่มเหล้าหมดไปหนึ่งกา แขกในหอสุราแห่งนี้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ คึกคักครื้นเครงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
แขกที่นั่งกินข้าวอยู่ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณในเมืองนครเยี่ยน สิ่งที่พูดคุยกันมากที่สุด ยังคงเป็นการประชันหมากครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว
เหตุการณ์ใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อทั่วหล้านี้ หลังผ่านไปครึ่งเดือนผลกระทบก็ยังคงไม่ลดลง กลับยิ่งรุนแรงขึ้นภายใต้การผุดเผยของเบื้องหลังต่างๆ
จนตอนนี้ไม่ใช่แค่ในโลกใหญ่หงเหมิง ในโลกอื่นๆ ของฟ้าดาราล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์ใหญ่ที่ฮือฮาอย่างที่สุดนี้
บางคนกล่าวถึงความเสียหายรุนแรงของหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ บางคนกล่าวถึงผู้สืบทอดที่ราวกับเทพไท้แต่ละคนของคีรีดวงกมล
และมีบางคนที่ถกกันถึงเรื่องการไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ หลินสวินซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมในเหตุการณ์ย่อมคร้านจะสนใจ
เขาสั่งเหล้าอีกกา แล้วนึกถึงคำพูดบนจดหมายที่ชายหนุ่มจักจั่นทองทิ้งเอาไว้
‘โลกมืด มีคนรอเจ้าไปแก้ปม’
แค่ประโยคเดียว แปลกประหลาดมาก
ทว่าหลินสวินกลับสัมผัสถึงความหมายที่แตกต่างไป
แก้ปม คำพูดนี้ละเอียดอ่อนมาก ไม่ว่าใครเห็นก็จะนึกถึงประโยคหนึ่ง แก้ปมก็ต้องเป็นคนผูกปม
ทว่าประเด็นคือ หลินสวินไม่รู้ว่าตนกลายเป็น ‘คนผูกปม’ ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งคนที่ผูกปมด้วยยังอยู่ในโลกมืด
แต่สามารถคาดเดาได้ว่า ด้วยฐานะของชายหนุ่มจักจั่นทอง การทิ้งเพียงคำพูดประโยคนี้ไว้ก่อนไปฟากฝั่งฟ้าดาราจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ที่แท้เป็นใครกันที่ต้องให้ตนไปโลกมืดเพื่อแก้ปม
หลินสวินใคร่ครวญเนิ่นนาน นึกถึงสำนักโบราณจรัสเทพ นึกถึงแดนกษิติครรภ์ และนึกถึงตอนที่ศิษย์พี่รั่วซู่จะจากไป เคยพูดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ศิษย์พี่รองจะซ่อนตัวอยู่ในโลกมืด
ทว่าคิดไปคิดมาก็หาเบาะแสอะไรไม่ออก
‘ถ้ามีโอกาสก็ไปสักครั้งแล้วกัน’
หลินสวินนิ่งคิด
ยามนั่งยานลมกรดข้ามฟ้าดารามุ่งหน้าไปยังโลกใหญ่หงเหมิง หลินสวินเคยมีแผนการมากมาย
อย่างเช่น คืนปิ่นรูปใบไผ่ของศิษย์พี่เสวียนคงให้เจียงซิงเชวี่ย
อย่างเช่น หาป๋อหยาจื่อแห่งสำนักยุทธ์เสวียนจีให้พบ สืบข่าวของศิษย์พี่หลี่เสวียนเวย
ตอนนี้เขาทำเรื่องพวกนี้สำเร็จไปแล้ว
แต่ยังมีอีกเรื่องที่ซ่อนอยู่ในใจหลินสวินมาตลอด นั่นก็คือไปที่สำนักเร้นฤทธิ์เทพสักครั้ง
ตอนนั้นยามอยู่ที่โลกต้าอวี่ หลินสวินเคยถามเรื่องพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณกับอวี่ชิงหยางจักรพรรดิดาบชิงหยาง
ตอนนั้นอวี่ชิงหยางพูดว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะไปหาแดนเจินหลงหรืออยากสืบข่าวหาเบาะแสของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ก็ลองไปเยือน ‘สำนักเร้นฤทธิ์เทพ’ ในโลกใหญ่หงเหมิงดู’
เหตุผลง่ายมาก หอฤทธิ์เทพที่ลึกลับที่สุดของดินแดนรกร้างโบราณ ก็แตกแขนงมาจากสำนักเร้นฤทธิ์เทพ!
ต้องรู้ว่าเมื่อนานมาแล้วอ๋าวเจิ้นเทียนลูกหลานของเผ่าเจินหลง เคยมุ่งหน้าไปดินแดนรกร้างโบราณพร้อมกับอิ๋นฮวนผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพ เพื่อเชื้อเชิญจ้าวจิ่งเซวียนไปร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรที่แดนเจินหลง!