‘ก็ไม่รู้ว่าจิ่งเซวียนอยู่ที่แดนเจินหลงจะเป็นอย่างไรบ้าง…’

หลินสวินอึ้งงัน จิตใจเลื่อนลอย ดื่มเหล้าไปอีกจอกแต่กลับไม่รู้รส

ยามอยู่บนทะเลหมากดาราในดินแดนรกร้างโบราณ จ้าวจิ่งเซวียนจากไปพร้อมกับอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวน มุ่งหน้าไปแดนเจินหลงเพื่อร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร

ส่วนเขาไปเคี่ยวกรำที่แหล่งสถานคุนหลุนกับพวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่

นับเวลาดูแล้ว นี่ก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว

‘ผู้ฝึกปราณอย่างพวกเรา ทวนกระแสฟ้าดิน เวลาผันผ่านรวดเร็ว ไม่รู้วันคืน…’

หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วตัดสินใจ

ไปที่สำนักเร้นฤทธิ์เทพนั่นสักครา!

จู่ๆ ในหอสุราก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง ก็เห็นชายชุดม่วงคนหนึ่งส่ายหน้า เอ่ยเสียงทอดถอนใจ

“ในสายตาของพวกเจ้า มีเพียงระดับจักรพรรดิและบรรพจารย์จักรพรรดิ สนใจแค่เรื่องการไปฟากฝั่งฟ้าดารา แต่นั่นห่างไกลจากคนอย่างพวกเราเกินไป”

“หากข้าบอกว่าในการประชันหมากครั้งใหญ่นี้ มีคนหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ แต่กลับถูกคนส่วนใหญ่ในโลกมองข้าม!”

พูดถึงตรงนี้มีคนอดประหลาดใจไม่ได้ “ใคร”

ชายเสื้อม่วงเอ่ย “จะเป็นใครได้ หลินสวินแห่งคีรีดวงกมลอย่างไรเล่า!”

หลินสวิน!

ยามแขกที่นั่งอยู่ได้ยินชื่อนี้ต่างอึ้งไป พลันเผยสีหน้าประหลาด ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมอนี่!

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว บนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ไม่มีใครรู้จักชื่อนี้

ทว่าเมื่อแหล่งสถานคุนหลุนปิดฉากลง ชื่อนี้แทบจะดังก้องฟ้าดาราในชั่วค่ำคืน ทำให้ใต้หล้าสะเทือน

อานุภาพความดุดันของเขาท่วมฟ้า ปั่นป่วนแหล่งสถานคุนหลุน สังหารจนเหล่าผู้กล้าแตกพ่าย เลือดไหลเป็นสายน้ำ ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ สุดท้ายก็ช่วงชิงศุภโชคชั้นเลิศที่มีความลับในการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์มาได้!

พูดอย่างไม่เกินจริง ก็เพราะผลงานการต่อสู้อันนองเลือดในแหล่งสถานคุนหลุน ทำให้ชื่อของหลินสวินแพร่สะบัดไปทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราในชั่วพริบตา

หลังจากนั้นเขาถูกขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเรือนมรรคใหญ่ต่างๆ สิบเผ่านักรบใหญ่จับตามอง ถูกมองว่าเป็น ‘นักโทษอันดับหนึ่งในฟ้าดารา ’

บนล่างทั้งฟ้าดาราล้วนค้นหาร่องรอยของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าสิบกว่าปีผ่านไป กลับไม่มีใครพบเจอร่องรอยใดๆ ข่าวเกี่ยวกับเขาก็ค่อยๆ เงียบไป

และเมื่อการเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณสิ้นสุด และการประชันหมากครั้งใหญ่นี้จบลง ทุกคนถึงพบว่า หลินสวินคนนี้กลับไม่ธรรมดาเช่นนี้!

เขาใช้ฐานะของจินตู๋อีและผลคะแนนอันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแคว้นเมฆา เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นราวกับม้ามืดคนหนึ่ง

ในการทดสอบภายในแดนลับโลกาสวรรค์ ยิ่งเอาชนะเหล่าผู้กล้าในคราเดียว ได้รับอันดับหนึ่ง!

จนกระทั่งเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ เขาตัวคนเดียวสู้กับเหล่าผู้กล้าหน้าประตูทลายแห่งเขาปู้โจว ทำให้เกิดฝนเลือดลมคาว!

หวงฝู่เซ่าหนง ข่งเจา เฟิงเป่ยหลิง จิ่งเทียนหนาน เวินอวี๋…

อัจฉริยะชั้นเลิศที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า บุคคลระดับปีศาจที่มาจากโลกอื่นๆ ของฟ้าดารา ล้วนถูกกำราบสังหาร

แม้เป็นหมีอู๋หยา อันดับหนี่งตลอดหกร้อยปีบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ สุดท้ายก็ยอมแพ้ เลื่อมใสเขา!

ผลงานการต่อสู้ทั้งหมดนี้น่าตกตะลึงยิ่งยวด สะท้านอดีตและปัจจุบัน

และคนที่สร้างปาฏิหาริย์นี้ ก็คือหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ปลอมตัวมา!

เมื่อก่อนหมีอู๋หยาถูกมองว่าไร้ศัตรูในระดับมกุฎราชันอริยะ ทว่าหลินสวินกลับใช้การต่อสู้นองเลือดครั้งหนึ่งประกาศกร้าวว่า ในระดับนี้อะไรถึงเรียกว่าไร้ศัตรู!

ที่น่าเสียดายคือ หลังจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณปิดม่านลง การประชันหมากครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ตามมาด้วยการร่วงหล่นของเหล่าจักรพรรดิ การหลั่งเลือดของบรรพจารย์จักรพรรดิ จอมจักรพรรดิไร้นามถูกโจมตีพินาศ หนทางสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราปรากฏอีกครั้ง…

หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ที่เรียกได้ว่า ‘ฟ้าเปลี่ยน’ แต่ละเรื่องเหล่านี้อุบัติขึ้น จึงกลบความสามารถของหลินสวินในเขตต้องห้ามเซียนโบราณไปทั้งหมด

ทำให้บนทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ คำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเขาน้อยลงมาก

ทว่าแค่พูดถึงชื่อนี้ ผู้คนก็จะต้องนึกถึงปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ประหนึ่งตำนานคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

“ต้องยอมรับว่าหลินสวินนี่แข็งแกร่งจนทำให้คนใจสั่นจริงๆ ในอดีตที่ผ่านมาแทบไม่เห็นคนร้ายกาจพลิกฟ้าเช่นนี้ ในอนาคตก็คงหาคนที่สามารถเทียบเคียงได้ไม่กี่คน”

“นี่ก็เรียกว่าในอดีตและอนาคตหาไม่ได้ไม่ใช่หรือ”

ในหอสุรา เสียงทอดถอนใจสะท้านสะเทือนระลอกหนึ่งดังขึ้น บรรดาแขกที่นั่งอยู่ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณในเมืองนครเยี่ยนแห่งแคว้นกลางมรรค ไม่ขาดบุคคลชื่อเสียงโด่งดังและโดดเด่น

ที่ผ่านมายามพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกปราณที่มาจากแคว้นอื่นหรือโลกอื่นของฟ้าดารา ล้วนแฝงความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจ

แต่ตอนนี้ยามพูดถึงหลินสวิน แต่ละคนกลับทำได้เพียงเก็บความเย่อหยิ่ง ทอดถอนใจยอมแพ้ อยากไม่ยอมแพ้ก็ไม่ได้!

หญิงสาวแรกแย้มคนหนึ่งเผยสีหน้าคลั่งไคล้ พึมพำว่า “หากมีโอกาส อยากเห็นความองอาจของคนผู้นี้สักหน่อยจริงๆ”

มีคนหัวเราะขึ้นมาทันที “เพลาๆ หน่อยเถอะ ข้าได้ยินว่าคนผู้นี้มุ่งหน้าไปฟากฝั่งฟ้าดาราพร้อมกับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนอื่นตั้งนานแล้ว บนทางเดินโบราณฟ้าดาราต่อไปจะไม่เห็นเขาอีกแล้ว”

“ก็ไม่แน่หรอก”

จู่ๆ เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น คนพูดคือชายหนุ่มชุดดำที่นั่งดื่มเพียงลำพังเหมือนหลินสวิน

เขาวางจอกเหล้าในมือลงแล้วเอ่ยว่า “เท่าที่ข้ารู้ เจ้าหมอนั่นไม่ได้จากไป แต่อยู่ที่โลกใหญ่หงเหมิงต่อ แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงเลือกอยู่ต่อ แต่อีกไม่นานเขาก็จะตกอยู่ในแดนหมื่นเคราะห์ไม่อาจหวนคืน!”

ประโยคเดียวทำเอาบรรยากาศในหอสุราเงียบลงไม่น้อย

“ขอถามสหายยุทธ์ ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ”

มีคนอดถามไม่ได้

ชายหนุ่มชุดดำพูดอย่างเย็นเยียบ “พวกเจ้าคอยดูเถอะ อีกไม่นานข่าวเกี่ยวกับการประกาศจับและตามฆ่าเจ้าหมอนั่นจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา”

ทุกคนต่างอดเหลือบมองกันไม่ได้ สีหน้าแปลกประหลาดแตกต่างกันไป

มีคนร้องอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้คีรีดวงกมลได้รับชัยชนะ สังหารจอมจักรพรรดิไร้นามนั่น บนโลกนี้ยังมีคนกล้าแตะต้องหลินสวินอีกหรือ”

พอถูกตั้งคำถาม ชายหนุ่มชุดดำพลันเผยสีหน้าไม่พอใจ พูดอย่างเย็นเยียบ “เศษเดนคีรีดวงกมลเหล่านั้นจากไปแล้ว บนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ใครจะยังคุ้มครองหลินสวินได้”

เศษเดน!

ได้ยินคำเรียกที่เจือความเป็นอริและก่นด่าดูถูกนี้ ทำให้หลินสวินที่สังเกตอย่างเงียบๆ มาโดยตลอดหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้กระทำอะไร

ที่นี่คือเมืองนครเยี่ยน เมืองใหญ่ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งในแคว้นกลางมรรค ห่างจากเมืองนี้ไปไม่กี่หมื่นลี้ก็คือ ‘เรือนมรรคดึกดำบรรพ์’ ที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า

ที่หลินสวินกล้านั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่อย่างเปิดเผย ก็เพราะเขาใช้กายมรรคไม้เขียวจึงไม่กลัวว่าจะถูกจับได้

แต่ถ้าลงมือ จะชักนำมาซึ่งการความเคลื่อนไหวและปัญหาที่ไม่จำเป็น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกหมายหัวได้ด้วย

“หากที่สหายยุทธ์พูดเป็นจริง หลินสวินคนนี้… คงจะประสบมหาเคราะห์จริงๆ แล้ว”

มีคนวิเคราะห์ “คิดๆ แล้วในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั่น ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ถูกเขาฆ่าไปตั้งเท่าไหร่ ไม่ต้องพูดถึงที่อื่น เพียงแค่สามเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคจักรวาล ดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร ก็ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่”

“นอกจากนี้ในการประชันหมากครั้งใหญ่ มหาจักรพรรดิและบรรพจารย์จักรพรรดิที่ตายในมือผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไม่น้อยเลย บุคคลชั้นเลิศเหล่านี้ล้วนมาจากขุมอำนาจน่ากลัวแตกต่างกัน บัญชีนี้จะต้องคิดที่หลินสวินแน่”

“พูดเช่นนี้ ทั่วหล้าบนล่างในทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ คงไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้าหมอนี่แล้ว! แม้เขาหนีไปที่โลกมืด จะต้องถูกสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์หมายหัวแน่นอน!”

ฟังถึงตรงนี้เสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่งดังขึ้นในหอสุรา พวกเขาเป็นเพียงผู้ฟังกลุ่มหนึ่ง แต่แค่ได้รู้หนี้แค้นนองเลือดที่สั่งสมไว้เหล่านี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกขวัญหนีดีฝ่อแล้ว

แค่คิดก็รู้ว่าหากหลินสวินอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราจริงๆ เคราะห์สังหารที่เขาจะต้องเผชิญ… จะน่ากลัวเพียงใด!

“บนโลกนี้หากไม่มีที่ยืนสำหรับบุคคลชั้นเลิศอย่างหลินสวิน ก็น่าผิดหวังเกินไปแล้ว…”

หญิงสาวแรกแย้มคนนั้นเผยสีหน้าขุ่นเคือง “สู้คีรีดวงกมลไม่ได้ก็ระบายแค้นที่หลินสวินคนเดียว นี่… น่าเศร้าเพียงใด”

ทุกคนต่างเผยสีหน้าไม่เห็นด้วย

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโลกก็ล้วนโหดร้ายเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดจึงจะอยู่รอด

ชายหนุ่มชุดดำลุกขึ้น เดินไปตรงหน้าหญิงสาวคนนั้น สีหน้าเย็นชาแฝงความเย่อหยิ่งและตักเตือน

“แม่นาง หลินสวินไม่ควรค่าให้เจ้าชื่นชม เขาเป็นเพียงคนบ้าระห่ำที่มือเปื้อนเลือด ร้ายกาจเหี้ยมโหดคนหนึ่งเท่านั้น สักวันจะต้องถูกกำจัดเพื่อประกาศต่อทั่วหล้าไม่ให้เข้าใจผิด ต่อไปเจ้าระวังคำพูดหน่อยจะดีกว่า อย่าให้ใครคิดว่าเจ้ากับเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นเป็นพวกเดียวกัน”

หญิงสาวสีหน้าเปลี่ยนไป อึมครึมไม่สามารถสงบได้

ชายหนุ่มชุดดำเอามือไพล่หลัง หมุนตัวเดินออกนอกหอสุราไป

“เก็บเงิน”

หลินสวินโยนถุงเก็บของใบหนึ่งส่งๆ แล้วเดินออกไปเช่นกัน

ในหอสุราด้านหลัง เสียงอุทานด้วยความตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้ารู้แล้ว คนเมื่อครู่นี้เป็นผู้สืบทอดของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ นามว่าซวีหลิงเจิน!”

“ที่แท้ก็เป็นทายาทเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซวี ถึงว่าน้ำเสียงน่าเชื่อถือขนาดนี้”

“ถ้าอย่างนั้น หลินสวินนั่นอาจจะไม่ได้จากไปจริงๆ หรือ”

“รอก่อนเถอะ จะต้องมีข่าวแพร่ออกมาอย่างแน่นอน”

……

นอกเมือง

เทือกเขาเรียงตัวเป็นคลื่น ประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน กลืนกินแสงหมอก งดงามและเกรียงไกร

ในแคว้นกลางมรรค เทือกเขาเช่นนี้ ทิวทัศน์เช่นนี้ สามารถเห็นได้ทั่วทุกแห่งหน และยิ่งขับเน้นถึงความยิ่งใหญ่ของแคว้นกลางมรรคว่าไม่ธรรมดาเพียงใด

และในความเป็นจริง ในแคว้นเดียวเท่านั้นกลับสามารถรองรับอาณาเขตของหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ รวมถึงเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์มากมายได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!

และก็เป็นเหตุผลที่โลกใหญ่หงเหมิงถูกมองว่าเป็นโลกอันดับหนึ่งของทางเดินโบราณฟ้าดารา แคว้นกลางมรรคที่ตั้งอยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงนี้ก็ถูกมองว่าเป็น ‘ศูนย์กลางทั่วหล้า’

เหล่าจักรพรรดิผงาดขึ้นที่นี่ บรรพจารย์มรรคเร้นกายอยู่ที่นี่ ประโยคนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่พูดถึง

ซวีหลิงเจินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ทะลวงผ่านเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ทะยานมุ่งหน้าไกลออกไป ตอนที่เคลื่อนผ่านหุบเขาแห่งหนึ่งเขาพลันชะงักเท้า หว่างคิ้วเผยไอสังหาร

“สหาย เจ้าตามมาจากหอสุราตลอดทาง คิดว่าข้าไม่สังเกตจริงๆ หรือ”

เขาหลังหันไป สายตามองไปยังห้วงอากาศบริเวณหนึ่ง เผยความดูถูก วิธีแอบสะกดรอยลับๆ เช่นนี้หยาบกระด้างไม่ได้ความเกินไป ทำให้เขาไม่มีความคิดจะระแวงเลยสักนิด

ฮูม…

ห้วงอากาศพลิกม้วนระลอกหนึ่ง เงาร่างของหลินสวินปรากฏออกมา กลิ่นอายราบเรียบธรรมดา

เมื่อสังเกตเห็นความดูถูกของซวีหลิงเจิน หลินสวินอดยิ้มเยาะไม่ได้

เจ้าโง่นี่ ตนไม่ได้ปกปิดร่องรอยมาตลอดทาง หากไม่สังเกตเห็นอีกก็เทียบคนโง่ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

ซวีหลิงเจินดูหมดความอดทนยิ่ง เอ่ยเสียงเย็น “ให้โอกาสเจ้าไถ่โทษ บอกมาตามตรง จุดประสงค์ที่เจ้าตามข้ามาคืออะไร และเป็นใครส่งเจ้ามา หากทำให้ข้าไม่พอใจ ที่นี่จะเป็นที่ฝังศพของเจ้า!”