ในเวลานี้ ณ กรมตำรวจนครบาลโตเกียว
ผู้กำกับใหญ่หลังจากรู้ว่านางาฮิโกะ อิโตะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วและไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ก็ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เขาหยิบบุหรี่ออกมาและเคาะมันลงบนที่เขี่ยเพื่อให้ยาสูบแน่นขึ้น จากนั้นจึงหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่และสูบอัดมันเข้าลึก
ครู่ต่อมา เขาถึงค่อยถอนหายใจ “ไอ้หยา เห็นทีวันอันแปลกประหลาดนี้สุดท้ายก็กำลังจะจบลงแล้ว…”
คนที่อยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นว่า “ผู้กำกับใหญ่ ยังไม่พบพี่น้องตระกูลซู…”
ผู้กำกับใหญ่พูดอย่างโมโหขึ้นมาทันที “นายช่วยสร้างความรำคาญใช้ฉันน้อยๆหน่อยได้ไหม? ตอนนี้พี่น้องตระกูลซูยังคงอยู่ในสภาพไม่รู้เป็นหรือตาย!”
พูดไป เขาก็เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค “ไม่รู้เป็นหรือตายความหมายก็คือยังไม่รู้ว่าเป็นหรือว่าตาย อย่างน้อยก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าตายไปแล้ว คืนนี้คำขอของฉันง่ายมาก แต่อย่ามาบอกว่ามีใครตายกับฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว ส่วนที่เหลือ ค่อยว่ากันพรุ่งนี้!”
คนข้างๆ รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ผู้กำกับใหญ่ คุณก็ลำบากมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว คุณรีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“อืม” ผู้กำกับใหญ่ดูดบุหรี่และเอ่ย “อยากกลับบ้านไปพักผ่อนดีๆแล้ว”
ขณะที่กำลังจะออกจากกรมตำรวจ จู่ๆ ก็มีคนวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและโพล่งออกมาว่า “ผู้กำกับใหญ่ ผู้กำกับใหญ่! เกิดเรื่องใหญ่แล้วผู้กำกับใหญ่!”
ผู้กำกับใหญ่ใกล้จะเป็นบ้า เขาโพล่งถามออกไป “เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว?!”
อีกฝ่ายเอ่ยหอบขึ้นมา “เป็นมัตสึ…มัตสึโมโตะ…ตระกูลมัตสึโมโตะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
ผู้กำกับใหญ่ตกตะลึง เขาเอ่ย “ก่อนอื่นคือทากาฮาชิ มาจิ จากนั้นก็นางาฮิโกะ อิโตะ ตอนนี้เป็นมัตสึโมโตะ โยชิโตะ นี่จะไม่ให้คนได้พักหายใจกันบ้างเลยหรือไง? ว่าไงนะ! มัตสึโมโตะ โยชิโตะเกิดเรื่องแล้ว? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ในความเห็นของเขา ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ก็พอ ต่อให้บาดเจ็บ หรือว่าพิการก็ไม่เป็นไร ยังไงเสียข้อกำหนดเพียงอย่างเดียวของตนก็คืออย่ามีใครตายอีก
ผลคือ อีกฝ่ายกลับพูดด้วยสีหน้าสยองขวัญ “ผู้กำกับใหญ่ ตระกูลมัตสึโมโตะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว! คนกว่า 30 คนในตระกูล ทั้ง…ทั้งหมดตายแล้ว… ”
“อะไรนะ?!”
ทันทีที่ผู้กำกับใหญ่ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โยนก้นบุหรี่ทิ้งอย่างสิ้นหวัง สองมือทึ้งผมของตนเองอย่างแรงๆ ก่อนจะทรุดตัวลงพูดว่า “ฉันจะบ้าตายแล้วโว้ย!!! นี่แม่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ? นี่มันยังแม่งเป็นโตเกียวที่ฉันคุ้นเคยอยู่อีกหรือไม่?! ทำไมถึงได้มีคนตายไม่จบไม่สิ้น?! ”
อีกฝ่ายหนึ่งเองก็มีสภาพทรุดโทรมอย่างมาก เขาโพล่งออกมา “คืนนี้จู่ๆตระกูลมัตสึโมโตะก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นมา หลังจากที่นักดับเพลิงเข้าไปดับไฟ พวกเขาก็พบว่าทุกคนในตระกูลมัตสึโมโตะล้วนนอนอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างเป็นระเบียบและถูกไฟไหม้เสียจนจำไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าคนก่อนแล้วจุดไฟเผา ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงภาพน่าสลดใจในที่เกิดเหตุ นักดับเพลิงหลายคนถึงกับอาเจียนจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว!”
ทันทีที่ผู้กำกับใหญ่ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าความดันโลหิตของตนพุ่งสูงขึ้นทันที ในปากเอ่ยพึมพำด่าไม่หยุด “แม่..แม่งเอ๊ย แม่ง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท จากนั้นก็หมดสติไป
…
ในเวลาเดียวกัน ณ เมืองโบราณเกียวโต
เย่เฉินและอิโตะ นานาโกะ เดินไปบนหิมะมาสักพักหนึ่งแล้ว
ในระหว่างนั้น อิโตะ นานาโกะบอกกับเย่เฉิน ว่าตั้งแต่ที่ตนได้รับบาดเจ็บและมาที่เกียวโตเพื่อพักฟื้น เธอก็อยู่ในคฤหาสน์มาตลอดและไม่เคยออกไปไหนเลย ดังนั้นจึงคิดอยากออกไปเดินเล่นอย่างมาก
ดังนั้น เย่เฉินจึงพาเธอปีนขึ้นไปบนกำแพงอย่างเงียบๆ และออกจากคฤหาสน์ของตระกูลอิโตะ ทั้งสองเดินจับมือกันบนถนนในเกียวโต