อิโตะ นานาโกะคิดไม่ถึงว่า ดึกขนาดนี้แล้วพ่อของเธอจะยังโทรหาเธอ

ดังนั้น เธอจึงพูดกับเย่เฉินด้วยความลนลานอยู่บ้าง “เย่เฉินซัง ฉันต้องรับสายจากคุณพ่อ… ”

เย่เฉินพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “รับเถอะ”

อิโตะ นานาโกะรีบกดปุ่มรับสายแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณพ่อ ทำไมคุณถึงได้โทรหานานาโกะตอนดึกขนาดนี้คะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

อีกด้านหนึ่งของสาย มีเสียงอ่อนแรงของนางาฮิโกะ อิโตะเปล่งขึ้นมาเบา ๆ “นานาโกะ พ่อเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย โทรมาเพื่อยืนยันความปลอดภัยของลูก ที่เกียวโตทางนั้นทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”

อิโตะ นานาโกะรีบถาม “คุณพ่อ คุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?! เป็นอะไรมากไหมคะ?!”

นางาฮิโกะ อิโตะเอ่ย “พ่อและทานากะซังถูกคนไล่ฆ่า โชคดีที่หนีรอดมาได้ แต่พ่อกลัวว่าพวกมันจะวางแผนทำร้ายลูก ดังนั้นก็เลยโทรมายืนยัน”

ในขณะนี้ นางาฮิโกะ อิโตะกำลังนอนอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลโตเกียว นินจาของตระกูล บอดี้การ์ด และเจ้าหน้าที่ตำรวจของกรมตำรวจนครบาลโตเกียวได้ทำการป้องกันในโรงพยาบาลอย่างแน่นหนาและเข้มงวด

นางาฮิโกะ อิโตะที่นอนอยู่บนเตียง มองแวบแรกดูแล้วคล้ายไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงอะไร แต่ขาใต้เข่าทั้งสองข้างของเขากลับหายไป มีเพียงตรงปลายต้นขาทั้งสองข้างที่ถูกห่อด้วยผ้าก๊อซหนา

หลังจากตกลงมาจากสะพานลอย สมองและอวัยวะภายในของนางาฮิโกะ อิโตะ ถึงแม้จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก

แต่ว่า ขาทั้งสองข้างที่รับแรงกระแทกเป็นหลักนั้นกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส

ฝ่าเท้า ข้อเท้า และกระดูกน่องขาของเขาแทบจะหักออกเป็นเสี่ยงๆจนหมด เลือดเนื้อถูกบดขยี้จนแทบดูไม่ได้

ในสถานการณ์แบบนี้ แพทย์สรุปว่า ขาทั้งสองข้างของเขาไม่อาจฟื้นตัวได้อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น กระดูกที่แตกออกเป็นเสี่ยงและกล้ามเนื้อที่เสียหายอย่างรุนแรงได้สูญเสียโอกาสในการฟื้นฟู และยังส่งผลให้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างมาก

ดังนั้น เหลือแค่เพียงการตัดส่วนที่เสียหายอย่างรุนแรงโดยเร็วที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถหยุดการสูญเสียและรักษาชีวิตของนางาฮิโกะ อิโตะ เอาไว้ได้

สำหรับคนทั่วไป เมื่อเนื้อเยื่อของร่างกายตายเป็นบริเวณกว้าง โดยหลักแล้วก็ไม่มีทางรักษาให้ฟื้นคืนได้อีกต่อไป

หากแขนขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ตัดแขนขา ส่วนที่ติดเชื้อก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยรวมในไม่ช้า ท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่การเสียชีวิต

ในเวลานั้น เมื่อแพทย์ถามความคิดเห็นของนางาฮิโกะ อิโตะ เขาก็แทบจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เขาเองจัดว่าเป็นวีรบุรุษที่กล้าหาญและมีความรู้เช่นกัน ในช่วงเวลาวิกฤติก็สามารถตัดสินใจกับสถานการณ์ที่ตนเผชิญได้อย่างชัดเจน

ในความเห็นของเขา สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถือว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้ว หากตนเองไม่ยอมตัดขาและทำให้เรื่องล่าช้าออกไป แบบนั้นตนก็อาจตายได้

สำหรับเขาแล้ว นอกจากลูกสาวของตน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเอาชีวิตรอด

สถานการณ์ของทานากะ โคอิจิก็เป็นเหมือนกับนางาฮิโกะ อิโตะ เขาเองก็ได้รับการผ่านตัดขาตั้งแต่ใต้เข่าลงไป รอดชีวิตมาได้และในตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ที่ห้องข้างๆ

อิโตะ นานาโกะไม่รู้ว่าพ่อของตนได้รับการผ่าตัดขาไป เธอถามอย่างกังวลว่า “คุณพ่อคะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ได้รับบาดเจ็บรึเปล่าคะ มีอันตรายอะไรไหม?”

นางาฮิโกะ อิโตะถอนหายใจและพูดว่า “พ่อและทานากะซังได้รับบาดเจ็บที่ขาเล็กน้อย ตอนนี้กำลังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ว่าโชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ลูกวางใจได้”

จากนั้น นางาฮิโกะ อิโตะก็เอ่ยขึ้น “ไม่กี่วันมานี้สภาพสังคมวุ่นวายเป็นอย่างมาก ลูกอยู่ที่เกียวโตจะต้องระมัดระวัง พ่อจะส่งนินจาไปปกป้องลูก!”

อิโตะ นานาโกะเอ่ยปากออกไป “คุณพ่อ นานาโกะจะกลับโตเกียวไปพบคุณ!”