นางาฮิโกะ อิโตะรีบเอ่ยขึ้น “ลูกไม่ต้องมาแล้ว ตอนนี้โตเกียววุ่นวายมาก แค่เพียงระยะเวลาวันสองวัน มีคนตายไปมากมาย อีกอย่างตอนนี้ลูกยังป่วยอยู่ อยู่พักผ่อนในเกียวโตดีกว่า!”

อิโตะ นานาโกะรีบพูดขึ้น “คุณพ่อคะ อาการบาดเจ็บของลูกหายดีทั้งหมดแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง ลูกจะไปโตเกียวเพื่อดูแลคุณโดยเร็วที่สุด!”

นางาฮิโกะ อิโตะย่อมไม่เชื่อว่าอาการบาดเจ็บของลูกสาวจะหายเป็นปกติแล้ว เขาคิดว่าอิโตะ นานาโกะแค่กำลังปลอบโยนเขา

ดังนั้น เขาพูดกับอิโตะ นานาโกะด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “นานาโกะ ลูกต้องฟังพ่อ อยู่ที่เกียวโตอย่างว่าง่าย ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอีกทั้งอย่าได้มาที่โตเกียว!”

อิโตะ นานาโกะยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่นางาฮิโกะ อิโตะเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “ถ้าหากพ่อรู้ว่าลูกแอบมาโตเกียว อย่างนั้นพ่อก็จะไม่มีลูกสาวแบบลูกอีกต่อไป!”

พูดจบ เขาก็ตัดสายไปทันที

อิโตะ นานาโกะร้องไห้ออกมาทันที ในใจของเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อมากอย่างที่สุด ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถมั่นใจได้เบื้องต้นแล้วว่าสายจากพ่อของเธอไม่คล้ายกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่เธอมักจะรู้สึกว่า อาการบาดเจ็บของพ่อเธอไม่ได้เบาอย่างที่เขาพูดมาทางโทรศัพท์

เย่เฉินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากถามเธอขึ้น “นานาโกะ พ่อของเธอเกิดเรื่องหรือ?”

“อืม…” อิโตะ นานาโกะพยักหน้าทั้งน้ำตาแล้วพูดว่า “คุณพ่อโทรมาบอกว่าท่านโดนไล่ฆ่า ตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว…”

พูดจบ เธอก็มองไปที่เย่เฉินและสะอื้นไห้ “เย่เฉินซัง ฉันเป็นกังวลมาก … ”

เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปลอบโยน “พ่อของเธอน่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว ดังนั้นเธอเองก็อย่ากังวลมากเกินไป”

อิโตะ นานาโกะส่ายหัวและพูดว่า “ฉันเกรงว่าคุณพ่อปกปิดอะไรบางอย่างกับฉัน… ”

พูดจบ เธอก็มองไปเย่เฉินอย่างคาดหวัง และเอ่ยปากถาม “เย่เฉินซัง ฉันอยากกลับไปที่โตเกียว คุณช่วย… คุณช่วยฉันได้ไหมคะ?”

เย่เฉินถามเธอ “เธอต้องการให้ฉันช่วยยังไง?”

อิโตะ นานาโกะเอ่ย “คุณพ่อไม่ให้ฉันกลับไป ถ้าฉันไปบอกคนใช้ที่บ้าน พวกเขาจะต้องไม่ยอมรับปากแน่ อีกทั้งยังถึงขั้นสั่งห้ามฉัน ในเมื่อตอนนี้พวกเราก็หนีออกมาแล้ว ฉันไม่คิดจะกลับไปอีก หวังว่าเย่เฉินซังจะให้ฉันยืมเงินได้สักหน่อย รอรุ่งสาง ฉันจะนั่งชินคันเซ็นเที่ยวแรกกลับไปที่โตเกียว!”

เย่เฉินเห็นว่านัยน์ตาของเธอร้อนรนอย่างมาก ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เพิ่งจะผ่านเที่ยงคืนมา ชินคันเซ็นอย่างน้อยๆก็ต้องรอจนถึงเช้า หรือไม่ให้ฉันขับรถส่งเธอกลับไปเถอะ ถ้าเร่งหน่อยสามชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

“จริงหรือ?!”

อิโตะ นานาโกะมองที่เย่เฉินอย่างตื่นเต้นและโพล่งถามว่า “เย่เฉินซังเต็มใจที่จะขับรถไปส่งที่โตเกียวจริงๆหรือ?”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ “พูดก็พูดออกมาแล้ว ฉันจะหลอกเธอได้หรือไง?”

อิโตะ นานาโกะเอ่ย “แต่ว่า… แต่ว่าเย่เฉินซังไม่ได้มาทำธุรกิจในโอซาก้าหรอกหรือคะ? ถ้าหากคุณส่งฉันไปโตเกียว แบบนี้จะทำให้ธุระของเย่เฉินซังในโอซาก้าล่าช้าไปหรือไม่?”

“ไม่เป็นไร” เย่เฉินยิ้มอย่างสงบและเอ่ยปลอบโยน “เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน เรื่องที่โอซาก้าฉันมีคนช่วยจัดการอยู่ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือส่งเธอกลับไปโตเกียวเพื่อพบพ่อของเธอก่อน เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขาตลอดเวลา”

อิโตะ นานาโกะจับมือทั้งสองข้างของเย่เฉินและกล่าวขอบคุณไม่หยุด “เย่เฉินซัง ขอบคุณคุณมากจริงๆ… ”

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “พอแล้ว ไม่ต้องพูดจาเกรงใจแล้ว รถของฉันจอดอยู่ใกล้ ๆ พอดี พวกเราออกเดินทางกันเลยเถอะ”

“ดี!” อิโตะ นานาโกะ พยักหน้าติดๆ สายตาที่มองไปที่เย่เฉิน เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและหลงใหล

ในเวลานี้ ในสายตาของเธอ เย่เฉินก็คือฮีโร่บนโลกที่สวรรค์ส่งมาเพื่อช่วยเหลือตน