หากจะบอกว่าเขาโชคดี อันที่จริงหากเขาตัดขาช้าไปกว่านี้อีกสักไม่กี่ชั่วโมง ขอแค่ขาของเขายังอยู่กับตัว ยาอายุวัฒนะของตนก็จะสามารถรักษาเขาได้

แต่ถ้าถูกตัดออกไปแล้ว ยาอายุวัฒนะก็ไร้ประโยชน์

แม้ว่ายาอายุวัฒนะจะยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้มีผลทำให้แขนขาที่ขาดด้วนไปของผู้คนงอกขึ้นมาใหม่

นอกจากนี้ นางาฮิโกะ อิโตะเพิ่งได้รับบาดเจ็บในคืนนี้ การตัดขาล่าช้าออกไปอีกไม่กี่ชั่วโมงนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก

ท้ายที่สุดแล้ว เนื้อเยื่อของขาที่เสียหายยังไงก็ต้องใช้เวลากว่าจะเกิดการสลายตัวและติดเชื้อขึ้นมา หากแพทย์ช่วยในการรักษาอาการอักเสบเอาไว้ การยื้อเอาไว้อีกสักไม่กี่ชั่วโมงนั้นยังคงทำได้อยู่

ถ้านางาฮิโกะ อิโตะลังเลสักเล็กน้อย และคิดเกี่ยวกับมันสักหน่อย บางทีก็อาจชะลอเวลาจนกระทั่งตนและนานาโกะมาถึงได้

อย่างไรก็ตาม ที่ไม่คาดคิดก็คือ เขาจะเด็ดเดี่ยวขนาดนี้และตัดขาออกไปทันที

เย่เฉินคาดว่า เป็นเพราะโรงพยาบาลรู้สึกว่า ขาของนางาฮิโกะ อิโตะไม่มีประโยชน์ที่จะรักษาเอาไว้อีก ดังนั้นถึงได้ถึงได้ตัดสินใจผ่าตัดขาออกไป

เรื่องนี้บอกได้แค่ว่าโชคของนางาฮิโกะ อิโตะนั้นไม่ค่อยดีนัก

ในเวลานี้ อิโตะ นานาโกะที่อยู่ข้างๆ เย่เฉิน ด้านหนึ่งน้ำตาไหลนอง ด้านหนึ่งร้องไห้ถามว่า “คุณป้า คุณพ่อเขา…สภาพของเขายังดีอยู่หรือไม่? เขาโกรธเป็นพิเศษหรือว่าหดหู่ใจเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

เอมิ นานาโกะดึงมือของอิโตะ นานาโกะ อย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงเอ่ยยิ้มน้อยๆ “ครั้งนี้พ่อของเธอมองได้อย่างปรุโปร่งอย่างยิ่ง เขาเป็นคนบอกกับฉันเองว่าการมีชีวิตรอดมาได้ถือเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการในอนาคตก็ไม่เป็นไร”

พูดไป เอมิ นานาโกะก็ถอนหายใจอีกครั้ง “อันที่จริง สิ่งที่พ่อของเธอกลัวมากที่สุด ไม่ใช่การบาดเจ็บพิการ หรือการสูญเสียชีวิต แต่เขากลัวว่าเส้นทางแห่งชีวิตในอนาคตนั้นเขาจะไม่สามารถเดินร่วมทางไปกับเธอได้ ครั้งนี้รอดตายมาได้ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาดีใจมากแค่ไหน! นี่คือความรักของบิดาที่ดุจดั่งขุนเขา!”

อิโตะ นานาโกะ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอเข้าไปกอดเอมิ นานาโกะทันทีและร้องไห้ดังออกมา

เอมิ นานาโกะตบหลังปลอบเธอเบาๆ อีกด้านหนึ่งก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอโพล่งถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “นานาโกะ เธอ….เธอลุกขึ้นยืนได้อย่างไร?! แพทย์ไม่ได้บอกหรอกหรือว่า เธอจะต้องพึ่งพาเก้าอี้รถเข็นไปตลอดแล้วในอนาคต?”

อิโตะ นานาโกะมองไปที่ เย่เฉิน และพูดกับเอมิ นานาโกะอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณป้า ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเย่เฉินซัง เขารักษาฉันให้หาย…”

“เย่เฉิน?!” เอมิ นานาโกะตกตะลึงหน้าซีด เธอโพล่งออกมา “เขาก็คือ…ก็คือเย่เฉินคนที่เบี้ยวหนี้ของตระกูลอิโตะเราไป4.5พันล้านดอลลาร์?!”

อิโตะ นานาโกะอดไม่ได้ที่จะอึดอัดอยู่บ้าง เธอเอ่ย “คุณป้า เรื่องเงินอย่าได้คิดมากอีกเลยค่ะ เย่เฉินซังไม่เพียงแต่รักษาอาการบาดเจ็บของฉัน แต่ยังช่วยชีวิตฉันด้วย!”

“ช่วยชีวิตเธอไว้เหรอ!” เอมิ นานาโกะโพล่งถามออกมา “นานาโกะ เธอเจอกับอันตรายอะไรงั้นหรือ?”

อิโตะ นานาโกะ พยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ช่วงค่ำเมื่อคืนนี้ ทากาฮาชิ มาจิส่งนินจาฟูจิบายาชิหกคนไปที่เกียวโตเพื่อฆ่าฉัน ต้องขอบคุณเย่เฉินซังที่เข้ามาช่วยฉันถึงรอดมาได้… ”

เอมิ นานาโกะ ลืมตาโพลงและโพล่งขึ้น “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ทากาฮาชิ มาจิจะร้ายกาจขนาดนี้! แม้กระทั่งเธอก็ไม่ละเว้น!”

พูดจบ เธอก็มองไปที่เย่เฉินและพูดอย่างจริงจังว่า “คุณเย่ เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างคุณกับพี่ชายฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง แต่ว่าเรื่องที่คุณช่วยเหลือนานาโกะเอาไว้ ฉันต้องขอเป็นตัวแทนขอบคุณคุณแทนพี่ชายและคนทั้งตระกูลอิโตะทั้งหมด!”

ทันทีที่สิ้นเสียงลง เธอก็รีบโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้เขาทันทีเป็นเวลาสามถึงห้าวินาที

เย่เฉินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจอะไร “คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมกับนานาโกะเป็นเพื่อนกัน เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนควรทำให้กัน”

ในเวลานี้เอง มีแพทย์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาและบอกกับเอมิ นานาโกะว่า “ผู้ป่วยตื่นแล้วและอยากเห็นคนในครอบครัว คุณอิโตะ โปรดตามผมมา”

เอมิ นานาโกะรีบพูดกับอิโตะ นานาโกะว่า “นานาโกะ พวกเราไปดูพ่อของเธอพร้อมกันเถอะ”

อิโตะ นานาโกะพยักหน้าอย่างแรงและถามเย่เฉินทันที “เย่เฉินซัง คุณจะไปด้วยไหมคะ?”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ ในใจคิดว่าในเมื่อนางาฮิโกะ อิโตะถูกตัดขาออกไปแล้ว แบบนั้นตนเองก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้น “นานาโกะ ฉันไม่ไปดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้คุณอิโตะโมโหขึ้นมาพอเห็นฉันเข้า จะได้ไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของเขา”