หลินสวินที่อยู่ไกลๆ นัยน์ตาหดรัดทันที เฒ่าชราผมขาวคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับจักรพรรดิแท้คนหนึ่ง
ทว่าเพียงพริบตาก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวกระจายแล้ว!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหญิงชุดม่วงเพียงแค่ตบไหล่อีกฝ่ายเท่านั้น แผ่วเบาและง่ายดาย
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนใจสั่น!
อีกสองคนที่เหลือก็ระดับจักรพรรดิเหมือนเฒ่าชราชุดขาว ตอนที่เห็นภาพนี้ สีหน้าของพวกเขาล้วนซีดเซียว เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าไปสืบเบาะแสของผู้แข็งแกร่งสำนักเร้นฤทธิ์เทพ ให้เวลาเจ็ดวัน หลังเจ็ดวัน ข้าต้องการเบาะแสของแดนเจินหลง”
สายตาของหญิงชุดม่วงมองไปยังชายวัยกลางคนชุดคลุมเทา “เจ้าลองหนีดูได้ แต่สำนักและญาติพี่น้องเบื้องหลังเจ้าจะต้องสังเวยชีวิตให้กับเจ้า”
“ขอรับ”
ชายวัยกลางคนสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ กัดฟันรับคำสั่ง
ไม่รอหญิงชุดม่วงเอ่ยปาก ชายในชุดหรูหราคนเดียวที่เหลืออยู่ก็รีบพูดว่า “ผู้อาวุโส ข้าสืบข่าวได้มาว่า หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นไม่ใช่คนของโลกนี้ แต่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ!”
“หืม” หญิงชุดม่วงกล่าว
เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจกับคำตอบง่ายๆ เช่นนี้
ชายชุดหรูใจสั่น รีบพูดว่า “หลินสวินคนนี้เคยก่อกวนแหล่งสถานคุนหลุน แต่ก่อนหน้านี้บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่เคยได้ยินชื่อคนผู้นี้ อีกทั้งข้าเคยได้ยินจากสหายแดนกษิติครรภ์คนหนึ่ง ว่าหลินสวินเคยฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณ…”
ไกลออกไปสีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นมืดทะมึน
หญิงชุดม่วงคนนี้ถึงกับสืบเรื่องเกี่ยวกับตน!
นี่ไม่ใช่หมายความว่า นางน่าจะรู้ฐานะและที่มาของตนแล้วหรอกหรือ
ดังคาด พอชายชุดหรูพูดจบ หญิงชุดม่วงก็เอ่ยว่า “ที่แท้เจ้าเศษเดนแซ่หลินนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางสารเลวคนนั้นจริงๆ…”
ในเสียงแฝงความตื่นเต้นอันหาได้ยาก ราวกับสัตว์ร้ายที่จับจ้องเหยื่อ
“เขาอยู่ที่ไหน”
หญิงชุดม่วงถาม
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ถูกขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ของแคว้นกลางมรรคตามฆ่า…”
ชายชุดหรูตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมมาแล้ว เล่าเหตุการณ์ตามฆ่าหลินสวินที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้านี้อย่างละเอียด
“ตายหมดแล้วหรือ”
ยามรู้ผลลัพธ์สุดท้ายของการตามฆ่าครั้งนี้ หญิงชุดม่วงเองก็อดอึ้งไม่ได้ เผยสีหน้าใคร่ครวญ
ชายชุดหรูพูด “ใช่ จากการวิเคราะห์ของโลกภายนอก ในมือหลินสวินนี่คงจะมีไพ่ตายคุ้มครองชีวิตจำนวนไม่น้อย ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ที่ไหน”
หญิงชุดม่วงพูด
ชายชุดหรูส่ายหน้า “หลังจากการตามฆ่าครั้งนั้นล้มเหลวก็ไม่มีใครรู้ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน”
หญิงชุดม่วงใคร่ครวญเงียบๆ
ครู่ใหญ่นางถึงเอ่ยว่า “เจ้าไปสืบร่องรอยของเจ้าหมอนั่น เจ็ดวันหลังจากนี้ข้าต้องการคำตอบที่น่าพอใจ”
ชายชุดหรูพูดเสียงสั่น “ถ้า… ถ้าข้าสืบไม่ได้ล่ะ”
หญิงชุดม่วงเสมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
แต่ชายชุดหรูคนนั้นตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ที่น่ากลัวแล้ว สีหน้าของเขาซึมเซา ครู่ใหญ่จึงอ้าปากตอบรับอย่างขมขื่นแล้วหมุนตัวจากไป
หน้าตำหนักอันเก่าแก่ เหลือเพียงหญิงชุดม่วงคนเดียว
สวบ!
ตรงไหล่ของนางพลันควบรวมเงาร่างปานมายาออกมา สูงเพียงหนึ่งจื่อ ถูกกลิ่นอายต้องห้ามสีดำปกคลุมทั่วร่าง รูปลักษณ์คลุมเครืออย่างมาก
และยามเห็นคนผู้นี้ ดวงตาของซีที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ มาตลอดอดหดรัดลงไม่ได้
“เหยี่ยนซิง เวลาใดแล้ว เจ้ายังสนใจเศษเดนคีรีดวงกมลที่ไร้ประโยชน์นั่นอีกหรือ”
เงาร่างมายานั่นส่งเสียงคำราม “รีบพาข้ากลับตระกูล! ไม่เช่นนั้นข้าก็จะร่วงหล่นอย่างสิ้นเชิงแล้ว!”
เขาฉุนเฉียวและเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด
แต่หญิงชุดม่วงที่ถูกเรียกว่าเหยี่ยนซิงนั่นกลับพูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า “อาเก้า มรรควิถีและร่างต้นของท่านถูกจักรพรรดิยุทธ์ฆ่าไปนานแล้ว หากข้าไม่ลงมือช่วย แม้แต่เสี้ยววิญญาณอ่อนแอนี้ของท่านก็รักษาไว้ไม่ได้”
นางหยุดไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อว่า “ยิ่งกว่านั้น แม้ข้าพาท่านกลับตระกูลตอนนี้ ด้วยพลังของตระกูล ก็ไม่มีทางทำให้ท่านฟื้นกลับมาได้อีก”
“เหยี่ยนซิง! เจ้าถึงกับกล้าสาปแช่งข้าหรือ”
เงาร่างคลุมเครือนั่นส่งเสียงคำราม เผยความเดือดดาลอย่างที่สุด “ถ้าตอนนั้นไม่ใช่ข้า สวะตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะกลายเป็นปลากระโดดข้ามประตูมังกร ถูกหัวเหน้าตระกูลให้ความสำคัญได้อย่างไร”
เหยี่ยนซิงใบหน้าไร้อารมณ์ “อาเก้า เคราะห์มาจากปาก ท่านควรพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ของท่านอย่างใจเย็น คนในตระกูลเหล่านั้นเกรงว่าคงคิดว่าท่านตายไปนานแล้ว ท่านว่า ถ้าข้าไม่ระวังกำจัดเสี้ยววิญญาณนี้ของท่านไป จะโดนลงโทษอะไรหรือไม่”
เงาร่างคลุมเครือนั่นเงียบไปทันที
“อาเก้า สมัยดึกดำบรรพ์ข้าก็รับคำสั่งให้มาทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้แล้ว จนตอนนี้ภารกิจยังไม่สำเร็จ ท่านคิดว่าข้าไม่อยากกลับตระกูลหรือ…”
เหยี่ยนซิงยังคงพูดต่อ “ท่านรู้ดีกว่าใครว่าถ้าภารกิจไม่สำเร็จ แม้ข้ากลับไป สิ่งที่รอข้าอยู่ก็มีเพียงบทลงโทษที่เหี้ยมโหด”
เงาร่างคลุมเครือนั่นเสียงแหบพร่า “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ท่านไม่ต้องรู้ ขอเพียงแค่ติดตามข้าก็พอแล้ว”
เหยี่ยนซิงเสียงเรียบเฉย “หากข้าเดาไม่ผิด อีกประมาณหนึ่งเดือนก็จะมีผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับท่านมายังทางเดินโบราณฟ้าดารา ควบคุมพลังระเบียบที่ปกคลุมฟ้าดินนี้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็ถึงเวลาเก็บแหแล้ว…”
ครู่ต่อมานางกับเงาร่างอันคลุมเครือนั่นถึงหายไปไม่เห็นเงาพร้อมกัน
เห็นเพียงแสงอาทิตย์ตกสาดส่อง ฟ้าดินเวิ้งว้าง
……
สิ่งก่อสร้างที่เรียงรายยังคงว่างเปล่าและเงียบเชียบ
หลินสวินมองเห็นเหตุการณ์นี้ สภาวะจิตกระเพื่อมไหว ไม่สามารถสงบได้
เขากล้ามั่นใจ ว่าเมื่อนานมาแล้วการตามฆ่าที่ทำให้พวกมารดาของตนต้องหนีจากฟากฝั่งฟ้าดารา มาจากตระกูลที่หญิงชุดม่วงนามว่าเหยี่ยนซิงคนนี้อยู่!
ซีสื่อจิต ‘เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสี้ยววิญญาณเมื่อครู่นี้คือใคร’
ถูกเตือนเช่นนี้ หลินสวินเพิ่งจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เอ่ยอย่างตกใจว่า ‘คงไม่ใช่… จอมจักรพรรดิไร้นามนั่นกระมัง’
‘ไม่ผิด เขานั่นแหละ’
เสียงของซีใสเย็น ‘ยามอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ การโจมตีที่ประสบทุกครั้งที่ข้าออกจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ก็มาจากพลังระเบียบต้องห้ามที่คนผู้นี้ควบคุม ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากถูกศิษย์พี่ของเจ้าฆ่า เขาจะยังเหลือเสี้ยววิญญาณเสี้ยวหนึ่ง’
สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนไป
คนร้ายที่ตามฆ่าพวกมารดาของตน ดันมาจากตระกูลเดียวกับจอมจักรพรรดิไร้นาม อีกทั้งยังเรียกจอมจักรพรรดิไร้นามว่าอาเก้า!
ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินนึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีต
‘อิงตามที่ผู้หญิงคนนั้นพูด หนึ่งเดือนหลังจากนี้จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่จะปรากฏตัวแล้ว…’
เสียงของซีเผยความครัดเคร่งที่ยากจะได้เห็น
หนึ่งเดือน!
บนล่างทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราจะอยู่ภายใต้การปกคลุมของพลังระเบียบต้องห้ามอีกครั้ง ถึงตอนนั้นโลกหล้านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่จะต้องแก้แค้นให้กับ ‘อาเก้า’ คนนั้นอย่างแน่นอน และเป้าหมายมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นหลินสวิน!
“ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ผู้หญิงที่ชื่อเหยี่ยนซิงนั่นมาเพื่อตามฆ่ามารดาของข้าและท่านลู่ ที่นางมาเยือนสำนักเร้นฤทธิ์เทพก็เพราะอยากไปแดนเจินหลง นี่หมายความว่า เป็นไปได้สูงมากที่มารดาของข้าหรือท่านลู่… อยู่ที่แดนเจินหลงเช่นนั้นหรือ”
จู่ๆ หลินสวินก็พูดขึ้น
ซีกล่าว “เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่า หากนางรู้เบาะแสของเจ้า จะต้องทิ้งแผนการเดินทางไปแดนเจินหลงแล้วมาเล่นงานเจ้าอย่างแน่นอน”
ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว เขารู้ว่าที่ซีพูดไม่ผิด
ยามเห็นเหตุการณ์จากประทับเจตจำนงที่ลู่ป๋อหยาทิ้งเอาไว้ หลินสวินก็รู้แล้วว่า ตนที่มีชีพจรปราณวิญญาณหุบเหวกลืนกินต่างหากที่เป็นเป้าหมายซึ่งเหยี่ยนซิงต้องการฆ่าอย่างเร่งด่วนที่สุด!
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่งเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ข้าตัดสินใจจะหาผู้สืบทอดของสำนักเร้นฤทธิ์เทพ ถ้าสามารถไปถึงแดนเจินหลงก่อนเหยี่ยนซิงได้ บางทีอาจจะคลี่คลายหายนะบางอย่างได้บ้าง”
ซีพยักหน้าน้อยๆ
หลายปีมานี้นางเฝ้าอยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์มาโดยตลอด เคยเห็นลู่ป๋อหยา และเคยเห็นความน่ากลัวของพลังแห่งเจตจำนงที่ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งเอาไว้
แน่นอนว่านางรู้ฐานะและที่มาของหลินสวินดีกว่าใคร
วันนี้ หลินสวินกับซีเดินทางไปในเมืองที่อยู่ใกล้ๆ เขาต้นถงเพื่อสืบข่าว
สิ่งที่ทำให้หลินสวินรู้สึกเหนือคาดคือ ไม่ว่าเขาจะสืบอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสำนักเก่าแก่อย่างสำนักเร้นฤทธิ์เทพ
และย่อมไม่มีใครรู้ว่าผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพไปไหนกันแน่
เวลาผ่านไปเจ็ดวันโดยไม่รู้ตัว
หลินสวินยังคงไม่ได้เบาะแสใดๆ นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า สำนักเร้นฤทธิ์เทพจะต้องสัมผัสได้ถึงอันตรายล่วงหน้า ถึงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่มีใครรู้
เขากับซีย้อนกลับมายังเขาต้นถงอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเจ็ดวันที่แล้ว ในประตูภูเขาสำนักเร้นฤทธิ์เทพที่เคยว่างเปล่า มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มารวมตัวกัน
พวกเขาเหมือนเข้าไปอยู่ในคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ค้นหาสมบัติที่ทิ้งไว้ในเขามงคลแห่งนี้ ถึงอย่างไรสำนักเร้นฤทธิ์เทพก็หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาณาเขตที่พวกเขาครอบครองก็เป็นถึงถ้ำสวรรค์แดนมงคลชั้นหนึ่ง จะต้องถูกผู้ฝึกปราณมากมายจับจ้องอย่างแน่นอน
ถึงขั้นที่ขุมอำนาจบางส่วนที่หมายยึดครองเขามงคลแห่งนี้กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา
‘ก็ไม่รู้ว่าเหยี่ยนซิงหาผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพเจอหรือยัง…’
เห็นภาพเช่นนี้ หลินสวินขมวดคิ้วแน่น เขารับรู้ได้ว่าเหยี่ยนซิงนั่นไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่อีกแล้ว
ครู่ใหญ่หลินสวินก็ส่ายหน้า หมุนตัวจากไป
ระหว่างทางเขานึกถึงเรื่องหนึ่ง อีกครึ่งเดือนกว่าจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ก็จะปรากฏตัวแล้ว อีกฝ่ายจะต้องทำทุกวิธีเพื่อเล่นงานตนแน่!
“เจ้าสามารถเปิดเผยร่องรอยให้เหยี่ยนซิงนั่นรู้ได้ เช่นนี้นางก็จะไม่ไปแดนเจินหลง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าญาติของเจ้าจะประสบเคราะห์”
จู่ๆ ซีก็พูดขึ้น “แต่การเช่นนี้ เจ้าก็จะถูกเหยี่ยนซิงจับจ้อง เท่ากับเรียกเคราะห์สังหารมาสู่ตน”
หลินสวินอึ้งไป ดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นวาววาบ
ซีกล่าวว่า “ถ้าแค่เผชิญหน้ากับเหยี่ยนซิงนั่น ข้าก็มั่นใจในชัยชนะอยู่ แต่ถ้าถึงตอนนั้นที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัวด้วย ยั่นก็ยุ่งยากแล้ว เจ้าก็รู้ว่าถ้าจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่มา ย่อมไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่”
หลินสวินสูดหายใจลึก ความเด็ดเดี่ยวแวบผ่านดวงตา “ผู้อาวุโสไม่ต้องเป็นห่วง ทำเช่นนี้เถอะ!”
ในใจเขามีความคิดอาจหาญอย่างหนึ่ง
…………………………