บทที่ 1836 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

The king of War

บทที่ 1836 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
พอได้ยินที่กรรมการประกาศ ทางประเทศซัน โยชิดะ โชได้มองไปยังผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าคนหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ยามาชิตะ คาซึยะ คุณขึ้นสังเวียนก่อน อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ” 
ชายวัยกลางคนในชุดนักสู้ของประเทศซันที่อยู่ข้างๆ รีบลุกขึ้นพูด “รองหัวหน้าไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ!” 
พูดจบ เขาก็ออกวิ่ง จากสังเวียนที่อยู่ไกลสิบกว่าเมตร จากการเพิ่งความเร็วอย่างฉับพลัน แล้วกระทืบเท้าอย่างฉับพลันร่างกายก็ลอยขึ้นกลางอากาศราวกับตั๊กแตน
เสียง “ตุบ” ดังขึ้น ขาทั้งสองข้างของยามาชิตะ คาซึยะ ลงพื้นสังเวียนได้อย่างมั่นคง
การกระทำนี้ ทำเอาทุกคนถึงกับตะลึง ทางนักสู้ฝั่งประเทศซัน ตะโกนโห่ร้องขึ้นมาทันที บรรยากาศก็ได้ครึกครื้นขึ้นมา
หันมองมาที่จิ่วโจว ผู้แข็งแกร่งทุกคน ต่างพากันทำหน้าเคร่งขรึม โดยเฉพาะเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีจากทางเหนือใต้ออกตก ไม่ได้ดูฮึกเหิมเหมือนตอนที่แย่งตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโดสักนิด ทุกคนต่างหุบปากเงียบ กลัวตู้จ้งจะเรียกพวกเขาขึ้นประลองก่อน
จากการเปิดตัวของยามาชิตะ คาซึยะก็รู้ได้ทันทีว่าฝีมือของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ตู้จ้งกวาดตามองเหล่านักสู้ของจิ่วโจว สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ติงเหวินจัว “ติงเหวินจัว เมื่อวานหัวหน้าสมาพันธ์ได้พูดไว้แล้ว ว่าจะให้โอกาสคุณได้อยู่ในสมาพันธ์ต่ออีกครั้ง แต่การประลองในวันนี้ คุณจำเป็นต้องเป็นคนที่ออกไปประลองเป็นคนแรก” 
“คุณอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้น นักสู้ของประเทศซันคนนั้นน่าจะอยู่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดคุณไม่คิดจะใช้โอกาสนี้ ทำให้สามารถอยู่ในสมาพันธ์ได้ต่อเหรอ?” 
ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ ต่างมองมาที่ติงเหวินจัว
ติงเหวินจัวสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที ถึงเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นก็จริง แต่ก็เป็นแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นทั่วไปเท่านั้น การที่ยามาชิตะ คาซึยะถูกมอบหมายให้ขึ้นประลองเป็นคนแรก ต่อให้ระดับจะอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอด แต่ฝีมือในการต่อสู้ ต้องสู้งกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดอย่างแน่นอน
ตู้จ้งกวาดตามองเหล่านักสู้ของจิ่วโจว สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ติงเหวินจัว “ติงเหวินจัว เมื่อวานหัวหน้าสมาพันธ์ได้พูดไว้แล้ว ว่าจะให้โอกาสคุณได้อยู่ในสมาพันธ์ต่ออีกครั้ง แต่การประลองในวันนี้ คุณจำเป็นต้องเป็นคนที่ออกไปประลองเป็นคนแรก” 
เขาสามารถออกไปได้ แต่ถ้าเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นแพ้ให้กับยามาชิตะ คาซึยะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดขึ้นมา แบบนี้มันจะไม่ขายหน้ายิ่งกว่าเดิมเหรอ?
“หึ!” 
หลังจากที่ติงเหวินจัวครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผมไม่เคยรับปากหยางเฉินว่าจะขึ้นเป็นคนแรกสักหน่อย หยางเฉินมันเป็นคนพูดเองเออเองทั้งนั้น” 
ตู้จ้งหรี่ตาลง “ทำไม? แสดงว่าคุณไม่อยากอยู่ในสมาพันธ์ต่อให้สินะ?” 
ติงเหวินจัวขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ผมเป็นคนที่ริเริ่มก่อตั้งสมาพันธ์บูโดขึ้นมา หยางเฉินมันมีสิทธิ์อะไรมาเป็นหัวหน้าสมาพันธ์? อีกอย่าง วันนี้ผู้แข็งแกร่งจากทั่วสารทิศของจิ่วโจวต่างอยู่ที่นี่ หยางเฉินมันยังคิดที่จะยึดตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์ไว้ต่อไปรึไง? มันมีสิทธิ์อะไร?” 
“ต่อให้จะไล่ผมออกจากสมาพันธ์ มันก็ต้องให้หัวหน้าสมาพันธ์ที่แท้จริงเป็นคนตัดสินใจสิ ตอนนี้การประลองของเรากับประเทศซันยังไม่สิ้นสุด ใครจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์ก็ยังไม่รู้เลย” 
พอได้ฟังที่ติงเหวินจัวพูด ก็มีผู้แข็งแกร่งที่มาจากตระกูลใหญ่พูดขึ้นทันที “คุณติงพูดถูกแล้ว หยางเฉินยังไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่ใครออกจากสมาพันธ์บูโด ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโดรึเปล่า แต่ต่อให้เขามีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์จริงๆ การที่จะไล่ใครออกไปตามใจก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องจริงมั้ยครับ?” 
พอเห็นว่ามีคนช่วยพูด ติงเหวินจัวก็ทำหน้าได้ใจ แล้วพูดกับตู้จ้งด้วยรอยยิ้มว่า “ตู้จ้ง ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน การประลองระหว่างนักสู้ของประเทศซันกับจิ่วโจวได้เริ่มขึ้นแล้ว ทำไมหยางเฉินยังไม่มาอีกล่ะ? เขาคงไม่ได้ตกใจจนหนีไปเพราะรู้ว่า ทิคาโนะ ทาเคชิหัวหน้าสมาพันธ์บูโดของประเทศซันมาด้วยหรอกนะ?” 
ตู้จ้งเดือดดาลขึ้นมาทันที จึงได้ตวาดไปว่า “เหลวไหล! คุณหยางแข็งแกร่งขนาดไหน คุณไม่รู้รึไง? แม้แต่ไป๋หลี่ฉางคงที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอดยังถูกเขาฆ่าตายในทีเดียว คุณช่วยบอกผมที ว่าเขาจะกลัวนักสู้ของประเทศซันมั้ย?” 
ติงเหวินจัวพูดไปขำไป “ถ้าไม่กลัวนักสู้ของประเทศซัน แล้วทำไมในช่วงเวลาสำคัญเขาถึงหายตัวไปล่ะ?” 
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวทุกคนต่างมองมาที่ตู้จ้ง
แม้แต่พวกคนที่เข้าร่วมสมาพันธ์ไปแล้วเมื่อวาน ยังมีหลายคนที่ทำให้สงสัยเหมือนกัน
เพราะพวกเขาก็เพิ่งได้เจอหยางเฉินเมื่อวานเป็นครั้งแรก หยางเฉินเป็นคนยังไง พวกเขาก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่พวกเขาจะคิดว่าหยางเฉินกลัวที่จะได้สู้แล้วไม่กล้ามา มันก็เป็นเรื่องปกติ
ตู้จ้งโกรธจนตัวสั่น เขามั่นใจอย่างมากว่าหยางเฉินไม่มีทางกลัวการต่อสู้จนไม่กล้ามา ต้องมีอุปสรรคอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้หยางเฉินต้องมาช้าอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นเอง กรรมการก็พูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “ขอให้ทางฝั่งจิ่วโจวส่งนักสู้ขึ้นสังเวียนด้วยครับ! จะให้เวลาพวกคุณอีกหนึ่งนาทีสุดท้าย ถ้ายังไม่มีใครขึ้นมา การประลองในวันนี้ จะถือว่าทางจิ่วโจวเป็นฝ่ายแพ้!” 
พอพูดอย่างนั้นออกมา เหล่าผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวถึงได้สติกลับคืนมา
ถึงจะมีคนหลายคนมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวไม่น้อย ที่มาเพราะเกียรติยศของจิ่วโจว
จึงมีคนพูดขึ้นมาทันทีว่า “ทุกท่าน ช่วยหยุดเถียงกันก่อน ทุกคนกำลังดูอยู่นะ นี่การประลองเพิ่งจะเริ่มเอง แต่พวกเรากลับไม่มีใครกล้าออกไปสู้เลยสักคน มันไม่เท่ากับเป็นการขายหน้าเราเองอยางนั้นเหรอ?” 
“ผมหวังว่าความแค้นที่พวกคุณมีต่อกัน ไว้ค่อยมาเคลียร์กันหลังประลองเสร็จก็ได้ หลังจากนี้ เราควรร่วมแรงร่วมใจมารับมือกับนักสู้ของประเทศซันด้วยกันดีกว่า” 
“มีคนหลายคนที่อยากเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโดไม่ใช่เหรอ?งั้นเรามาตกลงกันแบบนี้ ใครที่สามารถคว้าชัยชนะสุดท้ายให้กับจิ่วโจวได้ คนนั้นก็คือหัวหน้าสมาพันธ์บูโด” 
“ผมเอาด้วย!” 
“ผมก็เอาด้วย!” 
……
ทันใดนั้น เหล่านักสู้ของจิ่วโจวต่างพากันเอ่ยปาก
ตู้จ้งรู้ดี ตอนนี้มีแต่ต้องทำแบบนี้ พอเห็นว่าเวลาหนึ่งนาทีใกล้จะถึงแล้ว ตู้จ้งก็ได้มองไปยังผู้แข็แกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นคนหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “หวังจง รอบแรก คุณออกโรงก่อน!” 
“ครับ!” 
ชายฉกรรจ์วัยกลางคนร่างสูงใหญ่คนหนึ่งรีบเดินขึ้นสังเวียนไป
ยามาชิตะ คาซึยะทำเหมือนมองไม่เห็นหวังจงที่เดินขึ้นสังเวียนมา สองตาปิดสนิท ราวกับกำลังนอนหลับ
พอหวังจงเห็นการแสดงออกของอีกฝ่าย ก็รู้สึกโมโห กัดฟันแล้วพูดไปว่า “ผมชื่อหวังจง โปรดชี้แนะด้วย!” 
ยามาชิตะ คาซึยะถึงได้ลืมตาขึ้น มองหวังจงด้วยสายตาที่ดูถูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันจะให้โอกาสแกได้ลงมือก่อนหนึ่งครั้ง เพราะถ้าให้ฉันลงมือ แกจะไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะโจมตี” 
หวังจงเดือดดาลขึ้นมาทันที แล้วตะคอกไปว่า “บัดซบ อยากตายใช่มั้ย!” 
พูดจบ เขาก็ขยับขา แล้วพุ่งเข้าใส่ ยามาชิตะ คาซึยะ
ก่อนที่จะพุ่งไปถึงตัวยามาชิตะ คาซึยะ เขาก็ได้ง้างหมัดขึ้นสูงๆ หวังที่จะจัดการอีกฝ่ายให้ได้ในหมัดเดียว
ทันใดนั้น สายตาของยามาชิตะ คาซึยะก็เป็นประกาย พอเห็นหมัดของหวังจงกำลังจะมาถึง เขาก็ได้เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
“ตุบ!” 
เกิดเสียงดังขึ้น ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจก็ได้เกิดขึ้น
หวังจงที่พุ่งเข้าหายามาชิตะ คาซึยะ ได้กระเด็นออกไป ลอยไปทางนักสู้ของจิ่วโจว
ทุกคนยังไม่ทันตั้งสติได้ ก็ได้เกิดเสียงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของหวังจงกระแทกลงพื้นอย่างแรง
ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ!
ทุกคนต่างเบิกตากว้าง ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะทางฝั่งนักสู้ของจิ่วโจวที่ตกใจหนักมาก หวังจงเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้น แต่กลับแพ้ให้อีกฝ่ายในการโจมตีเดียว
ประเด็นคือ แดนวิถีบู๊ของยามาชิตะ คาซึยะอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดเท่านั้น ตามหลังแล้ว ไม่น่าเป็นคู่ต่อสู้ของหวังจงด้วยซ้ำ