บทที่ 1837 ก้าวข้ามสองแดน
“นักสู้ฝั่งประเทศซัน ยามาชิตะ คาซึยะ ชนะ!”
กรรมการได้เดินมาข้างหน้า แล้วประกาศออกมาเสียงดัง
ทุกคนถึงตั้งสติได้ บรรยากาศของทางประเทศซัน ได้ครึกครึ้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ภายในโรงเทพบู๊ มีแต่เสียงตะโกนดีใจของนักสู้จากประเทศซัน
หันมองมาที่ผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวต่างพากันหน้าถอดสี นี่การประลองเพิ่งเริ่ม จิ่วโจวก็แพ้ไปก่อนแล้ว ถึงการประลองในครั้งนี้จะไม่ได้แข่งกันว่าฝ่ายไหนชนะมากกว่า แต่เป็นการประลองว่าฝั่งไหนแข็งแกร่งที่สุด การประลองครั้งแรกจึงเป็นศึกแห่งขวัญกำลังใจ ฝังไหนที่ชนะ ขวัญกำลังใจของฝั่งนั้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ในตอนนี้ ขวัญกำลังของทางประเทศซันพุ่งกระฉูด ส่วนทางด้านจิ่วโจว ขวัญกำลังใจลดลงแทบถึงจุดเยือกแข็ง เมื่อกี้พวกเขายังคิดที่จะรอบตาแรกมาให้ได้
สีหน้าของตู้จ้งบึ้งตึงอย่างถึงที่สุด มองดูหวังจงที่ถูกหามลงมา มือทั้งสองข้างก็กำแน่น ถึงหวังจงจะแพ้ในหารโจมตีเดียวแต่อาการนั้นหนักมาก ตานเถียนได้ถูกทำลายไปแล้ว วิชาที่ฝึกมาทั้งชีวิต ก็ได้สูญเสียไปด้วย
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้สติ
ไม่ว่ากับนักสู้คนไหน การที่วิถีบู๊ถูกทำลาย ต่างก็เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก พวกเขายอมที่จะตายก็ไม่อยากกลายเป็นคนที่ไร้ค่า
และไม่รู้ว่า หลังจากที่หวังจงฟื้นขึ้นมา แล้วรู้ว่าวิถีบู๊ของตนถูกทำลายไปแล้ว จะสามารถรับความจริงเรื่องนี้ได้รึเปล่า
“ดูท่า ความห่างชั้นระหว่างนักสู้จากประเทศซันของเรากับนักสู้ของจิ่วโจวมันจะมากมายเหลือเกิน ยามาชิตะ คาซึยะอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอด แต่กลับสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นของจิ่วโจวได้ในการโจมตีเดียว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
โยชิดะ โชพูดไปหัวเราะไป พวกนักสู้ของประเทศซันที่อยู่ข้างๆ เขาก็พากันหัวเราะขึ้นมาเหมือนกัน
นั่นจึงทำให้เหล่านักสู้ของจิ่วโขวรู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด
เดิมทีพวกเขาเป็นเจ้าบ้าน แต่มาตอนนี้เหมือนกลายเป็นถิ่นของคนอื่นไปแล้ว
แล้วกรรมการก็หันมองไปที่ยามาชิตะ คาซึยะ แล้วถามไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณยามาชิตะ คาซึยะจะสู้ต่อเลยมั้ยครับ? หรือจะลงไปพักก่อน แล้วค่อยรับคำท้าจากนักสู้ของจิ่วโจวอีกที?”
ตามกฎแล้ว ฝ่ายที่ชนะต้องรักษาบัลลังเอาไว้ แต่หลังจากที่ประลองเสร็จครั้งหนึ่ง ผู้ชนะมีเวลาพักสิบนาทีก่อนที่จะประลองในครั้งต่อไป
ยามาชิตะ คาซึยะก็ได้ยิ้มอย่างไม่ให้เกียรติออกมาที่มุมปากเหมือนกัน จึงได้พูดพร้อมยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ผมสามารถใช้ความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นในการโจมตีเดียว คุณคิดว่าผมจำเป็นต้องพักด้วยเหรอ?”
พอพูดอย่างนั้นออกไป พวกนักสู้ฝ่ายค่ายของประเทศซันก็พากันตะโกนโห่ร้องขึ้นมา
“ยามาชิตะ คาซึยะ เจ๋งไปเลย!”
“สมแล้วที่เป็นนักสู้ของประเทศซัน ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
“แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นขอวจิ่วโจวยังถูกยามาชิตะ คาซึยะจัดการได้ในทีเดียว ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลางของจิ่วโจวไม่ออกมา ก็คงไม่มีใครสามารถเอาชนะ ยามาชิตะ คาซึยะได้แล้ว”
“ความห่างชั้นระหว่างผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ของจิ่วโจวกับของเรามันมากมายเกินไป ไม่แน่ จิ่วโจวอาจจะต้องส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายออกมา จึงจะสามารถเอาชนะยามาชิตะ คาซึยะได้ก็ได้”
……
พวกนักสู้ของประเทศซันวิจารณ์กันใหญ่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าที่ขบขันออกมา ทุกคำที่พูดออกมา ก็แฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
นั่นจึงทำให้เหล่านักสู้ของจิ่วโจวที่นั่งอยู่ในค่ายรู้สึกถูกหยามยิ่งกว่าเดิม
ทุกคนต่างกำหมัดแน่น แม้แต่พวกผู้แข็งแกร่งจากตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่เมื่อกี้ยังแย่งตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโดก็ทำหน้าโกรธเกรี้ยวเหมือนกัน
พวกประเทศซันกำลังหยามผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวชัดๆ แต่ว่า ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้นของจิ่วโจว ได้แพ้ให้กับนักสู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดของประเทศซันแล้วจริงๆ แถมยังพ่ายแพ้ในการโจมตีเดียวด้วย
นักสู้ของจิ่วโจว ต่อให้จะอยากเถียงกลับ มันก็ไม่มีข้ออ้าง
สีหน้าของตู้จ้งเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด กวาดตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ในใจของทุกคนคงกำลังรู้สึกแย่มากเลยใช่มั้ย? ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกันเอง ผมอยากให้ทุกคนช่วยนึกถึงส่วนรวมหน่อยยอมก้าวออกมาสู้กับพวกประเทศซันตามระดับฝีมือของตนเอง”
พอพูดอย่างนั้นออกไป ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลางคนหนึ่งก็ได้ก้าวออกมา พูดพร้อมกัดฟันว่า “ผมชื่อฉินเฮ่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลาง รอบต่อไป ให้เป็นหน้าที่ผมเอง นอกจากผมตาย ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”
ตู้จ้งพยักหน้า ตบไปที่ไหล่ของฉินเฮ่า แล้วพูดไปว่า “ได้! รอบต่อให้เป็นของคุณ!”
ฉินเฮ่าพยักหน้าอย่างแรง แล้วเดินขึ้นสังเวียน
พอกรรมการเห็นผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวขึ้นสังเวียนแล้ว เขาก็ได้ประกาศว่า “รอบที่สอง เริ่มได้!”
ยามาชิตะ คาซึยะหรี่ตามองฉินเฮ่า จากนั้นก็หลับตาลง เหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับหวังจงเมื่อกี้ ทำเหมือนสายตาหาๆ ที่มองคนไม่ให้เห็นหัวฉินเฮ่าเลยสักนิด
ฉินเฮ่าแสดงสายตาที่อาฆาตออกมา กัดฟันแล้วพูดไปว่า “แกต้องได้ชดใช้กับความโอหังของแกแน่นอน!”
พูดจบ รังสีวิถีบู๊แดนเหนือนมนุษย์ขั้นหกชั้นกลางก็ระเบิดออกมาทันที
ในที่สุดยามาชิตะ คาซึยะก็ลืมตาขั้น พร้อมกับสายตาที่เคร่งขรึมขึ้น
เห็นได้ชัด เขาเองก็รับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนหวังจง
“หึ!”
ยามาชิตะ คาซึยะขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดขึ้นว่า “คนจิ่วโจวนี่ช่างไร้ยางอายซะจริง ฉันอยู่แค่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอด พวกแกกลับส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลางมาสู้กับฉัน สูงกว่าแดนของฉันไปถึงสองครั้งติด”
“แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันจะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง มาตบหน้านักสู้ของจิ่วโจวเอง ทำให้นักสู้ของจิ่วโจวอย่างพวกแกได้รู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ว่าจะใช้แผนอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น”
พอพูดอย่างนั้นออกมา เหล่านักสู้ของจิ่วโจวต่างพากันโมโหอย่างถึงที่สุด
“บัดซบ! ฉินเฮ่า เล่นงานมันให้หนักเลย ทำให้มันรู้ว่าห้ามมาหยามนักสู้ของจิ่วโจวเด็ดขาด!”
“ใช่! เอามันให้หนัก อัดมันจนแม้แต่แม่มันก็จำไม่ได้เลย!”
“ไอ้บัดซบนี่ มันเหยียดหยามคนมากเกินไป!”
เหล่านักสู้จิ่วโจวที่อยู่ในค่ายต่างพากันก่นด่าขึ้นมา
ฉินเฮ่าหันมองยามาชิตะ คาซึยะอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ฉันจะเข้าโจมตีแล้ว แกเตรียมตัวรับมือให้ดี!”
แต่ทว่า ทันทีที่เขาพูดจบ ยามาชิตะ คาซึยะก็ชิงพุ่งเข้ามาก่อนแล้ว
สีหน้าของฉินเฮ่าเปลี่ยนไปทันที แล้วซัดหมัดออกไป
“ระวัง!”
เหล่านักสู้ของจิ่วโจวต่างตกตะลึง
ฉินเฮ่าเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลาง แต่จะมาแพ้ไปด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ถึงมันจะเพิ่งเริ่ม แต่แค่เริ่มต้น ฉินเฮ่าก็ถูกยามาชิตะ คาซึยะบีบจนไปถึงขอบเวทีแล้ว
ขวัญกำลังใจในค่ายนักสู้ของประเทศซันปะทุขึ้น จนเกิดเสียงตะโกนโห่ร้องขึ้นดังลั่น
“ยามาชิตะ คาซึยะ สู้ๆ!”
“ยามาชิตะ คาซึยะ ไม่ต้องออมมือ เล่นงานมันให้หนัก ทำให้นักสู้ของจิ่วโจวได้รู้ว่าพวกมันก็แค่เศษสวะ!”
……
เสียงตะโกนขอนักสู้จากประเทศซันดังสนั่น
นักข่าวที่มาจากที่ต่างๆ พากันหันกล้องไปหา ถ่ายบรรยากาศที่ครึกครื้นนี้ไว้
บนสังเวียน ยามาชิตะ คาซึยะก็เหมือนกับสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง ซัดการโจมตีที่รุนแรงใส่ฉินเฮ่าอย่างบ้าคลั่ง ฉินเฮ่าถูกเล่นงานจนทำอะไรไม่ถูก ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง มีหลายครั้งที่เกือบตกลงจากสังเวียน