ตอนที่ 2065 ลูกผู้ชายต้องเป็นเช่นนี้!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาล ตลอดทางยานข้ามโลกของเรือนเร้นหมอกถูกสายตาเหี้ยมเกรียมนับไม่ถ้วนจ้องมอง ผู้โดยสารบนยานพลันอึดอัดไปทั้งตัว

นี่ก็เหมือนขับเคลื่อนไปในดินแดนชั่วร้าย สิ่งที่มองเห็นทั้งหมดล้วนเป็นไอสังหาร!

ชายวัยกลางคนกลับดูสุขุมเยือกเย็นหาใดเปรียบ “ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวล พวกที่เห็นระหว่างทางนั้น ล้วนได้แค่ขอข้าวกินบนฟ้าดารานี้ ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นพวกร้ายกาจอะไร”

“ใช่ว่าข้าน้อยโอ้อวด ในโลกมืดนี้ ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปยังไม่มีใครกล้าหาเรื่องเรือนเร้นหมอกของข้ามาก่อน!”

คำพูดของเขาเจือความมาดมั่นหาใดเปรียบ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ทว่ายังไม่รอให้ทุกคนอุ่นใจ บนยานข้ามโลกพลันมีเสียงร้องหนึ่งดังขึ้น “มี… มีคนมาแล้ว!”

ชายวัยกลางคนอึ้งงัน เงยหน้ามองออกไป

ฟ้าดาราไกลลิบมีร่างสูงโปร่งสันโดษเดินมา นางสวมชุดคลุมม่วง ผมม่วงทั้งศีรษะ พาดทวนเล่มหนึ่งบนแผ่นหลัง บนใบหน้างามเต็มไปด้วยความเฉยชาเยียบเย็น

นางตัวคนเดียวชัดๆ แต่เมื่อเดินเข้ามาฟ้าดาราใกล้เคียงกลับพลิกม้วนอย่างไร้สุ้มเสียง ดวงดาวนับไม่ถ้วนสะท้านไหว ส่ายสั่นคล้ายจะร่วงหล่น

พวกเหี้ยมโหดที่ซุ่มโจมตีอยู่บนดวงดาวบางคนต่างหลบไม่ทัน ร่างกายระเบิดออกเงียบๆ กลายเป็นชิ้นส่วนชุ่มเลือด

ชุดม่วง ผมม่วง พาดทวน นางเดินมาเหมือนราชันสังหารปรากฏตัวบนโลก พาให้ฟ้าดาราสั่นสะเทือน!

ยานข้ามโลกที่ท่องทะยานพลันหยุดลง ชะงักค้างอยู่ตรงนั้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ ราวกับถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นจับไว้

บนยานข้ามโลก ชายวัยกลางคนสีหน้าซีดเผือด ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ ความรู้สึกหวาดกลัวที่ยากจะบรรยายแผ่ลามไปทั้งตัวราวกระแสลมเย็น

ก่อนหน้านี้เขายังพูดจาคล่องปาก บอกว่าโดยทั่วไปในโลกมืดนี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเรือนเร้นหมอก

แต่เพียงพริบตาก็มีเคราะห์สังหารใหญ่ที่คาดไม่ถึงซัดเข้ามา!

เวลานี้ชายวัยกลางคนแม้แต่วาจายังกล่าวไม่ออก ถึงขั้นไม่กล้าขยับเขยื้อนเพียงนิด

ผู้โดยสารคนอื่นบนยานก็ขนพองสยองเกล้ากันหมด ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

คนผู้นี้เป็นใคร

ทำไมถึงน่ากลัวเช่นนี้

บรรยากาศก็กดดันถึงขีดสุด พาให้ผู้คนหายใจลำบาก

หญิงชุดม่วงยืนห่างออกไป นัยน์ตาที่เฉยชาไร้ความรู้สึกกวาดมองมาบนยานข้ามโลก

ขอแค่เป็นคนที่ถูกสายตาของนางกวาดมอง ย่อมไม่มีใครไม่สั่นไปทั้งตัว ราวกับถูกสายตาของมัจจุราชจับจ้อง ตกใจจนสภาวะจิตและเจตจำนงของพวกเขาแทบจะพังทลาย

“เจ้าเดรัจฉาน ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวแล้ว…”

หญิงชุดม่วงเอ่ยปาก ขณะที่เสียงเรียบเฉยดังก้องนางก็ลงมือแล้ว

มือบางขาวกระจ่างเหยียดออกมา คว้าจับกลางอากาศ

ตูม!

ห้วงอากาศรอบยานข้ามโลกพลันบีบตัวเข้ามา เหมือนลูกโป่งน้ำที่ถูกบีบ ห้วงอากาศแปรปรวนน่ากลัว ส่งเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เห็นว่ายานข้ามโลกใกล้ถูกตะครุบแหลก แสงระเบียบศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายราวภาพฝันพลันโฉบออกมา

พริบตานั้น…

ห้วงอากาศที่ทรุดตัวดังเลื่อนลั่นพลันหยุดชะงัก ราวกับจับตัวเป็นน้ำแข็ง พลังน่าพรั่นพรึงที่ปั่นป่วนหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างน่าประหลาด

จากนั้นก็ดับสลายไปพร้อมกัน มีเพียงยานข้ามโลกซึ่งอยู่กลางสภาพแปรปรวนดุดันที่ปลอดภัย!

พร้อมกันนั้นร่างทรงสง่าเหมือนภาพมายาก้าวออกมาจากยานข้ามโลก ยืนอยู่กลางอากาศ รอบกายมีโซ่ระเบียบหลายสายร้อยถักเข้าด้วยกัน ละอองแสงไหลวนประหนึ่งเทพเซียน

คนผู้นี้แน่นอนว่าเป็นซี!

สวบ!

เงาร่างผ่าเผยของหลินสวินพุ่งตามมาติดๆ ยืนอยู่ข้างกายซี บนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความจริงจัง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงชุดม่วงที่มีนามว่าเหยี่ยนซิงนี่จะมาเร็วเช่นนี้

นางหาตนเจอได้อย่างไร

“ที่แท้ก็มีคนคุ้มครองข้างกาย”

ห่างออกไป นัยน์ตาของหญิงชุดม่วงนามเหยี่ยนซิงส่องประกายม่วงวาววามดูประหลาดชวนประหวั่น จ้องมองซีแล้วกล่าวราบเรียบ “เพียงแต่อาศัยคนอย่างเจ้าคงขวางไม่อยู่”

ซีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ยานข้ามโลกของเรือนเร้นหมอกถูกเคลื่อนย้ายจากไปทันที หายไปจากเขตแดนดาราแถบนี้

จากนั้นนางจึงกล่าว “เย่จื่อ พาเขาไป เจ้าคนชั้นต่ำนี่ข้าจัดการเอง”

คำว่า ‘คนชั้นต่ำ’ ทำให้มองออกว่าซีรังเกียจและดูถูกเหยี่ยนซิงอยู่ในใจ

“ได้”

เย่จื่อโฉบพุ่งออกมา ตกปากรับคำโดยไม่ลังเล เงาร่างแผ่แสงกระบี่สายหนึ่งมาหุ้มตัวหลินสวินไว้ ก่อนพุ่งตัวไปยังโลกมืดที่อยู่ห่างออกไป

“พวกเจ้าไปตามเจ้าเดรัจฉานนั่น”

เหยี่ยนซิงขมวดคิ้วไม่ลงมือ เพียงแต่ออกคำสั่งลงมา

การปรากฏตัวของซีทำให้นางรับรู้ถึงอันตราย และทำให้นางไม่กล้าแบ่งสมาธิไปตอนนี้

“ขอรับ!”

เงาร่างสองสายปรากฏตัวกลางอากาศ คนหนึ่งคือชายชุดเทา อีกคนคือชายชราชุดหรู บนตัวทั้งสองล้วนแผ่กลิ่นอายน่ากลัวของระดับจักรพรรดิออกมา

เพียงพริบตาทั้งสองก็ไล่ตามเย่จื่อไป

ซีก็ขมวดคิ้ว ไม่ออกมือขวางเช่นกัน

“ตอนนี้ก็เหลือแค่เจ้ากับข้าแล้ว”

เหยี่ยนซิงปลดทวนที่พาดแผ่นหลังมาไว้ในมืออย่างสบายๆ นัยน์ตาที่แผ่แสงม่วงประหลาดเต็มไปด้วยไอสังหารอำมหิต “เอาอย่างไร ตัดสินเป็นตายหรือ”

“ได้”

ซีเหยียดร่างทรงสง่าสูงโปร่งครู่หนึ่ง กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้สู้เต็มกำลังมานานมากแล้ว หากเจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ข้ารับรองว่าเจ้าจะตายอย่างอนาถ”

เหยี่ยนซิงยิ้มหยันพลางกล่าว “ได้สิ”

เงาร่างของนางไหววูบ โบกสะบัดทวน

ตูม!

ฟ้าดาราแถบนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วนทันที ดวงดาวที่เดิมส่ายสั่นคล้ายจะร่วงหล่นนับไม่ถ้วน ระเบิดกระจุยดังสนั่นในพริบตา สภาพอากาศแปรปรวนแผ่ขยายไปทั่วทิศดุจกระแสน้ำ

“สุดท้ายต่อสู้ที่นี่ก็ดูจำกัดมือเท้าอยู่บ้าง กล้าตามมาสู้กันหรือไม่”

เงาร่างของซีพลิ้วไหว เพียงพริบตาก็เคลื่อนขวางฟ้าดาราไร้ขอบเขตไป

“ทำไมจะไม่กล้า”

เหยี่ยนซิงก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว เสียงตูมดังสนั่น พุ่งทลายพันธนาการอากาศตามไป

“สวรรค์ นั่นคือตัวตนที่น่ากลัวระดับใดกันแน่”

“อย่างน้อย… อย่างน้อยก็น่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างระดับจักรพรรดิ!”

“ระดับจักรพรรดิ? ข้าว่าเป็นระดับบรรพจารย์มากกว่า ไม่เห็นหรือว่าทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว ฟ้าดาราล้วนสั่นสะเทือน ถูกอานุภาพของนางทำให้หวั่นหวาด”

“น่ากลัว!”

ห่างออกไป บนยานข้ามโลกที่ซียื่นมือช่วยให้พ้นเคราะห์ พวกชายวัยกลางคนเพิ่งดึงสติกลับมาจากความรู้สึกหวาดผวาตื่นตระหนก

แม้ว่าซีกับเหยี่ยนซิงจะหายไป แต่ในฟ้าดาราแถบนี้ยังเหลือกลิ่นอายน่ากลัวของพวกนางอยู่ พาให้คนขวัญหนีดีฝ่อ

“พูดถึงเรื่องพวกนี้ทำไม รีบไปสิ!”

ชายวัยกลางคนออกคำสั่ง

ในฟ้าดารา แสงเคลื่อนไหวที่วิวัฒน์จากเย่จื่อส่องประกายกลางอากาศ

“เย่จื่อ เจ้าว่าซีจะเป็นอะไรไหม”

หลินสวินกังวล

“ไม่เป็นไรหรอก”

เย่จื่อพูดโดยไม่ต้องคิด “แม้ว่านางจะเสียความทรงจำบางส่วนในอดีตไปเหมือนข้า แต่ข้าสัมผัสได้ว่าก่อนหน้านี้นางต้องเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแน่”

หลินสวินถอนใจเบาๆ “ใช่ นางดูน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

ปกปักษ์ห้องโถงมรรคาสวรรค์ราวกับคนเฝ้าประตู ในกาลเวลาเนิ่นนานไร้สิ้นสุดบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ ทุกครั้งที่นางปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แก้ไขได้โดยง่าย

แม้แต่ตอนที่อยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ ยามเผชิญหน้ากับการสังหารของพลังระเบียบต้องห้าม นางก็ไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย

นางลืมว่าตนเป็นใคร

นางรู้แค่ว่าตอนที่ได้สติตื่นขึ้นมา ก็อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์แล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ผู้นำตระกูลเสวียนเสวียนซั่งเฉินเคยเข้าไปในห้องโถงมรรคาสวรรค์ และเคยทะลวงด่านทั้งเก้าของทางเดินเมฆาหยก ถึงขั้นแง้มประตูสวรรค์บานนั้นได้เสี้ยวหนึ่ง

แม้ว่าสุดท้ายจะล้มเหลวกลับไป แต่เสวียนซั่งเฉินในตอนนี้ได้เป็นผู้นำตระกูลเสวียนแล้ว ครอบครองอานุภาพที่ปกคลุมฟ้าดิน ถูกมองเป็นจักรพรรดิกระบี่ที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดบนฟ้าดารา!

ส่วนซีก็เคยเป็นพยานในการเติบโตของเสวียนซั่งเฉิน!

จากจุดนี้ก็สามารถมองออกว่า ความเป็นมาของซีไม่ธรรมดาระดับใด

เพียงแต่คู่ต่อสู้ของซีในครั้งนี้ก็แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ก็เคยมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา ตามล่าจนลู่ป๋อหยาและลั่วชิงสวินได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในโลกชั้นล่าง…

นี่ทำให้หลินสวินอดเป็นห่วงแทนซีไม่ได้

“หลินสวิน พวกเขาตามมาแล้ว”

เย่จื่อพลันส่งเสียง “คนหนึ่งมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่ อีกคนมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้า หากสู้กันตัวต่อตัวข้ายังพอต้านได้ แต่หากสองรุมหนึ่ง… ก็ได้แต่สู้สุดชีวิตแล้ว”

หลินสวินหันกลับไปอย่างอดไม่อยู่

ก็เห็นว่าในฟ้าดาราเบื้องหลัง เงาร่างของระดับจักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวสองสายแหวกพันธนาการอากาศมาดั่งรุ้งเทพเจิดจ้า ไล่ตามมาด้วยความเร็วที่สะเทือนใต้หล้า

ตอนอยู่บน ‘เขาต้นถง’ ของสำนักเร้นฤทธิ์เทพ หลินสวินเคยเจอสองคนนี้มาก่อน ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่เชื่อฟังคำสั่งเหยี่ยนซิง

แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง ว่าพลังปราณของอีกฝ่ายจะน่ากลัวเช่นนี้!

“หลินสวิน ยังมีอีกเรื่องที่ยากจัดการ”

เย่จื่อกล่าว “ในเขตแดนดาราที่โลกมืดตั้งอยู่นี้ปกคลุมด้วยพลังระเบียบต้องห้ามเช่นกัน หากไม่อาจจัดการกับเจ้าสองคนข้างหลังนั่นโดยเร็ว เกรงว่าจะถูกพลังระเบียบต้องห้ามจับจ้อง”

นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด

เหยี่ยนซิงก็น่ากลัวพอแล้ว หากดึงดูดความสนใจของพลังระเบียบต้องห้ามมาอีก ย่อมทำให้จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่นั่นรู้ตัว…

ผลที่ตามมานั้นไม่กล้าแม้แต่จะคิดจริงๆ

หลินสวินหนักใจขึ้นมาทันที

ขนาดยังไม่ถึงโลกมืดอย่างแท้จริง เคราะห์ใหญ่ก็ซัดโถม นี่คือสิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงมาก่อน

“หลินสวิน ข้าจะไปขวางสองคนนั้นไว้ เจ้ามุ่งหน้าไปยังโลกมืดคนเดียวเถอะ”

เย่จื่อราวกับตัดสินใจได้ “หากข้ารอดไปได้ก็จะไปหาเจ้า”

น้ำเสียงของเขาราบเรียบเหมือนเคย

แต่ความเด็ดเดี่ยวในคำพูดกลับทำให้หลินสวินหน้าเปลี่ยนสี ปฏิเสธโดยไม่ลังเล “เย่จื่อ ครั้งนี้เจ้าต้องเชื่อข้า! แค่ฆ่าหมาแก่สองตัวที่ไล่ตามมา ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปสู้สุดชีวิต!”

ครั้งก่อนตอนที่ถูกพวกจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งล้อมโจมตี เย่จื่อก็เคยสู้สุดชีวิตโดยไม่ห่วงตัวเอง ภาพต่างๆ นั้นยังประจักษ์ชัดในสายตา หลินสวินมีหรือจะให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

เย่จื่อเอ่ยเสียงเบา “หลินสวิน เดิมทีข้าก็เป็นวิญญาณกระบี่ ไม่กลัวตายอยู่แล้ว นับแต่อดีตจนปัจจุบัน การมีอยู่ของวิญญาณอาวุธ เดิมทีก็เป็นตัวตายตัวแทนของเจ้าของ แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่เจ้านายของข้า แต่ได้ตายแทนเจ้าสักครั้ง… จะเป็นไร”

หลินสวินกล่าวหนักแน่น “วิญญาณกระบี่แล้วอย่างไร ใครหน้าไหนกำหนด วิญญาณกระบี่จำเป็นต้องพลีชีพเหมือนคนโง่ด้วยหรือ จำไว้ว่าอยู่กับข้าหลินสวิน ต่อให้อับจนหนทางจริง ถ้าจะตายก็ต้องสู้ตายด้วยกัน!”

เย่จื่อตะลึงงัน

คำพูดที่เจือโทสะนี้ของหลินสวินกลับกระเทือนใจเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขาเงียบไปนานพอควร กล่าวยิ้มสดใสทันใด “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เคยมีคนกล่าวประโยคหนึ่งกับข้า”

“อะไรหรือ”

เย่จื่อสูดหายใจลึกพลางกล่าว “เอาตัวรอดคนเดียว ไม่สู้ร่วมเป็นร่วมตาย เช่นนั้นหากต้องตายก็ยินดี!”

หลินสวินขานรับทันที “ลูกผู้ชายต้องเป็นเช่นนี้!”

“ทว่า…”

นัยน์ตาดำเขาล้ำลึก “พวกเรายังไม่ถึงเวลาเข้าตาจน เย่จื่อ หากข้าชิงโอกาสให้เจ้าได้หนึ่งพริบตา เจ้าจะฆ่าหมาแก่สองตัวนั้นได้หรือไม่”