หนึ่งพริบตา!
ในสายตาของผู้บำเพ็ญธรรมโบราณ ชั่วขณะคือหนึ่งห้วงคิด ยี่สิบห้วงคิดคือหนึ่งพริบตา ยี่สิบพริบตาคือชั่วดีดนิ้ว
จวินหวนเป็นที่รู้จักในนาม ‘ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว’ นี่คือการบรรยายว่ามรรคกระบี่ของนางรวดเร็วว่องไว ถึงขั้นสะเทือนใต้หล้า
สำหรับหลินสวิน อภินิหารหยุดเวลาที่ครอบครอง ก็ทำให้ระเบียบเวลาหยุดชะงักได้หนึ่งพริบตา!
สำหรับบุคคลระดับจักรพรรดิ หนึ่งพริบตา ล้วนเพียงพอให้ทำอะไรได้มากมาย
อย่างเช่น การตัดสินเป็นตาย!
ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวิน เย่จื่อจึงพูดตามจิตใต้สำนึก “หากมีโอกาสหนึ่งพริบตา ย่อมเพียงพอให้ข้าสังหารเจ้าเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้านั่น แต่ถ้าจะฆ่าเจ้าเฒ่าอีกคนพร้อมกันนั้นยากมาก”
“เพียงพอแล้ว”
นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึก กล่าว;jk “ฆ่าคนที่รับมือยากก่อน อีกคนก็จัดการได้ง่ายแล้วไม่ใช่หรือ”
เย่จื่ออดสงสัยไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลินสวินเอาความมั่นใจมาจากไหน
“เย่จื่อ เชื่อข้า ประเดี๋ยวเจ้าแค่ลงมือตามที่ข้าบอกก็พอ”
หลินสวินไม่อธิบายนัยเร้นลับของอภินิหารหยุดเวลา นี่เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจน ถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องกับพลังของกฎเกณฑ์เวลา อย่างน้อยบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ เกรงว่าคงไม่มีใครอธิบายปริศนาที่อยู่ในนั้นได้
“ได้!”
เย่จื่อรับปากโดยไม่ต้องคิด
“ตอนนี้พวกเราไปหาหมาแก่สองตัวนี้กัน”
หลินสวินและเย่จื่อหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกัน
ฟ้าดาราแถบนี้กว้างใหญ่ไพศาล หมู่ดาวเจิดจรัส มองไม่เห็นโลกมืดนานแล้ว ดูเปล่าเปลี่ยวและกว้างใหญ่หาใดเปรียบ
“เจ้าเดรัจฉาน ทำไมไม่หนีแล้วเล่า”
ตูม!
ในห้วงอากาศปั่นป่วน รุ้งเทพสองสายทะลวงฟ้ามาเยือน อานุภาพชวนตะลึง จากนั้นก็กลายเป็นเงาร่างของชายชุดเทาและชายชราชุดหรูนั่น
คนที่เอ่ยปากคือชายชุดเทา ตัวตนน่ากลัวระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่ง
สีหน้าเขาเย็นชา ชำเลืองมองหลินสวินวูบหนึ่ง เมื่อเหลือบสายตาไปยังวิญญาณกระบี่เย่จื่อ นัยน์ตาเขาก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นมาทันที
เขานึกขึ้นได้ว่าไม่นานมานี้ สาเหตุที่จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งแห่งเรือนมรรคจักรวาลออกเคลื่อนไหว ก็เป็นเพราะวิญญาณกระบี่ที่อัศจรรย์หาใดเปรียบนี่!
ยามนี้เมื่อได้เห็นจึงทำให้เขาอดเกิดความโลภอย่างรุนแรงขึ้นมาไม่ได้
“เขาเป็นของข้า”
ชายชราชุดหรูที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นมาทันใด แววตาเขาล้ำลึก จ้องมองเย่จื่อเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใครจะชิงไปได้”
ชายชุดเทาไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย
ทันทีที่ทั้งสองมาถึงก็มองเย่จื่อเป็นเหยื่อ ระหว่างพูดคุยล้วนมองข้ามหลินสวินไปทั้งอย่างนั้น
กลับเห็นหลินสวินกล่าวทอดถอนใจเบาๆ “พวกเจ้าสองคนน่าจะไม่ใช่พวกไร้ชื่อ แต่กลับยอมเป็นสุนัข ถ้าแค่นั้นก็แล้วไปเถอะ ถึงอย่างไรจะเป็นหมาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับวิ่งมาหาที่ตายซะอย่างนั้น โง่งมอะไรปานนี้”
ชายชุดเทาและชายชราชุดหรูต่างอึ้งไปสักพัก
ด้วยฐานะของพวกเขา แค่กระทืบเท้าก็ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือนได้แล้ว ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนย่อมต้องได้รับความเคารพนับถือและห้อมล้อมอย่างที่สุด
ไหนเลยจะคิดว่าคนรุ่นหลังคนหนึ่งจะกล้าด่าพวกเขาเป็นหมาสองตัวต่อหน้า
สีหน้าของพวกเขาอึมครึมลงทันที
“พวกเศษเดนแห่งคีรีดวงกมลนั่นล้วนจากไปแล้ว หญิงที่อยู่ข้างกายเจ้าก็ถูกใต้เท้าเหยี่ยนซิงรั้งไว้ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็จะถูกกำจัด ข้าอยากรู้นักว่าใครมันให้ความกล้ากับเจ้ากันแน่ ยังกล้าโอหังเช่นนี้ในช่วงที่ความตายมาเยือนอีกหรือ”
เสียงของชายชุดเทาเย็นเยียบ “หรือเจ้าคิดว่าวิญญาณกระบี่นี้ปกป้องเจ้าได้ ทำให้เจ้ากำเริบเสิบสานได้หรือ”
นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระ
หากแต่เป็นท่าทีระวังตัวอย่างหนึ่ง
ถึงอย่างไรฐานะของหลินสวินก็ไม่ธรรมดา ใครจะกล้าลืมว่าเหล่าศิษย์พี่ของเขาเป็นพวกที่น่ากลัวระดับใด
แล้วใครจะกล้าลืมว่าจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งตายอย่างไร
เปลี่ยนเป็นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่น ชายชุดเทาคงคร้านจะพูดมากความและลงมือไปแล้ว แต่หลินสวิน… ไม่เหมือนกัน!
“เจ้าหมาแก่ เจ้าหวาดกลัวอยู่ในใจสินะ”
หลินสวินยิ้มเจือแววถากถาง “ไม่อย่างนั้นจะพูดมากเช่นนี้ทำไม”
“จริงดังว่า”
เย่จื่อพยักหน้า
ชายชุดเทาสีหน้าไม่น่าดู สบตากับชายชราชุดหรูวูบหนึ่ง
ครู่ต่อมาทั้งสองคนลงมือพร้อมกัน เป้าหมายเป็นเอกฉันท์อย่างน่าแปลกใจ
ไม่ใช่เย่จื่อ หากแต่เป็นหลินสวิน!
นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก ถึงขั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่คนที่เคยรู้จักหลินสวินมาก่อนจะเข้าใจว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ชาญฉลาดที่สุด
สำหรับพวกเขา หลินสวินที่ถูกคนมองข้ามโดยง่ายเหมือนมดปลวก ความจริงแล้วไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
ในการประชันหมากครั้งใหญ่นั้น ด้วยการปรากฏตัวของเขาจึงชักนำผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลมามากมาย และเป็นเพราะเขาปู้โจวมหาสมบัติแรกกำเนิดในมือเขา จึงช่วยดึงให้จักรพรรดิยุทธ์ออกมา และเอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามได้ในคราเดียว!
ข้างกายเขายังมีวิญญาณกระบี่ติดตาม มีหญิงปริศนาคุ้มกัน นี่… จะไม่ใช่คนสำคัญได้อย่างไร
จับโจรต้องจับหัวหน้า
สำหรับพวกชายชุดเทา แม้ว่าหลินสวินจะอ่อนแอ แต่หากจับตัวเขาได้ การตามล่านี้จะเท่ากับสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง!
ตูม!
ฟ้าดาราสั่นสะเทือน ดวงดาวใกล้เคียงล้วนสั่นคลอนรุนแรง
บุคคลระดับจักรพรรดิสองคนลงมือพร้อมกัน เปลี่ยนเป็นกึ่งจักรพรรดิทั่วไปเกรงว่าคงขวัญหนีดีฝ่อนานแล้ว ได้แต่นั่งรอความตาย ไม่มีโอกาสดิ้นรนแต่แรก
แต่หลินสวินต่างออกไป
พริบตาที่พวกชายชุดเทาลงมือ เย่จื่อที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วรับคำสั่งของหลินสวินและพุ่งออกไปทันที
สำหรับเรื่องนี้พวกชายชุดเทาไม่รู้สึกแปลกและไม่ใส่ใจ ก็แค่วิญญาณกระบี่เท่านั้น มีหรือจะต้านการโจมตีของพวกเขาสองคนที่มีต่อกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งได้
ในเวลานี้เอง…
แสงเจิดจ้างามตระการหาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของหลินสวิน
เวลาหยุดตรึงในพริบตานี้
สรรพสิ่งทั่วหล้า กลุ่มดาวทั่วฟ้าเหมือนหยุดไปหนึ่งพริบตา
และพริบตานี้เองที่ปราณกระบี่สายหนึ่งฟาดฟันมาถึง ปราณกระบี่นั้นอัดแน่นด้วยพลังทั้งชีวิตของเย่จื่อ สาดส่องฟ้าดาราแถบนี้สว่างไสว
ฟุ่บ!
เมื่อชายชุดเทาตอบสนอง ปราณกระบี่ก็แหวกผ่านพลังป้องกันรอบตัวเขา ผ่าร่างเขาเป็นสองท่อนแล้ว พลังมรรคกระบี่ที่น่าหวาดกลัวปลดปล่อยออกมา ป่นพลังจิตของเขาจนกลายเป็นจุณอย่างรวดเร็วรุนแรง
ไม่มีเสียงร้องโหยหวน ไม่มีการดิ้นรน สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่งถูกฆ่าตายเช่นนี้ จิตสิ้นวิญญาณสลาย!
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในหนึ่งพริบตาที่หยุดตรึงนั้น
พริบตานี้ชายชราชุดหรูนั่นก็ตกใจจนหนังศีรษะแทบระเบิด ถอยห่างออกไปทันที ราวกับได้รับแรงกระตุ้นหนักหน่วง
แม้แต่เย่จื่อก็ตะลึงงัน
หากสู้กันซึ่งหน้า ด้วยพลังที่เขามีตอนนี้ ย่อมยากจะไปสั่นคลอนคนที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิขั้นห้า
แต่ตอนนี้กระบี่เดียวของเขากลับฆ่าชายชุดเทานั่นได้!
นี่ทำให้เขายากจะเชื่ออยู่บ้าง
ตอนนี้เองที่เขาตระหนักได้ในที่สุด ว่าความหมายของ ‘โอกาสหนึ่งพริบตา’ ที่หลินสวินพูดถึงนั้นชวนตะลึงระดับใด!
“นี่… นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ตอนนี้ชายชราชุดหรูนั่นเพิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างขุ่นเคือง ไม่อาจจินตนาการว่าทำไมถึงเกิดเรื่องที่แปลกประหลาดและน่ากลัวเช่นนี้ได้ นี่เป็นการล้มล้างความเข้าใจทั้งหมดของเขาจริงๆ
จิตใจของเขาสั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือเท้าพลันเย็นเยียบ
หากตายในการห้ำหั่นซึ่งหน้า คงไม่ถึงขั้นทำให้เขาตกตะลึงเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริงคือ การที่ไม่เห็นว่าชายชุดเทานั่นตายอย่างไร!
สิ่งที่ไม่อาจระบุ มักจะหมายถึงความหวาดกลัว
“เย่จื่อ ฆ่าเขาซะ”
หลินสวินพลันเอ่ยปาก
ฟุ่บ!
เย่จื่อออกโจมตี คู่ต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง เขามีความมั่นใจว่าจัดการได้
ปราณกระบี่พุ่งทะยานขึ้นไปกลางฟ้าดารา เย่จื่อในตอนนี้เหมือนจักรพรรดิกระบี่แห่งยุคคนหนึ่ง ผงาดเหนือวัฏจักร
การตอบสนองแรกของชายชราชุดหรูก็คือหนี
ความตายของชายชุดเทาสร้างแรงกระตุ้นอย่างใหญ่หลวงให้กับเขา ทำให้เขาไม่อาจไม่กังวลว่าตนจะตายอย่างกะทันหันเช่นกัน
ฟุ่บ!
เขาดูคลุ้มคลั่งหาใดเปรียบ หนีอย่างสุดชีวิต
เย่จื่อไล่ตามไปติดๆ ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นนี้
“อู้เชวีย”
ขณะเดียวกันหลินสวินนำธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ได้”
อู้เชวียที่เก็บตัวเงียบอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสารมาหลายปีปรากฏตัวทันใด กลายเป็นเด็กหนุ่มผมเทาที่แผ่กลิ่นอายอำมหิตร้ายกาจออกมารอบตัว
ครู่ต่อมาอู้เชวียดึงธนูวิญญาณไร้แก่นสารแล้วสูดหายใจลึก คลื่นพลังที่น่าหวาดกลัวแผ่ออกมาจากตัวเขา
คันธนูที่ทำขึ้นจากกระดูกมากมายนั้นส่งเสียงดังครั่นครืน ไอพลังอำมหิตโหมกระหน่ำ เข้าปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้
อู้เชวียในตอนนี้ต่างไปจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด
เขายืนตระหง่านอยู่กลางฟ้าดาราราวกับเทพธนูองค์หนึ่ง เผยอานุภาพอำมหิตที่ทำให้ดวงดาวต่างสั่นสะเทือนออกมา
เมื่อเขาง้างสายธนูแดงสดดั่งโลหิตนั้น กระแสลมในห้วงอากาศใกล้เคียงราวกับถูกสูบไปจนหมด ทรุดตัวดังสะเทือนเลื่อนลั่นทันที
หลินสวินที่อยู่ข้างๆ พลันรู้สึกแสบตา จิตใจสั่นสะท้าน
ปึง!
เมื่อศรนี้โฉบพุ่งออกไป หลินสวินก็ลืมตาไม่ขึ้น พร่างพรายและบาดตาเกินไปแล้ว พลังที่อัดแน่นก็น่าหวาดกลัวและอำมหิตเกินไป
ห่างออกไป เย่จื่อที่กำลังไล่ล่าตัวแข็งทื่อ หันกลับมาอย่างอดไม่ได้
พลันเห็นศรเทพที่เหมือนภาพมายาสายหนึ่งแหวกผ่านฟ้าดารามาด้วยความเร็วที่เกินจริง ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน ดวงดาวมากมายระเบิดออกเหมือนทำจากกระดาษ!
ปึง!
บริเวณห่างไกลออกไปอีก ชายชราชุดหรูที่กำลังหนีตายกรีดร้องโหยหวน จากนั้นร่างกายเขาก็ถูกรุ้งศรที่เปล่งประกายสายนั้นทะลวงผ่าน ระเบิดกระจุยดังสนั่น
ฝนโลหิตแดงก่ำฟุ้งกระจาย
พลันเห็นว่ากลางฟ้าดาราแถบนี้ปรากฏรอยแยกยาวหลายหมื่นจั้ง ใกล้รอยแยกไม่ว่าจะเป็นดวงดาวหรือหินอุกกาบาต ทั้งหมดล้วนถูกป่นกลายเป็นจุณ เมื่อฝุ่นควันจางหายก็ยังมีเสียงแหลมสูงดังก้อง
และนี่ก็เป็นความเสียหายที่ศรของอู้เชวียสร้างขึ้น!
ศรเดียวพุ่งทะลวงฟ้าดารา ยิงสังหารระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่งที่นอกระยะหลายหมื่นจั้ง!
ภาพที่สะเทือนใต้หล้านั้น เย่จื่อเห็นแล้วอึ้งค้าง
เดิมทีหลินสวินไม่หวังว่าอู้เชวียจะลงมือ แต่เมื่อเห็นอู้เชวียลงมือแล้ว เขาก็ไม่ได้หวังว่าศรนี้จะมีอานุภาพมากเท่าไหร่
จากมุมมองเขา แค่ขวางชายชราชุดหรูนั่นไม่ให้หนีไปได้ก็พอแล้ว
แต่ความสามารถของอู้เชวียกลับล้มล้างการคาดเดาในใจเขาอย่างสิ้นเชิง ศรที่เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั้น ทำให้หลินสวินอดสูดหายใจหนาวเยือกไม่ได้เช่นกัน จิตใจล้วนสั่นสะท้าน
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลังจากเก็บตัวเงียบมาหลายปี อู้เชวียจะเปลี่ยนเป็นดุดันเช่นนี้
ต้องรู้ว่าตอนที่อยู่หุบเขาตะวันคล้อยในปีนั้น อู้เชวียที่บาดเจ็บสะสมทำได้แค่สังหารบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น
แต่ตอนนี้…
เขาใช้ศรเดียวสังหารจักรพรรดิ!
ทั้งคนที่ฆ่ายังเป็นเจ้าเฒ่าที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง!
‘มรรคธนูต้องใช้พลังทั้งชีวิตรวมไว้ในศรเดียว นัยเร้นลับที่สำคัญที่สุดมีแค่สี่คำ คราเดียวปลิดชีพ!’
อู้เชวียที่รูปร่างเหมือนเด็กหนุ่มผมเทาเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสารลงไป บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดุดันและอหังการเผยรอยยิ้มสดใส “นายน้อย ศรนี้ไม่ทำให้ท่านผิดหวังกระมัง”
……………………..