เมื่อได้ยินคำถามของเย่เฉิน เฉินจื๋อข่ายก็ทำหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน “คุณชาย พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจอาของคุณเท่าไหร่ ตำแหน่งอย่างผม จริงๆแล้วติดต่อกับคนที่มีสายเลือดโดยตรงของตระกูลเย่ยากมาก พ่อบ้านถังยังไปมาหาสู่กับพวกเขาบ่อยเสียยิ่งกว่าอีก หรือไม่คุณลองโทรไปถามเขาดูไหมครับ?”

เย่เฉินโบกมือ พูดอย่างไม่แยแสว่า “ช่างเถอะ โทรไปถามก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก มาแบบไหนก็รับมือแบบนั้น ตอนนี้ดูท่าทีไปก่อนว่าเธอคิดจะทำอะไร?”

เฉินจื๋อข่ายเอ่ยถามอีกครั้งว่า “แล้วพรุ่งนี้คุณจะไปทานข้าวกับอาคุณไหม?”

เย่เฉินพยักหน้า “ไป ถ้านัดเวลาได้แล้ว ก็มาบอกฉัน และไม่ต้องมารับฉัน ฉันจะไปเอง”

“รับทราบ!”

ในหัวของเย่เฉินนึกถึงภาพจำของคุณอาในอดีต ในความทรงจำ เธอคือผู้หญิงเจ้าเล่ห์และเจ้าอารมณ์ ตอนที่เขาห้าขวบเธอแต่งงานกับคุณชายตระกูลแถวหน้า ต่อมาก็ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง เหตุการณ์ต่อจากนั้น เขาเองก็จำไม่ได้แล้ว

ดังนั้น เย่เฉินจึงถามเฉินจื๋อข่ายว่า “เหล่าเฉิน ตอนนี้คุณอาอยู่ในตระกูลเย่ด้วยฐานะอะไร? ถ้าพูดกันตามเหตุผล เธอแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว ไม่น่าจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในตระกูลเย่ได้แล้วนะ?”

เฉินจื๋อข่ายตอบตามความจริงว่า “คุณชาย คุณอาของคุณแยกกันอยู่กับสามีตั้งนานแล้ว ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ย้ายกลับมาอยู่ที่ตระกูลเย่”

เย่เฉินขมวดคิ้ว เอ่ยปากถามว่า “แยกกันอยู่? เกิดอะไรขึ้น?”

เฉินจื๋อข่ายยิ้มหยันออกมา แล้วพูดว่า “จริงๆแล้วเรื่องอะไรแบบนี้คนเบื้องล่างอย่างพวกผมไม่ควรเอามาพูด แต่ในเมื่อคุณชายเป็นคนถาม ผมก็จะเล่าให้คุณฟังแล้วกัน….”

จากนั้น เฉินจื๋อข่ายก็นิ่งไปเล็กน้อย แล้วอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่า “ตอนนั้นที่อาของคุณแต่งงาน แม้ว่าตระกูลซุนจะยังสู้ตระกูลเย่ไม่ได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นตระกูลแถวหน้าของเมืองเย่นจริง ในเรื่องของอิทธิพลโดยรวมก็ถือว่าใหญ่พอสมควร แต่ว่าหกปีก่อนตระกูลซุนนำทรัพย์สินไปวางมัดจำอุตสาหกรรมเหล็ก ลงทุนเงินไปจำนวนมาก เพื่อสร้างบริษัทผลิตเหล็กขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมเหล็กกำลังทรุดตัวอย่างต่อเนื่องพอดี ดังนั้นตระกูลซุนจึงเสียเงินไปเยอะมาก อุตสาหกรรมของครอบครัวก็เสียหายไปมากกว่าครึ่ง”

พูดมาถึงตรงนี้ เฉินจื๋อข่ายก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ “ตั้งแต่ที่ตระกูลซุนล้ม อาของคุณก็ต้องการที่จะหย่า เพียงแต่คุณท่านคิดว่าถ้าหย่ามันจะเสียหน้าตาวงศ์ตระกูล ดังนั้นเลยไม่อนุญาตให้เธอหย่า อาของคุณจึงย้ายออกมาจากตระกูลซุน กลับมาอยู่ที่ตระกูลเย่ และเริ่มทำงานในตระกูลเย่”

เย่เฉินพยักหน้า หัวเราะหึๆออกมา “ดูเหมือนคุณอาคนนี้จะเป็นพวกเรื่องมากสินะ”

เฉินจื๋อข่ายยิ้มหยัน “นิสัยใจคอของอาคุณเข้าขั้นแย่สุดๆ ที่เมืองเย่นจิงชื่อเสียงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ว เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ตอนที่ไปเจอกับเธอ ถ้าหากว่าเธอพูดอะไรไม่ดีออกมา ก็อย่าวู่วามเด็ดขาดเลยนะครับ”

“ได้ ฉันรู้แล้ว” เย่เฉินยิ้มออกมานิ่งๆ จากนั้นก็พูดว่า “จริงๆแล้วไม่ต้องคิดอะไรมากก็พอจะเดาออก ว่าเธอคงอยากให้ฉันกลับตระกูลเย่”

“ครับ” เฉินจื๋อข่ายเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น พ่อบ้านถังบอกว่า คุณท่านอยากให้คุณกลับไปมาก คงพอเดาได้ว่าคุณอาจจะต่อต้าน ดังนั้นเลยไม่ได้พูดออกมาให้ชัดเจน”

เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ตระกูลซูเกิดเรื่องครั้งนี้ ตระกูลเย่คงดีใจมากสินะ?”

เฉินจื๋อข่ายเองก็พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “ครั้งนี้คุณช่วยตระกูลเย่ได้มากจริงๆ หลายปีมานี้ตระกูลซูไม่เคยเสียหายขนาดนี้มาก่อนเลย คุณท่านน่าจะดีใจมาก”

เย่เฉินหุบยิ้ม จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา สายตาทอแววแน่วแน่ “สองตระกูลนี้ เล่นงานฝ่ายไหน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ มันต้องมีสักวันที่สามารถเหยียบทั้งสองตระกูลไว้ใต้เท้าพร้อมกันได้ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าทำสำเร็จ!”

เมื่อเฉินจื๋อข่ายขับรถมาถึงทางเข้าTomson Riviera ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เย่เฉินถือกระเป๋า เดินเข้าไปในTomson Rivieraคนเดียว เมื่อมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ก็เสียบคีย์การ์ดเข้าไปข้างใน

ไฟในบ้านสว่างจ้า ดูเหมือนภรรยาและพ่อตาแม่ยายจะยังไม่นอน เย่เฉินสแกนลายนิ้วมือเปิดประตูบานใหญ่

ตอนนั้นเองก็พบว่าเซียวชูหรัน เซียวฉางควนและหม่าหลันสามคนพ่อแม่ลูก กำลังนั่งดูทีวีอย่างจดจ่ออยู่ในห้องรับแขก