บทที่ 1889 อยากพังม่านพลัง

The king of War

The king of War บทที่ 1889 อยากพังม่านพลัง
“นี่เป็นไปได้ยังไง?”

รู้สึกถึงลักษณะพลังอันยิ่งใหญ่ที่ระเบิดออกบนตัวหยางเฉิน ซือคงท่าทางตกใจ

“วิญญาณของเทพมารถูกเขาระงับลงไปแล้ว ทำไมเขาถึงยังระเบิดความสามารถที่เทียบเท่าแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้อีก?”

“หรือว่า เขาสามารถยืมพลังของวิญญาณเทพมารมาต่อสู้ได้แล้ว?”

……

ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์กลุ่มหนึ่ง สีหน้าดูตกใจเต็มที่

เวลานี้ หม่าชาวเพราะไม่มีทางแบกรับความกดดันมหาศาลภายในค่ายกลสังหารวิญญาณไหว หมดสติไปแล้ว

ทันใดนั้นหยางเฉินมองทางลี่เฉิน เอ่ยปากบอกว่า “ขอให้ท่านผู้อาวุโสพาหม่าชาวออกไปจากค่ายกลสังหารวิญญาณด้วยครับ เรื่องที่เหลือ ให้ผมจัดการก็พอครับ!”

ในขณะเดียวกัน คำพูดพวกนี้ถือว่าพูดกับตู้ป๋อด้วย

ลี่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดไร้สาระมากมายสักคำเดียว อุ้มหม่าชาวขึ้นแล้วออกไปจากค่ายกลสังหารวิญญาณ

ตู้ป๋อมองทางหยางเฉินด้วยท่าทางกังวลแล้วพูดว่า “พวกเราอยู่ในค่ายกลสังหารวิญญาณสามารถลดแรงกดดันที่นายต้องแบกรับลงได้มาก”

มุมปากหยางเฉินวาดเส้นโค้งที่เยาะเย้ยขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “ค่ายกลสังหารวิญญาณกระจอกๆ คิดจะมากำจัดผม?”

เวลานี้ การกระทำแต่ละอย่าง คำพูดแต่ละคำของเขา ล้วนเหมือนเทพมารฟื้นคืนชีพ

“ระวังตัวด้วย!”

ตู้ป๋อไม่พูดมากอีก หมุนตัวแล้วออกไปจากค่ายกลสังหารวิญญาณ

ทันใดนั้น ภายในค่ายกลสังหารวิญญาณก็เหลือแค่หยางเฉินแล้ว

ผู้แข็งแกร่งแดนนภาของพันธมิตรพิทักษ์กลุ่มหนึ่ง ใบหน้าเผยแววความเคร่งเครียดกันหมด หยางเฉินในตอนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ทรงพลังมาก

ซือคงจ้องหยางเฉินตาไม่กะพริบแล้วบอกว่า “ฉันไม่สนว่านายเป็นเทพมาร หรือว่าหยางเฉินกันแน่ วันนี้ ต้องตายแบบไม่ต้องสงสัย!”

เสียงพูดจบลง ทันใดนั้นซือคงควงดาบยาวของอาถรรพ์ในมือขึ้น ตะโกนเสียงดัง “ฟันให้ฉัน!”

ทันใดนั้น เงาลวงดาบอาถรรพ์ขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง โบกตามขึ้นมาด้วยกันกับดาบอาถรรพ์ที่ซือคงควงขึ้น ชั่วขณะหนึ่ง ตกลงไปในค่ายกลสังหารวิญญาณอย่างรุนแรง

หยางเฉินเงยหน้า มองเงาลวงดาบอาถรรพ์ที่กำลังตกลงมายังตนเอง โล่ล่องหน ปรากฏอยู่ท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขาแล้ว

“ฉิ้ง!”

เงาลวงของอาถรรพ์สองชิ้นปะทะเข้าด้วยกัน ของอาถรรพ์ที่ราวกับของจริงปะทะเข้าด้วยกันแล้ว เกิดเสียงกระแทกอันดังกังวานออกมา

“ตูมๆๆ!”

วินาทีต่อมา เงาลวงของอาถรรพ์สองชิ้นระเบิดออกโดยตรง กลายเป็นไอทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ

ชั่วพริบตาเดียว ทุกอย่างภายในรัศมีร้อยเมตร ที่อยู่ในไอทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวนี้ กลายเป็นฝุ่นหมดแล้ว

นอกจากซือคงแล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนนภาของพันธมิตรพิทักษ์คนอื่นๆ ทั้งหมดพ่นเลือดสดออกมา แต่ละคนหน้าตาดูซีดเซียวกันเต็มที่ ร่างกายถอยไปด้านหลังกันหลายก้าว

ถึงแม้จะเป็นซือคง ก็สีหน้าซีดเซียวเหมือนกัน ฝืนกลั้นไม่ให้ตนเองพ่นเลือดที่ทะลักขึ้นมาถึงคอหอยออกมา

หยางเฉินเลือดอาบไปทั้งตัว บนร่างกายแตกระแหงเต็มไปหมด แพร่กระจายอานุภาพมารที่ยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบออกมา

ผมยาวของเขาพลิ้วไสวตามลม ยืนอยู่ภายในค่ายกลสังหารวิญญาณอย่างมั่นคง ราวกับเป็นเทพมารตัวจริงที่มาจากสมัยดึกดำบรรพ์

สีหน้าของซือคงดูแย่ถึงขีดสุด เขารู้ว่า วันนี้อยากจะฆ่าหยางเฉินทิ้ง โดยพื้นฐานไม่มีความหวังใดๆ

แม้แต่เขาก็คิดไม่ออกว่า ทั้งที่ร่างกายหยางเฉินเพียงแค่เพิ่งฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์มาเอง ส่วนแดนบูโด ยังคงเป็นชั้นยอดที่ต่ำกว่าแดนนภา ทำไมถึงระเบิดความสามารถที่เทียบเท่าแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้?

ความสามารถแบบนี้ มีเพียงเทพมารที่ยึดครองร่างกายหยางเฉินไว้ ถึงจะครอบครองไว้ได้

แต่ว่า เมื่อสักครู่วิญญาณของเทพมารถูกวิญญาณของหยางเฉินระงับลงไปแล้ว ไม่เช่นนั้น หม่าชาวคงตายอยู่ในมือของเทพมารแล้ว

ดังนั้น คนตรงหน้านี้ ไม่ใช่เทพมาร ก็คือตัวหยางเฉินเอง

“สรุปนายเป็นใครกันแน่?”

ซือคงถามแบบกัดฟันแน่นทันที

ปัจจุบันนี้ เขาไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่า ทำไมหยางเฉินถึงครอบครองความสามารถที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไว้ได้

แสงหนาวเย็นในสายตาหยางเฉินระยิบระยับ จ้องซือคงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันคือนักบูโดของโลกทั่วไปคนหนึ่ง!”

ซือคงทำหน้าไม่เชื่อ “นี่เป็นไปไม่ได้!”

“ตอนนี้ มาถึงตานายแล้ว!”

หยางเฉินขี้เกียจพูดไร้สาระ ออร่าบู๊บนตัวเริ่มเพิ่มสูงขึ้น

“ตึง!”

ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์กลุ่มหนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นตามๆ กัน พวกเขาแค่รู้สึกว่า แรงโน้มถ่วงรอบด้าน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างฉับพลัน บนไหล่ของพวกเขาเหมือนแบกหินยักษ์หนักมากเอาไว้

“เขตแดนแรงโน้มถ่วง!”

ซือคงกัดฟันพูดว่า “ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีเขตแดนวิถีมารด้วย!”

เขตแดนทั้งสองแบบนี้ ล้วนเป็นเขตแดนที่เป็นเทพมารถึงครอบครองได้ แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินกลับสำแดงมันออกมาแล้ว

และในเวลานี้ ฉากที่ทำให้ผู้คนตกใจหนักกว่าเดิมได้เกิดขึ้นแล้ว เห็นเพียงน้ำในแม่น้ำปลอมของสำนักมาร ทันใดนั้นเอง ค่อยๆ ขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นดาบน้ำ ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือค่ายกลสังหารวิญญาณ

“เขตแดนน้ำ!”

ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์กลุ่มหนึ่ง เงยหน้ามองดาบน้ำที่เต็มท้องฟ้า แต่ละคนต่างเผยแววความตื่นตกใจเต็มหน้า

ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป คนที่เพิ่งเข้าสู่แดนนภาคนหนึ่ง สามารถเข้าใจเขตแดนประเภทหนึ่ง นับว่าเก่งกาจมากแล้ว แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินซึ่งเป็นนักบูโดโลกทั่วไปที่เนื้อหนังฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์มาเท่านั้น ไม่เพียงสำแดงเขตแดนแรงโน้มถ่วงและเขตแดนวิถีมารออกมา แม้กระทั่งยังครอบครองเขตแดนน้ำด้วย

พลังของเขตแดนทั้งสามประเภท ปรากฏอยู่บนตัวของนักบูโดคนหนึ่งในชั่วขณะเดียวกัน พวกเขายังเคยเห็นเป็นครั้งแรก

โดยเฉพาะมีดาบน้ำทั้งถี่ทั้งแน่นอยู่ด้านบนศีรษะพวกเขา ยิ่งทำให้แรงกดดันของพวกเขามหาศาล

แต่ทว่า นี่ยังไม่สิ้นสุด ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังอันลึกลับส่วนหนึ่ง ปรากฏอยู่ในค่ายกลสังหารวิญญาณแล้ว

ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์กลุ่มหนึ่ง รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเหมือนถูกแช่แข็งไว้ที่เดิม การเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง ล้วนเชื่องช้าอย่างมาก

ในใจซือคงตกใจยกใหญ่ “เขตแดนอย่างที่สี่ เขตแดนเวลา!”

วินาทีต่อมา เหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกใจกลัวก็เกิดขึ้นแล้ว เห็นเพียงดาบน้ำที่เต็มท้องฟ้า อยู่ภายใต้การเพิ่มขึ้นของแรงโน้มถ่วง ชั่วพริบตาตกลงมาในค่ายกลสังหารวิญญาณแล้ว

ไม่รู้ว่าเป็นดาบน้ำอยู่ในเขตแดนเวลาจึงถูกเร่งความเร็วแล้ว? หรือว่าพวกเขาอยู่ในเขตแดนเวลาถูกลดความเร็วแล้ว พวกเขารู้สึกแค่ว่า ความเร็วที่ดาบน้ำร่วงลงมาไวผิดปกติ

“ฟึ่บๆๆ!”

ดาบน้ำนับไม่ถ้วนร่วงลง ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์ที่ล้อมรอบอยู่รอบด้านค่ายกลสังหารวิญญาณแต่ละคนทั่วทั้งตัวคือเลือดสด เห็นได้ชัดว่าโดนดาบน้ำทำร้ายเข้าแล้ว และหลังจากดาบน้ำร่วงใส่บนตัวพวกเขา ชั่วขณะนั้นกลายเป็นละอองน้ำหายไป แต่การทำให้บาดเจ็บ กลับเป็นของจริง

“อ่า……”

ภายในค่ายกลสังหารวิญญาณเสียงร้องโหยหวนทุรนทุรายดังมาระลอกหนึ่ง

ถึงแม้จะเป็นซือคง ก็เลือดสดเต็มตัวเหมือนกัน

“ฉันจะฆ่าแก!”

ซือคงมองทางหยางเฉินด้วยท่าทางดุร้าย คำรามแบบโกรธแค้น

ตนเองเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดของพันธมิตรพิทักษ์ผู้น่าเกรงขาม คาดไม่ถึงโดนนักบูโดโลกทั่วไปคนหนึ่งเหยียดหยามเช่นนี้ นี่คือความอัปยศอดสูของเขา

ถึงแม้การทำร้ายจากดาบน้ำจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ว่าอยู่ภายใต้การเพิ่มขึ้นของเขตแดนทั้งสองอย่างเขตแดนเวลาและเขตแดนแรงโน้มถ่วงพลังการทำร้ายก็ยิ่งใหญ่อย่างมาก ถึงแม้จะเป็นร่างกายของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ก็ทำให้บาดเจ็บได้

สำหรับผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์ไม่กี่คนนั้นที่มีเพียงความสามารถแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ยิ่งน่าเวทนากว่า

และการโจมตีครั้งนี้ ก็ทำให้ค่ายกลสังหารวิญญาณหายไปในชั่วพริบตา

หยางเฉินรู้สึกทันทีว่าแรงกดดันบนตัวลดลง เขาเงยหน้ามองรอยแยกของโลกบู๊โบราณและโลกทั่วไปบนท้องฟ้าเหนือสำนักมาร ในสายตามีแสงหนาวเหน็บระยิบระยับ

ซือคงมีลางสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ ขึ้นกะทันหัน มองทางหยางเฉิน ถามอย่างประหม่าว่า “แกคิดจะทำอะไร?”

หยางเฉินไม่ได้สนใจ ทันใดนั้นมองทางตู้ป๋อที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วเอ่ยปากถาม “ท่านผู้อาวุโสตู้ ขอยืมใช้ปืนเทพบู๊หน่อยได้หรือเปล่าครับ?”

“เอาไป!”

ตู้ป๋อไม่ได้ลังเลสักนิดเดียว โยนปืนเทพบู๊เข้าไปให้โดยตรง

หลังหยางเฉินรับปืนเทพบู๊มา พลังอันยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่ง ระเบิดออกจากบนตัวเขา

เขาพินิจพิเคราะห์ปืนเทพบู๊ดูสักรอบ กล่าวชื่นชม “ของดีนี่!”

พูดจบ เขายกปืนเทพบู๊ขึ้นทันใด โยนเข้าไปทางรอยแยกของม่านพลังระหว่างสองโลกบนท้องฟ้าเหนือสำนักมารแล้ว