เย่ฉางหมิ่นเดินเร็วมาก ก้าวเดินฉับๆตรงเข้ามายังโต๊ะอาหารที่เย่เฉินนั่งอยู่
ส่วนเฉินจื๋อข่าย เดินตามหลังเธอมาติดๆ ด้วยท่วงท่านอบน้อม
ในตอนที่ระยะห่างจากเย่เฉินเหลือไม่ไกล เย่ฉางหมิ่นก็พูดพร้อมกับยิ้มออกมาว่า “ไอหยาเย่เฉิน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี โตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เลยเหรอ!”
เมื่อเย่เฉินมองมาที่เย่ฉางหมิน ก็พอจะจำหน้าเธอตอนที่เขายังเป็นเด็กได้รางๆ
เขายิ้มเยาะออกมา แล้วเอ่ยพูดว่า “เดี๋ยวผมก็จะ27แล้ว ไม่ใช่หนุ่มแล้วล่ะครับ”
เย่ฉางหมิ่นแสดงออกอย่างสนิทสนม พูดยิ้มๆว่า “ไอ้หยา แกนี่หน้าเหมือนพ่อเลยนะ!ถอดแบบกันมาเป๊ะๆ!”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วหัวเราะ “เทียบกับตอนนั้นแล้ว คุณน้าก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”
เย่ฉางหมินหัวเราะฮ่าๆออกมา “พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบปียี่สิบปีแล้ว ฉันเองก็ใกล้จะห้าสิบ จะยังเหมือนตอนสาวๆได้ยังไงลล่ะ”
ในตอนนี้เอง เฉินจื๋อข่ายก็ลากเก้าอี้ออกให้เย่ฉางหมิ่นนั่งอย่างระมัดระวัง
ในตอนที่เย่ฉางหมิ่นนั่งลง ก็เหลือบมองไปทางเย่เฉิน เมื่อเห็นว่าเย่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตลอด ไม่ได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ตัวเองจะมาถึง จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตามหลักการการร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่ ในตอนที่ผู้ใหญ่มาถึง ต้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
ถ้าผู้ใหญ่เอ่ยพูด คนอายุน้อยกว่าต้องคอยโค้งตัว ก้มหน้าตั้งใจฟัง
ถ้าผู้ใหญ่กำลังจะนั่ง คนอายุน้อยกว่าต้องรอจนกว่าผู้ใหญ่นั่งลงและอนุญาตให้นั่ง คนอายุน้อยกว่าถึงจะสามารถนั่งลงได้
แต่เย่เฉินกลับนั่งติดเก้าอี้อยู่ตลอด อย่าว่าแต่ลุกขึ้นเลย ขยับตัวสักนิดก็ไม่มี
ในใจของเย่ฉางหมิ่นพลันรู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที
ความจริงแล้วเธอไม่ได้มีความรู้สึกดีๆต่อเย่เฉินเลยสักนิด
ถ้าหากเย่เฉินหายไป ไม่ต้องโผล่หน้ามาอีก สำหรับเธอมันดีมากๆ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ไอ้หมอนี้หายไปตั้งนาน แต่จู่ๆกลับพรวดพราดเข้ามาแบ่งสมบัติของตระกูลเย่ออกไปแบบนี้
และสิ่งที่เธอรับไม่ได้ก็คือ คุณท่านยกตี้เหากรุ๊ปและเงินหมื่นล้านให้กับเขา แค่นั้นยังไม่พอยังคิดที่จะให้เขากลับเข้ามาในตระกูลอีก
เธอมองประเมินเย่เสินที่แต่งตัวธรรมดา วางตัวสบายๆ ไม่เข้าใจเรื่องมารยาท ในใจก็ค่อนแขวะขึ้นมาว่า “คนแบบนี้ มีสิทธิ์กลับเข้าตระกูลเย่ตรงไหน? ผู้มีสายเลือดโดยตรงของตระกูลเย่แต่ละคน ล้วนแล้วแต่ได้รับการศึกษาอย่างชนชั้นสูงมาตั้งแต่ยังเด็ก จากนั้นก็ออกไปเติบโตก้าวหน้าที่ต่างประเทศ เปรียบเทียบกับเย่เฉินที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินหลิงไปวันๆ ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ให้คนไม่รู้หนังสือกลับเข้าตระกูลเย่ ต้องทำให้ตระกูลเย่ขายหน้าแน่ๆ!”
แต่ว่า ต่อให้เย่ฉางหมินจะไม่ชอบเย่เฉินมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณท่าน
ถึงอย่างไร หลังจากที่เธอกับสามีแยกกันอยู่ เธอก็วางแผนกลับมาอยู่ที่ตระกูลเย่อีกครั้ง เพื่อที่จะได้แบ่งผลประโยชน์ของตระกูลในอนาคต
แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว ถ้าคิดที่จะกลับเข้าครอบครัวเพื่อแบ่งสมบัติ ก็คงถูกเย่ฉางโคงและเย่ฉางหยูนคัดค้าน
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากเย่ฉางหมิ่นอยากได้สมบัติส่วนหนึ่ง เธอต้องได้รับแรงสนับสนุนจากคุณท่าน
ดังนั้น เธอต้องจับตาดูทิศทางลมของคุณท่านอยู่เสมอ
ปกติเธอหยิ่งยโส ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา กล้าพูดกล้าชน แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณท่าน
อีกอย่าง ทุกเรื่องที่คุณท่านมอบหมายให้เธอทำ เธอจะลงมือทำอย่างเต็มที่เสมอ เพื่อให้คุณท่านพอใจ
ดังนั้น เธอจึงเอ่ยเตือนตัวเองในใจว่า “ครั้งนี้ ฉันต้องจัดการเรื่องที่คุณท่านมอบหมายให้เรียบร้อย! อย่าเพิ่งหวังว่าจะหว่านล้อมเย่เฉินกลับตระกูลได้สำเร็จเลย อย่างน้อยให้เย่เฉินตอบตกลงว่าจะกลับตระกูลเย่ในวันปีใหม่นี้ให้ได้ก่อน!”
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็กดข่มความไม่พอใจที่มีต่อเย่เฉินเอาไว้ แล้วพูดยิ้มๆว่า “เฉินเอ๋อ หลายปีมานี้แกลำบากอยู่ที่นี่มาตลอด คนในครอบครัวไม่ได้เจอแกมานานแล้ว ทุกคนต่างก็คิดถึงแกทั้งนั้น แกได้คิดไว้บ้างไหมว่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านวันไหน?”