เย่ฉางหมิ่นคิดไม่ถึง ว่าเย่เฉินจะพูดกับตัวเองแบบนี้!

อีกอย่าง เมื่อได้ยินที่เย่เฉินพูดว่าเขาสมควรได้สืบทอดมรดกของตระกูลเย่ถึงหนึ่งส่วนสี่ เธอก็พลันไฟลุกท่วมในทันที

ดังนั้น เธอจึงตะคอกออกมาว่า “เหลวไหล!แกว่าตัวเองสูงส่งมากหรือไง!สมควรได้รับมรดกถึงหนึ่งส่วนสี่งั้นเหรอ แกถือสิทธิ์อะไร?!”

เย่เฉินพูดเสียงเย็นว่า “ก็ถือสิทธิ์ในความเป็นผม และถือสิทธิ์ที่พ่อผมคือเย่ฉางอิงนี่แหละครับ!”

เย่ฉางหมิ่นสวนกลับ “พ่อแกตายไปตั้งนานแล้ว แกยังคิดที่จะใช้ชื่อพ่อแกมาสืบทอดมรดกอีกเหรอ?! ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าแกไม่คู่ควรหรอก!”

เย่เฉินมองมาที่เย่ฉางหมิ่น แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นพ่อของผมฟาดดาบฝ่าฟันเพื่อตระกูลเย่ ในสายตาของผม คุณพ่อเหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูลด้วยซ้ำ!แล้วดูคุณสิ ถ้ายึดตามหลักของวงศ์ตระกูลลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกบ้าน ในเมื่อคุณแต่งเข้าตระกูลอื่น ก็ไม่ถือว่าเป็นคนของตระกูลเย่อีกต่อไป! มีสิทธิ์อะไรมาชี้หน้าสั่งผมไม่ทราบ?!”

ประโยคที่ว่าลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกนอกบ้านเป็นคำพูดที่แสนเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเย่ฉางหมิ่น

ถึงเธอจะแต่งงานกับคนอื่น แต่เธอก็นึกถึงสมบัติของตระกูลเย่ตลอด

ตอนนี้ เธอกับสามีแยกกันอยู่ หลังจากที่ความสัมพันธ์แตกหัก เธอก็นำความคาดหวังในอนาคตทั้งหมดกลับมาฝากไว้ที่ทรัพย์สินของตระกูลเย่!

แต่ว่า พี่ใหญ่เย่ฉางโคง เจ้าสามเย่ฉางหยุน เจ้าสี่เย่ฉางเฟิง ต่างก็ไม่เคยมองเธอด้วยสายตาเป็นมิตรเลย คำพูดที่พวกเขามักจะพูดต่อหน้าเย่ฉางหมิ่น แฝงไปด้วยการกล่าวเตือนว่า ให้เลิกหวังสมบัติของตระกูลเย่ซะ เพราะว่าเธอแต่งเข้าตระกูลอื่นไปแล้ว ไม่ใช่คนของตระกูลเย่อีกต่อไป ไม่สมควรที่จะได้รับมรดกตกทอด!

แน่นอนว่าเย่ฉางหมิ่นไม่มีวันยอม!

เธอคิดว่า ครอบครัวสามีของเธอพึ่งพาไม่ได้ คนที่พึ่งพาได้มีเพียงคนเดียวก็คือคุณท่านเย่!

ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องประจบคุณท่านให้ดีๆ ก่อนที่คุณท่านตายจะได้ยกมรดกให้เธอเหลือพอกินพอใช้ไปตลอดชีวิต นี่คือเป้าหมายที่เธอจะพยายามสู้เพื่อเอามันมาให้ได้

แต่ว่า สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ เย่เฉินออกจากบ้านจนเกือบจะยี่สิบปีแล้ว กลับกล้าพูดจาแบบนี้กับเธอ นี่เท่ากับว่ากำลังเหยียบหางเธอชัดๆ มันทำให้เธอเดือดพล่านขึ้นมาในทันที!

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกัดฟันพร้อมกับถลึงตาใส่เย่เฉิน ตะคอกออกมาอย่างกรุ่นโกรธว่า “เย่เฉิน!ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าแกคิดได้สักนิด แกควรเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลเย่ ในอนาคตตระกูลเย่ไม่มีทางทอดทิ้งแกอยู่แล้ว ทำให้แกมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตยังได้!”

พูดจบ เธอก็เปลี่ยนเรื่องพูดกะทันหัน ขึ้นเสียงข่มขู่ ดวงตาเบิกโพลงด้วยความโกรธ “แต่ถ้าแกคิดไม่ได้! งั้นฉันจะบอกแกเอาไว้ ตระกูลเย่พยุงแกขึ้นมาได้ ก็ผลักแกล้มได้เหมือนกัน!พอถึงตอนนั้น ตี้เหากรุ๊ปกับเงินหมื่นล้าน ก็จะหายไปจากแก! สุดท้ายแกก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปเป็นไอ้โง่ที่ถูกครอบครัวภรรยาและคนอื่นดูถูกดูแคลน!”

เย่ฉางหมิ่นที่หลุดการควบคุมอารมณ์ พูดออกมากด้วยน้ำเสียงตะคอก

ภายในสวนดอกไม้กลางอากาศโล่งๆ มีแค่เสียงเธอดังสะท้อนกลับมา

เฉินจื๋อข่ายรีบไล่พนักงานทุกคนออกไป ตัวเขาก็เดินออกมาจากตรงนั้น มายืนอยู่ข้างนอกประตู

ในเวลาแบบนี้ คนอื่นอาจจะทำให้เย่ฉางหมิ่นหงุดหงิดได้ แบบนั้นอารมณ์ของเธอก็จะเดือดจนหลุดการควบคุมยิ่งกว่าเดิม

เมื่อเย่เฉินเห็นความโกรธเกลียดที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเย่ฉางหมิ่น เขากลับยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก แล้วเอ่ยถามว่า “ดุอะไรขนาดนั้น? งั้นผมขอถามกลับหน่อย ถ้าหากว่าผมคิดได้ ตระกูลเย่จะให้ผมทำอะไรบ้างล่ะ?”