บทที่ 1894 ต้องเข้าไปเอง

The king of War

โดยจิตสำนึกหยางเฉินเองก็รู้ในสถานการณ์ ถ้าหากมือสังหารคนนี้ถูกฆ่าตาย อุปกรณ์ติดตามตัวของมือสังหาร ก็จะส่งข้อมูลกลับไปที่ศูนย์ปฏิบัติภารกิจคามิโคโสะถึงเวลานั้น ภารกิจลอบสังหารเขา ก็จะมีเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มนี้อีก สภาพตัวเขาในเวลานี้ อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดเลย ให้แม้เพียงผู้แกร่งกล้าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย น่ากลัวคงมาฆ่าเขาได้อย่างสบาย

“ตาย!”

มือสังหารตวาดขึ้นมาลั่น ฉับพลันนั้นก็เกิดกระแสพลังที่แข็งแกร่งมาก ระเบิดออกมาจากตัวเขา

หยางเฉินก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่หนักหนาอย่างมาก เขากำมีดโลหิตในมือไว้แน่น ขาขยับเล็กน้อย

“ปึง!”

เขาย่ำขาลงบนพื้นอย่างดุดัน ชั่วแวบเดียวนั้นก็หายไปจากที่เดิม ส่วนตรงจุดที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ พื้นยุบลงไปเห็นเป็นรอยเท้าอยู่

ในวินาทีต่อมา ทั้งสองก็เข้าประชิดกัน ฝ่ายมือสังหารได้ระเบิดพลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดออกมาอย่างเต็มที่ พละกำลังทั้งหมดรวมผนึกอยู่ที่หมัดขวา มุ่งอัดเข้าใส่หยางเฉินอย่างโหดดุ

ส่วนหยางเฉินก็ระเบิดพลังออกมาทั้งหมด กระแสพลังที่ไม่อ่อนไปกว่ามือสังหาร กระจายออกมาจากตัวเขา

มีดโลหิตในมือของเขา พุ่งแทงเข้าไปตรงจุดกลางหัวใจของมือสังหารอย่างดุดัน

ถ้ามีดโลหิตในมือของเขาแทงเข้าไปถูกหัวใจของมือสังหาร ฝ่ายตรงข้ามก็จะต้องตาย

“ผัวะ!”

ช่วงสะเก็ดไฟจากตะไลเพลิงนั้นเอง มีดโลหิตในมือหยางเฉินที่แทงตรงเข้าหาหัวใจนั้น พลันเปลี่ยนจากแทงเป็นสะบัดปาด มีดโลหิตปาดเข้าที่หน้าอกฝ่ายตรงข้าม กรีดเป็นแผลเลือดเป็นทางยาว

บาดแผลที่เกิดจากมีดอาถรรพ์ รักษาหายได้ยาก มือสังหารแม้จะไม่ถึงตาย แต่ด้วยบาดแผลขนาดนี้ ชีวิตคงอยู่ได้ไม่นาน

ฝ่ายตรงข้ามที่มาก็มุ่งเอาชีวิตหยางเฉินอยู่แล้ว ถึงรู้ทั้งรู้ว่าหยางเฉินก็จะฆ่าเขาแน่นอน แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหลบ ขณะเดียวกับที่มีดโลหิตในมือของหยางเฉินปาดเข้าที่หน้าอกในชั่วแวบเดียวกันนั้น กำปั้นของมือสังหาร ก็อัดเข้าใส่กลางอกของหยางเฉิน

หยางเฉินตัวปลิวออกไปพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากปาก ยังดีว่าตอนที่มีดโลหิตของเขาปาดใส่หน้าอกของมือสังหารนั้น มีช่วงที่มือสังหารพยายามหลบออกด้วยจิตสำนึก ทำให้หมัดที่อัดใส่อย่างมุ่งเอาให้ตายนั้น พอโดนถึงหน้าอกหยางเฉิน แรงคงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

ถึงแม้จะว่าแรงที่เหลือมีเพียงครึ่งเดียว ก็ยังทำให้หยางเฉินอาการสาหัสเอาการ ความรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนย้ายที่กันไปหมด

หยางเฉินอยู่ห่างออกไปจากมือสังหารนั้นหก-เจ็ดเมตร ยืนหอบหายใจ ตาทั้งคู่จ้องเขม็งที่ฝ่ายตรงข้าม

เมื่อครู่นี้เขามีโอกาสใช้มีดโลหิตจบชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้อยู่ แต่สุดท้าย เขาละทิ้งความตั้งใจที่จะต้องฆ่า

ด้วยโดยหลักการของศูนย์ปฏิบัติภารกิจคามิโคโสะ มีว่าต้องรอให้มือสังหารที่รับปฏิบัติภารกิจไปแล้ว เกิดปฏิบัติภารกิจล้มเหลว ภารกิจนั้นจึงจะมีการนำขึ้นมาเริ่มใหม่ในศูนย์ปฏิบัติภารกิจนี้ได้

ก็หมายถึงว่า มีแต่ต้องให้มือสังหารแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดที่มาจากประเทศซันนายนี้ ตายไปด้วยน้ำมือของหยางเฉิน ภารกิจนี้จึงจะมีการจัดส่งชุดใหม่

เวลานี้ หยางเฉินบาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าไปเจอมือสังหารสักคนหนึ่ง ต่อให้พลังฝีมือแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ก็ยังสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

ถึงได้บอกว่า ขอเพียงภารกิจของมือสังหารยังไม่สิ้นสุด ก็จะไม่มีคนอื่นยอมมารับภารกิจลอบสังหารเขา ไม่มีใครคนอื่นยอมรับภารกิจนี้ ก็ไม่มีมือสังหารชุดใหม่เข้ามาลอบสังหารเขา

ฉะนั้นในวินาทีสุดท้าย หยางเฉินจึงได้ละทิ้งความตั้งใจฆ่าในที่สุด เพียงให้มือสังหารนี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะเดินทางไปถึงสำนักบู๊ได้อย่างปลอดภัย

แน่นอน อย่างที่พูดอยู่ก่อนหน้านี้ เขายังสามารถควบคุมมือสังหารได้ มิฉะนั้นแล้วมือสังหารนี้มีพลังฝีมือพอที่จะถล่มฆ่าเขาได้ ไม่สู้ฆ่าเขาทิ้งตอนนั้นเลยจะดีกว่า

“แกเป็นใครกันแน่?”

มือสังหารมองหยางเฉินด้วยสีหน้าเครียด ในแววตาของเขา ไม่มีการส่อให้เห็นถึงความหวั่นกลัว มีแต่ความกังวลและหวาดระแวง

คนที่สมาคมบูโดแห่งประเทศซันต้องการฆ่า ก็ต้องเป็นศัตรูของนักบูโดประเทศซัน ถ้าปล่อยให้หยางเฉินมีชีวิตรอดไปจากภูเขามาร สำหรับนักบูโดประเทศซัน มันเป็นเรื่องฝันร้ายแน่นอน

หยางเฉินไม่ตอบคำถามนี้ พูดกลับไปเสียงเยือก ๆ ว่า “ตอนนี้ ข้าจะให้โอกาสรอดชีวิตกับแก เดินตามข้าไปดี ๆ ข้าก็จะไม่ฆ่าแก”

มือสังหารหัวเราะเย้ยกลับทันที “แกคิดว่าข้าโง่หรือไง?ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีมือสังหารอื่นมารับช่วงภารกิจของข้า เพียงถ้าข้าทำอะไรแกไม่ได้ แกก็จะรอดชีวิตออกไปจากภูเขามารแห่งนี้”

ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ของหยางเฉิน ฉะนั้นคงเข้าใจแต่ว่าหยางเฉินจะอาศัยช่องโหว่ในกฎกติกาของศูนย์ปฏิบัติภารกิจคามิโคโสะ เพื่อออกพ้นไปจากภูเขามาร

หยางเฉินก็รู้ได้เลย เวลานี้จะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ได้แต่ใช้ไม้แข็งกันแล้ว

“ในเมื่อแกปฏิเสธ งั้นข้าก็ต้องลงมือเองแล้ว”

เสียงพูดหยางเฉินจบลง ขาขยับเล็กน้อย แวบเดียวนั้นก็มาถึงข้างหน้ามือสังหาร

มือสังหารสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ควงหมัดซัดออกไปในฉับพลัน

“ผับ!”

แต่ เพียงหมัดของฝ่ายตรงข้ามขยับควงซัดออกไป ก็ถูกหยางเฉินคว้าจับแขนไว้

มือสังหารตกใจกลัวสุดขีด เขายังคิดว่าหยางเฉินก็อยู่ในช่วงพละกำลังมาถึงที่สุดก่อนหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า หยางเฉินยังมีแรงเหลืออยู่อีกมากมายขนาดนี้

“ปึง!”

มือสังหารยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ได้รู้สึกถึงพละกำลังที่แรงมากอัดผ่านเข้ามาทางแขนของเขา วินาทีถัดมา ตัวของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ ตกกระแทกอย่างหนักลงกับพื้น

เสียงกระทบกันของวัสดุดังทุ้มลึก มือสังหารกระอักเลือดออกมา

หยางเฉินแค่นหัวเราะเสียงเยือก “ทีนี้ แกยังมีสิทธิ์ปฏิเสธอีกไหม?”

“กร๊อบ ๆ ๆ ……”

เสียงกระดูกหักดังต่อเนื่องออกมา แขนขาทั้งสี่ข้างของมือสังหารถูกทำลาย

ความหมดหวังแสดงเต็มใบหน้ามือสังหาร แขนขาทั้งหมดของเขาใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้คิดจะตาย ยังไม่มีปัญญา

ถ้ารู้ว่าหยางเฉินยังมีกำลังเหลืออยู่มากมายขนาดนี้ เขาตัดใจฆ่าตัวตายไปก่อนแล้ว ไม่ต้องมาตกอยู่ในมือของหยางเฉิน

ขณะนี้เองโชว์เฟอร์รถUnimogก็ขับเอารถเข้ามา จอดที่ด้านหลังหยางเฉิน หัวเราะเสียงฮือฮา “คิดไม่ถึงเลย เจ้านายนี่มีพลังฝีมือสูงส่งขนาดนี้ ขนาดผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ยังแพ้ไปด้วยฝีมือของคุณได้”

หยางเฉินมองหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาชืด ๆ ถามว่า “มีเชือกมั้ย?”

คนขับรถรีบผงกหัว วิ่งตุปัดตุเป๋ไปที่รถเอาเชือกมาเส้นหนึ่ง

“หนึ่งร้อยหมื่น!”

ตอนที่คนขับรถส่งเชือกให้หยางเฉิน พูดออกมายิ้ม ๆ

ได้ยินคนขับรถพูด หยางเฉินถึงกับขมวดคิ้วย่น หน้าเงินจริง ๆ เชือกเส้นเดียวคิดเอาตั้งหนึ่งล้าน ทำไมไม่ไปหาปล้นวะ?

หยางเฉินก็ไม่พูดให้พร่ำเพรื่อ รับเชือกมาแล้ว จัดการมัดตัวมือสังหารไว้

มือสังหารก็รู้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น สีหน้าทอดอาลัยหมดหวัง

รถยนต์ก็ได้ออกเดินทาง หยางเฉินหยิบเอายาเม็ดฃ่วยฟื้นฟูพลังออกมากินไปหนึ่งเม็ด แล้วก็หลับตา เริ่มการฝึกฝน

ใกล้จะถึงสำนักบู๊ในอีกไม่ช้าแล้ว ก่อนเข้าไปถึงสำนักบู๊ เขาจะต้องรีบหาทางฟื้นพลังฝีมือ ไม่งั้นจะไปช่วยคนได้ยังไง

“เจ้านาย ท่านนี่เฉียบแหลมจริง ๆ มาตามรูปแบบนี้ ภารกิจลอบสังหารคุณของสมาคมบูโดประเทศซัน เวลานี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ที่ศูนย์ทำงานก็ยังไม่มีการแสดงสถานะในภารกิจนี้”

คนขับรถขับรถไปพลาง หัวเราะชอบใจไปพลาง

“ใช่แล้ว เจ้านาย อย่าลืมจ่ายค่าเชือกหนึ่งล้านด้วยนะ”

“อีกอย่าง ผมยังต้องช่วยคุณรับผู้โดยสารระหว่างทางให้คุณอีกคนหนึ่ง ก็ต้องคิดเงินนะครับ ผมคิดให้พิเศษแล้วกัน หนึ่งล้านก็พอ”

……

คนขับรถพูดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้หยุด หยางเฉินก็ไม่ได้ไปใส่ใจ อยู่ในสภาวะฝึกฝนตลอด

เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าใด ในที่สุดก็มาใกล้ถึงสำนักบู๊แล้ว

คนขับรถจู่ ๆ ก็จอดรถ มองไปที่หยางเฉินที่ยังอยู่ในการฝึกฝนอยู่ เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เจ้านาย เข้าไปนี่ก็เป็นเขตของสำนักบู๊แล้ว รถคนภายนอก ห้ามเข้าเด็ดขาด คุณต้องเดินขึ้นไปเองแล้ว”